สังคมสมัยนี้ มีวิธีคิดแตกต่างกันมาก คนต่างวัย คนต่างถิ่น คนต่างอาชีพ คนต่างระดับการศึกษา ล้วนมีฐานคิดต่างกัน
วิธีคิดง่ายๆที่นิยมกัน เช่น การใช้ค่าเฉลี่ย (ถัวๆไป)
การใช้ค่าเฉลี่ย การไม่ใช้ค่าจริง ทำให้ไม่เห็นความจริง ละเลยความจริง ค่าเล็กค่าน้อยละเลยกัน ด้วยเห็นว่าไม่สำคัญ
ตัวอย่างมีมากมาย
เช่นในการศึกษา ครูพอใจที่สอนแล้วนักเรียนสอบผ่านได้คะแนนเฉลี่ยของห้องเป็น 70% ทั้งที่มีนักเรียนจำนวนหนึ่งได้คะแนนต่ำมาก หรือผู้จัดการฝ่ายขายแสดงค่าเฉลี่ยยอดขายของพนักงานด้วยความพอใจโดยละเลย(ปิดบัง)ผลงนไม่ดีของบางแผนกสินค้า
เรื่องสุดร้อนของระยะนี้ก็มีผู้ทรงคุณวุฒิ(นักวิชาการ-การเมือง)เสนอให้คิดด้วยค่าเฉลี่ยด้วย ผมกำลังพูดถึงข้อเสนอของหลายๆคน ที่ให้ประณีประนอมข้อเสนอเงื่อนเวลาของการยุบสภา ที่กลุ่ม นปช เสนอยุบสภาใน 15 วัน (เป็นความต้องการโดยไม่มีเหตุผลสนับสนุน) กับข้อเสนอของนายกรัฐมนตรี คือ 9 เดือน (ซึ่งมีความจำเป็นที่มีเหตุผลและเป็นไปได้) ซึ่งตกลงกันไม่ได้ จึงมีข้อเสนอขากคนที่ไม่น่าเชื่อว่ามีคุณวุฒิบอกให้ใช้ค่าเฉลี่ย (9เดือน + 15วัน เฉลี่ย= 4เดือน 22วัน) โดยไม่ดูความเป็นไปได้อย่างมีเหตุผล
สังคมที่รีบเร่งมุ่งแต่หาประโยชน์เฉพาะหน้า กำลังทำให้เราเป็นคนมักง่าย
แต่ที่น่ากลัวคือ พื้นฐานความคิดที่ส่อลักษณะไม่รู้ถูกรู้ควร ไม่รู้คุณธรรมความดี ไม่รู้ประโยชน์ที่ควร ผมเคยได้ยินคนที่ไม่น่าเชื่อว่ามีคุณวุฒิบอกว่า "คุณธรรมวัดไม่ได้" และเสนอว่า การอยู่ในสังคมต้องยอมถอยบ้าง ต้องประณีประนอม
สังคมสมัยนี้กำลังเสนอว่า คนที่มีมาตรฐานความดีสูง ควรประณีประนอมกับคนที่มีมาตรฐานความดีต่ำ ลดมาตรฐานที่สูงนั้นลงมาเถอะ
แต่ผมขอบอกว่า ผมไม่ยอมประณีประนอมกับความชั่ว ผมไม่ยอมถอยตัวเองไปสู่มาตรฐานความดีที่ต่ำลง
ผมเชื่อว่า สังคมอยู่ได้อย่างสุขสานติ เมื่อทุกคนมีมาตรฐานคุณธรรมความดีสูง และมีเมตตาช่วยกันยกระดับของคนข้างๆให้สูงขึ้นตาม
ไม่มีความเห็น