ประโยชน์จากการทบทวนชีวิต


การที่เราได้มีโอกาสทบทวนตนเอง ก็เหมือนกับการอ่านหนังสือ ยิ่งทบทวนมากเราก็ยิ่งจดจำ

การทบทวนชีวิตตัวเอง

                ในชีวิตของคนเรานั้นตั้งแต่เล็กจนโต  จะมีสักกี่ครั้งที่เราได้มีโอกาสทบทวนชีวิตของตนเอง  ท่านเคยคิดบ้างไหมว่าที่ประเทศของเราวุ่นวายอยู่ทุกวันนี้  สาเหตุส่วนหนึ่งมาจากการที่คนเราไม่เคยทบทวนชีวิตตนเอง  ไม่เข้าใจในสิทธิและหน้าที่ที่เราพึงปฏิบัติ  คนเราโดยส่วนมากมักจะมองความผิดพลาดของผู้อื่น  แต่กลับมองไม่เห็นความผิดพลาดของตนเอง  ดังนั้นดิฉันคิดว่าวันนี้เป็นโอกาสดีที่เราจะได้ทบทวนการใช้ชีวิตของตนเอง  และดิฉันขอแนะนำว่าการทบทวนชีวิตของตนเองนั้นควรจะเป็นกลาง  คือไม่เข้าข้างตนเอง  ยอมรับความเป็นจริง  แล้วท่านจะได้รับประโยชน์จากการทบทวนตนเองครั้งนี้   ดิฉันจะลองยกตัวอย่างในการทบทวนชีวิตของตนเองให้ทุกท่านทราบ  ดังนี้

                ดิฉันเติบโตขึ้นมาในฐานะปานกลาง  ไม่ร่ำรวยแต่ก็ไม่ถึงขั้นยากจน  ดิฉันเป็นลูกสาวคนเดียวของครอบครัว  ค่อนข้างจะถูกตามใจและเอาแต่ใจมาตั้งแต่เด็ก  คุณพ่อมีอาชีพรับเหมาก่อสร้าง  แต่ด้วยภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ  การจ้างงานเริ่มน้อยลง   ท่านเกิดความเครียด  จึงตัดสินแก้ปัญหาชีวิตโดยการฆ่าตัวตาย  โดยที่ดิฉันไม่ทันได้ดูใจท่าน เพราะขณะนั้นดิฉันกำลังฝึกงานอยู่  เหมือนกับที่เคยมีใครบอกไว้ว่าคนเราจะทำอะไรจงพึงทำก่อนที่จะไม่มีโอกาส  เหมือนกับวันก่อนที่คุณพ่อจะเสีย ดิฉันตั้งใจจะโทรหาท่าน  แต่กลับไม่ได้โทรเพราะคิดว่าอีกวันจะได้กลับบ้านอยู่แล้ว  แต่ไม่คิดว่าการกลับมาครั้งนี้ดิฉันจะไม่มีโอกาสแม้กระทั้งจะได้พูดคุยกับท่านอีกตลอดชีวิต  หากวันนั้นดิฉันได้คุยกับท่านสักนิดเหตุการณ์นี้คงไม่เกิดขึ้น

                ดิฉันยอมรับว่าดิฉันเสียใจมาก  เพราะเป็นการสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิต  คุณแม่ก็เสียใจมากเช่นกัน  แต่ดิฉันกลับมองว่า การเกิด  แก่   เจ็บ  ตาย  เป็นเรื่องธรรมดา  คนเราเกิดมาทุกคนก็ต้องตาย  ขึ้นอยู่กับว่าจะช้าหรือเร็วเท่านั้นเอง  จากเหตุการณ์ครั้งนี้ทำให้ดิฉันเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น  ดิฉันตั้งใจจะทำทุกอย่างเพื่อแม่  เพราะท่านเหนื่อยและเสียใจมามากแล้ว  ก่อนจะจบการศึกษาระดับปริญญาตรี  ประมาณ 1  เดือน  ดิฉันเริ่มไปสมัครงาน  เพราะกลัวว่าเวลาจบแล้วจะไม่มีงานทำและไม่สามารถเลี้ยงดูแม่ได้  ดิฉันโชคดีที่มีบริษัทแห่งหนึ่งรับดิฉันเข้าทำงานและให้เริ่มงานได้ทันทีหลังจากเรียนจบ

                หลังจากที่ได้เริ่มทำงาน  ทำให้ดิฉันรู้ว่าโลกของการทำงานและการเรียนแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง  โลกของการเรียนเต็มไปด้วยความสนุกสนาน  ทุกคนเป็นเพื่อนกัน  แต่โลกของการทำงานเป็นโลกแห่งการชิงดีชิงเด่น  หาคนจริงใจได้ยาก  ดิฉันเป็นคนค่อนข้างจะใจร้อน  พูดจาตรงไปตรงมา  คิดอย่างไรก็พูดออกมาอย่างนั้น  จนเจ้านายบอกกับฉันว่าการที่คนเราเป็นคนพูดจาตรงไปตรงมานั้นเป็นสิ่งที่ดี แต่บางครั้งการที่คนเราพูดอะไรบางอย่างตรงเกินไป  อาจทำให้คนฟังไม่พอใจก็ได้  และคนเราไม่จำเป็นต้องพูดทุกคำที่คิด  แต่จงคิดทุกคำที่พูด  ซึ่งคำสอนนี้ดิฉันก็ได้นำมาใช้จนถึงปัจจุบัน  ดิฉันทำงานที่นี้ได้เกือบ 2 ปี   ก็ตัดสินใจลาออก  เพราะไม่ได้รับการจ่ายเงินเดือน  จำนวน 2  เดือน และระยะหลัง ๆ บริษัทก็เริ่มจ่ายเงินไม่ตรงเวลา ทำให้พนักงานพากันลาออก  แต่ดิฉันสงสารเจ้านายจึงยังทำงานต่อไป   จนถึงเดือนที่สอง ก็ยังไม่ได้รับเงินเดือน ดิฉันจึงลาออกมาเพราะไม่มีเงินใช้   เพราะเงินที่เก็บได้ตอนทำงานก็ต้องเอามาใช้จ่ายตอนเงินเดือนไม่ออกจนหมด  เหตุการณ์ครั้งนี้ทำให้ดิฉันรู้ว่าเอ็นดูเขา  เอ็นเราขาด  เป็นอย่างนี้นี่เอง

                ดิฉันตกงานอยู่หลายเดือน  แต่ช่วงที่กำลังหางานทำอยู่นั้น  ดิฉันสงสารแม่เพราะไม่ได้ช่วยเหลือค่าใช้จ่ายในบ้าน   จึงตัดสินใจทำอาชีพขายตรงกับบริษัทแห่งหนึ่ง  (ซึ่งเป็นงานที่ดิฉันไม่ชอบมากที่สุด  ไม่ใช่งานขายตรงไม่ดีนะคะแต่ดิฉันคิดว่าอาชีพนี้ไม่เหมาะกับดิฉัน และปัจจุบันดิฉันก็ไม่ได้ทำแล้ว)   และรับจ้างทุกอย่างที่พอจะทำได้  ดิฉันมีรายได้ประมาณเดือนละ 5,000  บาท   ถึงแม้จะได้เงินน้อยก็ดีกว่าไม่ได้เลย  แม่ดิฉันสอนเสมอว่า  อย่าอายทำกิน  อย่าหมิ่นเงินน้อย  อย่าคอยวาสนา  

                หลังจากนั้นก็มีโรงงานแห่งหนึ่งรับดิฉันเข้าทำงานในตำแหน่งเจ้าหน้าที่ฝ่ายบุคคล  โรงงานนี้ยิ่งไปกันใหญ่เจ้านายจู้จี้  และคอยจำผิดพนักงานอยู่ตลอดเวลา  ดิฉันอึดอัดมาก  แต่ก็ต้องทน  เพราะการทำงานไม่ว่าที่ใด ๆ  ย่อมมีปัญหาด้วยกันทั้งสิ้นเราควรเอาลักษณะที่ไม่ดีของเขามาเป็นตัวอย่างในทางที่เราไม่ควรปฏิบัติ   ดิฉันทำงานที่นี้ได้  2  เดือน  จึงลาออกเพราะสอบเป็นครูธุรการ  ตามโครงการคืนครูให้นักเรียน  ซึ่งเป็นนโยบายของรัฐบาล  และทำให้ดิฉันได้กลับมาอยู่บ้านกับแม่อีกครั้ง  เพราะโรงเรียนที่ดิฉันต้องปฏิบัติงานอยู่ใกล้บ้านนั่นเอง

                จากการทบทวนประสบการณ์การใช้ชีวิตและการทำงานที่กล่าวมาข้างต้น  ทำให้ดิฉันรู้ข้อดีและข้อเสียของตนเองดังนี้

 ข้อดี                                            ข้อเสีย

     1.ตั้งใจทำงาน                                      1.ใจร้อน

     2.มีความรับผิดชอบ                                2.พูดจาโผงผาง(เป็นบางครั้ง)

     3.ตรงไปตรงมา                                     3.โกรธง่ายหายเร็ว

     4.มีมนุษยสัมพันธ์ดี                                4.ไม่ถนัดภาษาอังกฤษ

     5.มีความรู้และความสามารถในงานธุรการ     5.ไม่มีความรู้เกี่ยวกับการสร้างเว็บไซด์

     6.ชอบเป็นผู้นำ                                     6.ไม่ชอบการสังสรรค์

     7.กตัญญูกตเวที                                    7.ซุ่มซ่าม

     8.มองโลกในแง่ดี                                   8.เอาแต่ใจตัวเอง (เป็นบางครั้ง)

     9.ชอบช่วยเหลือผู้อื่น                              9.ไม่ระมัดระวังในการใช้จ่าย

     10.เข้มแข็ง                                         10.ขี้ลืม

                การที่เราได้มีโอกาสทบทวนตนเอง  ก็เหมือนกับการอ่านหนังสือ  ยิ่งทบทวนมากเราก็ยิ่งจดจำ  มีประสบการณ์และสามารถแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ได้อย่างมีสติ  รู้จักตัวตนของตนเอง  รู้ข้อดี  ข้อเสีย  ข้อผิดพลาดต่าง  ๆ  ดังเช่นสุภาษิตจีนที่ว่า     “รู้เขารู้เรา  รบร้อยครั้ง  ชนะร้อยครั้ง”   ดังนั้นเราลองมาทบทวนชีวิตตนเองกันดีกว่านะคะ  สละเวลาเพียงนิดเพื่อการใช้ชีวิตที่ดี ค่ะ                                                              

                                                                         

 

หมายเลขบันทึก: 351697เขียนเมื่อ 15 เมษายน 2010 10:49 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 22:45 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (2)

เป็นกำลังใจให้สู้ต่อไป ค้นหาตัวเองให้พบ เจอตัวเองให้จริง ชีวิตเราก็จะมีความสุข

เมื่อพระสิทธัตถะบำเพ็ญทุกขกิริยา จนแทบชีวิตจะหาไม่แล้ว เกิดความคิดว่าสิ่งที่ทำอยู่ไม่น่าจะเป็นทางแห่งความสำเร็จแห่งการปฏิบัติธรรม  จากนั้นจึงเริ่มทบทวนชีวิต การทบทวนชีวิตถือเป็นบันไดขั้นที่1(ปฐมยาม)ของความเป็นพุทธ(พุทธ คือผู้รู้ ผู้ตื่น) ก็หวังว่าคุณสุวลีจะก้าวขึ้นบันไดขั้นที่ 2 และ 3ต่อไป

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท