สุนทรียสนทนาแบบพวกเรา


แต่บางครั้งในสถานการณ์ที่สุ่มเสี่ยงและวิกฤติ ก็ต้องโหดใช้หัวใจกระทิงบ้าง
สืบเนื่องจากการได้ไปอบรมสุนทรียสนทนาที่สุพรรณบุรีค่ะ...ได้เรียนรู้การสนทนาที่เน้นการเป็นผู้ฟังที่ดี ฟังทั้งเสียง อากัปกิริยา ของคู่สนทนา และที่สำคัญคือต้องได้ยินใจของเขาด้วย  กระบวนกร ใช้เทคนิคให้พวกเราทำกิจกรรมที่กระตุกใจให้เราได้คิดหลายอย่าง (คิดได้เอง โดยที่กระบวนกรแทบไม่ได้บอกอะไรแก่พวกเรา ก็ดีไปอีกแบบหนึ่งค่ะ)  
             ทำให้รู้จักมองต่างมุมและเข้าใจธรรมชาติของมนุษย์มากขึ้น เข้าถึงความเป็นตัวตนมากกว่าเดิม ไม่มีใครอยากเกิดเป็นคนเลว ที่สำคัญคือเมื่อเข้าใจคนอื่นแล้ว ก็อย่าลืมตัวเอง ให้รู้จักดูแลตนเองหาสมดุลให้ตัวเองในเวลาที่เหมาะสม  
              ตัวอย่างเรื่องการมองต่างมุม  เช่น  อย่างคนที่เป็นคนชอบช่วยเหลือผู้อื่น ชอบอาสา มีน้ำใจ เนี่ย มองเผินๆ มันก็เป็นข้อดีนะ แต่ถ้าลองมองว่าคนแบบนี้มีข้อเสียอะไร เชื่อไหมคะ มันมีคำสั้นๆ ที่ไม่ต้องอธิบายมากคำเดียวว่า (ขอโทษนะคะถ้ามันไม่สุภาพ มันเป็นข้อสรุปของกลุ่มจริงๆ) "เสือก" จิ๊ดไหมคะ และยังมีเรื่องสนุกๆ แต่ได้สาระ อีกเยอะ …และที่ชอบมากเลยคือเรื่องผู้นำสี่ทิศ ซึ่งตัวเองและหลายคนก็เคยได้ยินมาบ้างแต่จากการอ่าน...ก็แล้วไง...แค่ผ่านๆ ตาไม่ได้คิดตามอะไร แต่พอมาร่วมกิจกรรมนี้...เออ...มันได้อะไรเยอะ จากการวิเคราะห์ตัวตนของเรา ตัวตนของเพื่อน
                จากนั้นก็ได้ทึ่งกับฝีมือเขียนภาพของกระบวนกรทันตแพทย์หนุ่มนามว่าโบ ที่ใช้สีชอล์ค ลูบ...ไล้...ลากไปบน Flip chart  แป๊บเดียว ก็ได้ภาพสัตว์สี่อย่างที่เป็นตัวแทนลักษณะของผู้นำสี่ทิศ พร้อมคำบรรยายที่กระบวนกรสาวๆ ช่วยเขียน คือ
ทิศเหนือ - กระทิง : ธาตุไฟ ตัวแทนโทสะจริต
มุ่งผลสัมฤทธิ์เป็นหลัก ตรงไปตรงมา ดุดัน รวดเร็ว  ขาดความละเอียดรอบคอบ  ฉลาดแต่ไม่เฉลียว  ใจร้อน โผงผาง ขยันทำ ลงมือทำทันที  รักความยุติธรรม รักพวกพ้อง พูดกระทบใจคน เกลียดคำว่า "ทำไม่ได้" โกรธ ถ้ามีใครมาบอกว่า "อย่าทำ"  ประเภทลุย!
ข้อดี : พร้อมปกป้องลูกน้องแบบเป็นแม่ไก่กางปีกปกป้องลูกไก่ เป็นคนเอาพรรคเอาพวก ชอบอยู่เป็นกลุ่มก้อน พร้อมเผชิญหน้ากับความขัดแย้งทุกรูปแบบ ท้าทายอำนาจอย่างเปิดเผย
ข้อเสีย : ผิดพลาดง่าย  มีความเป็นตัวตนสูง หรืออาจจะทำให้ดูเป็นคนชอบใช้อำนาจมากเกินไป จึงมีศัตรูเยอะ
 
ทิศใต้ - หนู : ธาตุน้ำ ตัวแทนโลภะจริต
ซุกซนไร้ระเบียบ ซอกแซก ใฝ่สัมพันธอันดับหนึ่ง รักษาน้ำใจ เข้าใจผู้อื่นไม่ชอบมีเรื่อง ชอบเป็นกาวใจ ประนีประนอม ขี้กลัว กลัวแล้วดื้อ ไม่กล้าแสดงออก มักท้อแท้ เบื่อหน่ายง่าย และชอบการเปลี่ยนแปลง
ข้อดี : จะเป็นผู้ที่หลีกเลี่ยงความขัดแย้งรุนแรง ไม่ชอบปะทะหรือใช้กำลังทำลายล้าง จะได้กลิ่นของความขัดแย้ง หรือความไม่ลงรอยกันได้อย่างรวดเร็ว หน่วยงานใดที่ได้ผู้นำหรือผู้ร่วมงานแบบนี้จะโชคดี เพราะจะแก้ไขปัญหาความขัดแย้งได้รวดเร็วและราบรื่น
ข้อเสีย :  มักจะถอดใจลาออกไปก่อน ไม่สามารถจะอยู่ในท่ามกลางความขัดแย้งรุนแรงได้ และอาจจะถูกข่ม เนื่องจากมีความอ่อนโยน และประนีประนอมมากเกินไป
ทิศตะวันออก - นกอินทรี : ธาตุลม ตัวแทนโมหะจริต (พวกเราเรียกอีเหี่ยว อิ-อิ)
 โฉบเฉี่ยว มองการณไกล เชื่อมโยง เห็นภาพกว้าง เจ้าของ Project ชอบการเปลี่ยนแปลง ชอบของใหม่ของแปลก  มีวิสัยทัศน์ไกล แต่เบลอๆ จินตนาการคิดให้ผู้อื่นทำ แต่ไม่ลงมือทำเอง (มีเสียงลอยมาว่า“ไอ้ชั่ว” เรียกเสียงฮาเลยทีนี้)
ข้อดี : จะมีชีวิตการทำงานที่มีสีสัน สนุกสนาน
ข้อเสีย : หาสาระแก่นสารไม่ได้ หรือยากที่จะประสบความสำเร็จได้โดยง่าย เพราะอาจดูกลายเป็นคนจับจดหยิบโหย่ง ด้วยความเป็นคนไม่ชอบความซ้ำซากจำเจจึงอาจกลายเป็นคนทำงานไม่ต่อเนื่องได้
ทิศตะวันตก - หมี : ธาตุดิน ตัวแทนโมหะจริต
จู้จี้ ขี้บ่น อุ้ยอ้าย เชื่องช้า ละเอียดรอบคอบ ทำงานเป็นขั้นเป็นตอน ยึดกฎระเบียบ แม่นกติกา เป็นผู้คุ้มกฏไม่ชอบการเปลี่ยนแปลง ไม่ชอบเสี่ยง รักษาความยั่งยืน ช่างเก็บรายละเอียด ...คอ.วอ.ยอ. (คิดวิเคราะห์แยกแยะอย่างแยบยล)
ข้อดี : จะเป็นผู้นำที่หาความผิดพลาดได้ยาก เพราะมีหลักการทำงานแบบมีระบบระเบียบ เคร่งครัดต่อกฎเกณฑ์ มีปรัชญาในการทำงานในลักษณะที่เรียกว่าป้องกันดีกว่าแก้ไข
ข้อเสีย : มีลักษณะการทำงานที่เคร่งเครียด ไม่มีความยืดหยุ่น ไม่ชอบการเปลี่ยนแปลง
                หลังจากที่พวกเราชื่นชมงานศิลป์ 4 ทิศ พร้อมกับเสียงวิพากวิจารณ์ แบบขำๆ สักพัก ทีมกระบวนกรก็ ให้พวกเรา  พิจารณาอย่างเป็นอิสระ ว่าเป็นตัวเองน่าจะจัดอยู่ในสัตว์ชนิดใด แล้วเคลื่อนตัวไปอยู่ทิศนั้น พวกเรามีกันอยู่ ราวๆ 50 คน ...ช่วงนี้ดูชุลมุนและได้ยินแต่เสียงหัวเราะ บางคนก็ถูกเพื่อนไล่ไม่ให้เข้ากลุ่ม ตัวอย่างผู้เขียนมันบอกว่าแกชอบคิดนอกกรอบแกต้องไปเป็นอีเหี่ยว(นกอินทรีย์ น่ะ)  เราก็ชักลังเล พอหันไปทิศอีเหี่ยวอย่างมันว่า เท่านั้นแหล่ะ...ทุกคนก็ฮาพร้อมกัน เพราะทิศนั้นมันมีเหี่ยวตัวผู้กับตัวเมียอย่างละตัว (ซึ่งเป็นสามีภรรยากันอยู่แล้ว) เราเลยถอนตัวบอกว่าไม่อยากเป็นชู้ว่ะ...แล้วเราก็ดื้ออยู่กับไอ้พวกหนู ซึ่งมีเยอะมาก กว่า กลุ่มหมีและกระทิง
                และแล้วก็ถึงเวลาแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกัน แต่ละคนก็ออกมาพูดเหตุผลที่ตัวเองเลือก ก็จะเลือกที่รู้สึกว่าเหมือนตัวเองที่สุด (บางคนก็เพื่อนเลือกให้ อย่างเช่น พี่เปี๊ยกน้องๆ ฉุดให้อยู่ทิศหมี แกเลยต้องยอม ที่จริงแกคิดว่าแกเป็นหนูค่ะ) บางคนก็ลังเล ไม่แน่ใจเพราะมันไม่ได้เหมือนไปซะหมด มันดูเหมือนจะเหมือโน่นนิดเหมือนี่หน่อย เลยเรียกตัวเองว่าสัตว์ประหลาด! ซะงั้น...
                สำหรับ BY Jan เหตุผลที่เลือกหนู เพราะรู้สึกว่า มีหลายข้อที่ตรงกับตัวเองมากที่สุด ในขณะนี้ ที่จะมีไม่เหมือนเลยคือเรื่อง “ ไม่กล้าแสดงออก” และโดยส่วนตัว คิดว่า ไม่มีใครที่มีบุคลิกเพียงอย่างเดียวโดดๆ หรอก มันน่าจะผสมปนเปกันไปมากกว่าขึ้นอยู่กับสถานการณ์ และช่วงเวลา เช่น    
               ตัวเอง ได้ย้อนนึกไปถึงตอนเป็นทารก –ก่อนเรียน คิดว่าช่วงนั้นน่าจะเป็นกระทิง ปนหนูพอๆ กัน เพราะจำได้ว่า เก่ง นักเลงไม่กลัวใคร แถมซนจนลิงเรียกพี่ พอเข้าเรียนก็รู้สึกว่าความเป็นหนู จะเด่นมาก และแกมด้วยความเป็นกระทิง รักเพื่อนลุย ออกหน้า ขนาดชกต่อย (ตบตะกายกับเขาไม่เป็นหรอก) กับเพื่อนผู้ชายที่มันชอบแกล้งเพื่อนเรา และถูกเลือกเป็นหัวหน้าห้องบ่อยมาก
                พอเรียนจบ เริ่มสู่วัยทำงาน ทีนี้แหละกลายเป็นกระทิงสาวเต็มตัว มุทะลุดุดัน แรงมาแรงไป ชนทุกสถานการณ์  รักความยุติธรรมสุดขั้ว ปกป้องผู้อ่อนแอเสมอ ตรงเสียจนไม้บรรทัดเรียกพี่ ทุกวันนี้ยังจำคำของพี่แดงได้ว่า “ จรรย์ตรงเกินไปเหมือนไม้บรรทัดระวังจะหักเข้าสักวัน” ช่วงนี้รู้สึกมีทั้งมิตรและศัตรูมากพอๆ กัน
                ทำงานไปสักพักใหญ่ เริ่มมีประสบการณ์ ประกอบกับหน้าที่ที่ต้องเป็นหัวหน้าหน่วยก็เริ่มทำตัวเป็นนกอินทรีย์ เริ่มคิดโน่นคิดนี้ อยากให้โรงพยาบาลเป็นอย่างโน้นอย่างนี้ คิดไม่ค่อยเหมือนชาวบ้าน มีคนเห็นด้วยบ้างไม่เห็นด้วยบ้าง จนเริ่มท้อ ก็ได้พี่ปุ้ม ซึ่งมีบุคลิกแบบแม่หมีใจดี +หนูที่อบอุ่น ปลอบใจว่าความคิดที่น้องคิดนั้นไม่ใช่ไม่ดีแต่เขาเรียกว่าเป็นการคิดนอกกรอบ และมองการณ์ไกลจนบางคนยังคิดตามเราไม่ทัน ให้อดทนสักหน่อย รอจังหวะ ผู้คนก็จะเข้าใจเราเอง ซึ่งก็จริงอย่างที่พี่บอกค่ะ.....
และปัจจุบัน.....หลายปีผ่านไปได้เจอผู้คนมากมาย หลายๆแบบหลายๆอย่าง  ได้พบเรื่องราวที่หลายหลากสถานการณ์ ก็เลยแอบเป็นหมีในบางครั้ง ( ที่จริงไม่ชอบคนจู้จี้ขี้บ่น) ซึ่งก็ได้ผลเพราะน้องๆ จะเกรงใจมาก เวลาคิดวิเคราะห์ปัญหา หรือคิดโครงการ อะไรก็จะใช้ความเป็นอินทรีย์บ้าง แต่ที่จะเป็นมากหน่อยคือทำตัวเป็นหนูที่ร่าเริง ผู้ร่วมงานอยู่ด้วยแล้วมีความสุข สนุกในการทำงานและไม่ขัดแย้ง แต่บางครั้งในสถานการณ์ที่สุ่มเสี่ยงและวิกฤติ ก็ต้องโหดใช้หัวใจกระทิงบ้างแต่ไม่บ่อย ....นี่แหล่ะคือความจริง
แต่ท้ายสุด Boss ของพวกเราที่วิเคราะห์ตัวท่านเองได้อย่างน่าประทับใจว่า ท่านเป็นหมี...(มีเสียงแซวว่าแน่ใจรึคะ ท่านบอกที่จริงท่านเป็นแมวตะหากล่ะ...ไร้เดียงสาน่ารัก...เรียกเสียงฮา อีกแล้ว) เพราะท่านไม่ชอบการเปลี่ยนแปลงที่หวือหวา และชอบการทำงานที่เป็นขั้นเป็นตอน ผ่านการคิดวิเคราะห์มาอย่างรอบคอบ และท่านยังให้ความเห็นว่าผู้นำที่เป็นหนูก็มีข้อดี เป็นนักเจรจาต่อรอง มีความสามารถในการประสานงาน สามารถนำองค์กรให้เจริญก้าวหน้าได้ ฉะนั้นต่อไปท่านจะเลือกวิธีบริหารแบบกระจายอำนาจ ( เรียกเสียงฮา...อีกจนได้) .......
 


 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

คำสำคัญ (Tags): #สุนทรียสนทนา
หมายเลขบันทึก: 349961เขียนเมื่อ 6 เมษายน 2010 12:30 น. ()แก้ไขเมื่อ 29 พฤษภาคม 2012 11:29 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (2)

เสียดายที่ไม่ได้ไปด้วย

เขียนได้ดี อ่านแล้วได้บรรยากาศเหมือนได้กลับไปอยู่ในวันอบรมอีกครั้ง

อังค์ริสา พินิจจันทร์(ผู้จัดเองแหละ)

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท