Reaction คู่ กู้พิภพ ^^ และเสาร์นี้ที่ลักเซมเบิร์ก
สวัสดีครับ
สัปดาห์ที่ผ่านมาผมก็ยังคงวนเวียนอยู่ในห้องแล็บ เพื่อตั้งปฏิกิริยาให้ได้ผลดีๆ ตามที่ควรจะเป็นตามทางทฤษฎี ปรากฏว่า ปฏิกิริยาขั้นตอนแรกซึ่งผมใช้สารตั้งต้นไปปริมาณมาก แต่กลับได้ผลิตภัณฑ์ออกมานิดเดียว คิดเป็นประมาณ 20 เปอร์เซนต์ของผลที่ควรจะได้ตามทางทฤษฎี และเคยมีคนรายงานผลได้มากถึง 89 เปอร์เซนต์ ดังนั้นผมจึงต้องตั้งปฏิกิริยาอีกครั้งด้วยความระมัดระวังยิ่งกว่าเดิม เพื่อให้ได้ผลที่ดีขึ้น แต่ปัญหาคือ การเก็บเกี่ยวขั้นตอนสุดท้าย คือการตกผลึกเพื่อให้สารบริสุทธิ์นั้นทำยากมาก บางครั้งสารที่เราเติมลงไปกลับไม่ตกผลึก และดูเหมือนว่าจะแปรสภาพไปเป็นสารอื่น เมื่อนำไปรันด้วยเครื่อง NMR แต่ครั้นจะรอเก็บสารปริมาณมากๆทีเดียวก็อาจจะทำให้เสียเวลา ดังนั้นสัปดาห์ที่ผ่านมาผมจึงต้องตั้งปฏิกิริยาขั้นต่อไปควบคู่กัน ด้วยปริมาณของสารผลิตภัณฑ์ที่พอจะเอื้ออำนวย เพื่อจะได้ดูว่าขั้นตอนต่อไปเป็นอย่างไรบ้าง หากไม่เป็นไปตามคาดก็คงต้องหาวิธีการใหม่อีก ความสนุกของงานนี้คือการที่ผมได้ใช้ความรู้แบบบูรณาการ เช่น การเตรียมสารเพื่อทำปฏิกิริยา ผมต้องใช้ความรู้เรื่องปริมาณสารสัมพันธ์ ในชั้น ม.4 ซึ่งลืมไปเยอะแล้ว ต้องมาฟื้นฟูอีกรอบ จึงเป็นเรื่องที่สนุกมากครับ
ปฏิกิริยาคู่ ซ้าย-ขวา
พยายามกรองเอาผลึกสารผลิตภัณฑ์
อาจารย์ที่ปรึกษาของผมที่นี่ท่านน่ารักและใจดีมาก ตอนเย็นท่านจะเดินตรวจห้องแล็บและสอบถามความก้าวหน้า หรือชวนคุยเล่นๆ บางวันท่านก็ถือหนังสือหัดพูดภาษาไทยมาที่ห้องแล็บที่ผมทำงานอยู่เพื่อให้พาท่านออกเสียง เนื่องจากท่านเคยเดินทางมาประเทศไทยหลายครั้งเพื่อร่วมประชุมวิชาการตามคำเชิญของหน่วยงานวิจัยของไทย นอกจากนี้ท่านยังเล่าให้ผมฟังว่าเคยเข้าเฝ้าฯ สมเด็จฯ เจ้าฟ้าจุฬาภรณ์วลัยลักษณ์ เพื่อสนทนาทางวิชาการด้านเคมีกับพระองค์ด้วย ห้องทำงานของท่านก็มีพระฉายาลักษณ์ของสมเด็จเจ้าฟ้านักเคมีด้วย ผมทำแล็บอยู่ที่นี่ด้วยบรรยากาศที่อบอุ่น ทั้งมีพี่คนไทยดูแล และมีอาจารย์ที่ปรึกษาที่น่ารักและใจดีอีกต่างหาก เดี๋ยววันหลังจะเอารูปถ่ายมาลงครับ
บรรยากาศสบายๆในห้องแล็บ
และเป็นประจำอีกเช่นเคย วันเสาร์ วันหยุดสุดสัปดาห์ ก็เป็นเวลาที่ผมจะออกท่องโลกกว้างเพื่อเก็บเกี่ยวประสบการณ์ โดยสัปดาห์นี้ จุดหมายปลายทางคือ ลักเซมเบิร์ก
ประเทศลักเซมเบิร์ก หรือชื่ออย่างเป็นทางการคือ ราชรัฐลักเซมเบิร์ก (Grand Dutchy of Luxembourg) เป็นประเทศขนาดเล็ก อยู่ทางตอนใต้ของเบลเยี่ยม เป็นรัฐอิสระที่ปกครองโดยพระมหากษัตริย์ เรียกว่า แกรนด์ดยุุค เป็นอีกประเทศที่มีประวัติความเป็นมายาวนาน และปัจจุบันเป็นที่ตั้งของสำนักงานต่างๆของสหภาพยุโรป เรียกได้ว่า กรุงลักเซมเบิร์กซิตี้ ก็เกือบๆเมืองหลวงของสหภาพยุโรป เทียบเท่ากับกรุงบรัสเซลส์เลยทีเดียว
ค่ารถไฟในกลุ่มประเทศเบเนลักซ์ (เบลเยี่ยม เนเธอแลนด์ และลักเซมเบิร์ก) จะถูกลงครึ่งนึง เราจึงได้เดินทางข้ามประเทศด้วยค่าตั๋วไปกลับ 40 ยูโร โดยมีผู้ร่วมเดินทาง คือ ผม พี่ลูกหมี และ Cedric เพื่อนชาวฝรั่งเศส ขาประจำอีกตามเคย
เพื่อนร่วมเดินทาง
เดินเล่นบนกำแพงเมืองขนาดยักษ์
ป้อมปราการบนกำแพง
เดินชมวิวรอบเมือง
หน้าพระราชวังของแกนด์ดยุค มีทหารเฝ้ายามด้วย
พระราชานุสาวรีย์ ของแกรนด์ดัทเชสชาร์ล็อต พระราชินีในอดีต
ตรงนี้น่าจะคล้ายๆกับลานพระบรมรูปทรงม้าบ้านเรา อยู่ตรงข้ามพระราชวัง
ทางเดินจากสันกำแพงด้านบนไปยังสวนสาธารณะด้านล้างของเมือง
จารึกคำประกาศลักเซมเบิร์กซิตี้ เมืองมรดกโลก
สวนที่ด้านล่างของเมือง ด้านหลัง(บน)คือสะพายเชื่อมนอกเมืองกับในเมือง
ตอนนี้ที่ยุโรปประสบปัญหาเถ้าภูเขาไฟ จากเหตุการณ์ประทุของภูเข้าไฟในไอซ์แลนด์ พี่ๆ เพื่อนๆ บางคนยังไม่สามารถกลับประเทศไทยได้ เนื่องจากสนามบินปิด ยังไงก็เอาใจช่วยให้ทุกคนได้กลับถึงบ้านอย่างปลอดภัยนะครับ ส่วนผมก็รอลุ้นว่า เดือนหน้าคงไม่มีปัญหาอะไร จะได้กลับบ้านไปเรียนต่อทันเวลาเปิดเทอม ^^
เจอกันอีกครั้งบันทึกต่อไปครับ
ความเห็น (6)
มาชม
เห็นวิวทิวทัศน์งามน่ามอง...
ยังคงหนาวอยู่นะครับคุณที่เมืองนี้...
อากาศเย็นสบายดีแบบหน้าหนาวเมืองไทยครับ ฝรั่งบอกว่าเย็นสบาย
แต่สำหรับคนไทย ก็ยังหนาวอยู่ดีครับ
Have a nice weekend here ค่ะ
- สวัสดีค่ะ
- แวะมาทักทายในวันหยุดนักขัตฤกษ์ สบายดีนะค่ะ
- วันนี้บุษราได้นำภาพสายน้ำเย็น ๆ มาฝากกันค่ะ
