Thailand on the move


ทุกการเคลื่อนไหวมีการสั่นสะเทือน

 อ่านบทความเรื่องนี้(กดเพื่ออ่าน) แล้ว ดีใจครับ อาจารย์นิธิท่านวิเคราะห์สังคมไทยได้ถึงกึ๋นดีครับ  ท่านแนะนำว่าสังคมไทยโดยเฉพาะระบบการเมืองต้องเปลี่ยน เพื่อสอดรับกับสภาพสังคมที่เปลี่ยนไป

ในทุกความเคลื่อนไหวมีความสั่นสะเทือน เราจะชอบหรือไม่เราก็ปฏิเสธไม่ได้ สิ่งใดเกิดขึ้นแล้ว ทั้งดีทั้งเลวเป็นบทเรียนให้เราเสมอ

อ่านบทความแล้ว คิดได้ว่าตรงกับกฎไตรลักษณ์ครับ ทุกอย่างต้องเปลี่ยน บังคับไม่ได้ มีภาวะบีบคั้นของมันเองให้ต้องเปลี่ยน  อย่างไรก็ตามเมื่อคิดดูแล้ว ตามที่องค์สมเด็จพระพุทธเจ้าที่สอนไว้ ท่านก็บอกว่าทุกอย่างขึ้นอยู่กับเหตุและปัจจัยครับ ถ้าคนไทยทุกคนทำปัจจัยให้ดีก็ไม่ต้องห่วงว่าอนาคตของพวกเราจะเป็นอย่างไร มันจะดีเอง

 

ปัจจัยดีๆ ที่ผมว่าน่าจะทำให้ดี คือ

๑. สร้างกลไก เพื่อสะท้อนเสียงทุกเสียงโดยไม่มีการปิดกั้น

๒. สร้างภาคประชาชนให้เข้มแข็งเพื่อพิทักษ์ผลประโยชน์ของตนเอง และผลประโยชน์ของคนในชาติร่วมกันนี้ก็คือผลประโยชน์ของประเทศนั่นเอง

๓. สร้างคนรุ่นใหม่ให้ยอมรับฟังความเห็นของคนอื่น ให้มีความอดทน  และสามารถวิพากษ์วิจารณ์กันได้บนพื้นฐานของความอดทน อดกลั้น สันติวิธี และการยอมรับความแตกต่างในความคิด ความเชื่อ

๔. สร้างความเข้มแข็งทางวิชาการให้สถาบันการศึกษา โดยเฉพาะสร้างจิตสำนึกที่ดี และความเข้มแข็งทางวิชาการให้ครู อาจารย์ เพื่อสร้าง คนรุ่นใหม่ที่เป็นอนาคตที่ดีของประเทศ

 ๕. ต้องใช้ศิลธรรมนำสังคมและการเมือง

 

เพิ่มเติม

ผมเองส่วนตัว ผมชอบอ่านงานเขียนเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ของ อ.นิธิเพราะมีข้อมูลที่หนักแน่นและน่าสนใจดี  แต่เรื่องการเมือง ถึงแม้ผมจะชอบการวิเคราะห์ของท่าน แต่ผมก็ไม่เห็นด้วยในหลายๆ ส่วน โดยเฉพาะเรื่องข้อเสนอให้ยุบสภา  ผมว่ายุบตอนนี้ก็ไม่ใช่ทางออก  เพราะถึงเลือกตั้งใหม่ แต่ หากผลไม่เป็นที่ยอมรับของคนบางกลุ่ม ก็จะมีการเคลื่อนไหวอย่างนี้อีก ผมเห็นด้วยกับ อ.นิธิในส่วนที่ว่า การพัฒนาการมีส่วนร่วมของประชาชนต้องเดินต่อไป 
แต่การสร้างสำนึกของคนต้องทำไปด้วย คงต้องยอมรับกันว่าการชุมนุมของคนเสื้อแดงครั้งนี้ ก็ไม่ได้สันติ และสงบอย่างที่กระยอกเสียงของคนเสื้อแดงอ้าง เพราะ ใครที่เสื้อแดงไม่พอใจก็ถูกทำร้าย เช่นไม่ยอมรับสติกเกอร์ / บีบแตรไล่ ก็จะถูกทำร้าย โดยตำรวจไม่เข้าช่วยเหลือ  ถ้าคุณบอกว่าคุณกำลังแสดงเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น และการชุมนุมโดยสงบ คุณก็ต้องเคารพสิทธิของผู้อื่นด้วย ไม่งั้นเรียกว่า คนเห็นแก่ตัว พูดเอาแต่ได้ พูดเข้าข้างตัวเองอย่างเดียว ผมพูดแบบเป็นกลางนะครับ เพราะขนาดพวกเสื้อเหลือง พอมีคำสั่งศาลให้เปิดถนน เค้าก็ยอมเปิด  แล้วพวกเสื้อแดงมีสิทธิดีกว่าคนอื่นยังไง

หมายเลขบันทึก: 348697เขียนเมื่อ 1 เมษายน 2010 08:31 น. ()แก้ไขเมื่อ 15 เมษายน 2012 02:56 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (1)

ผมเองส่วนตัว ผมชอบอ่านงานเขียนเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ของ อ.นิธิเพราะมีข้อมูลที่หนักแน่นและน่าสนใจดี แต่เรื่องการเมือง ถึงแม้ผมจะชอบการวิเคราะห์ของท่าน แต่ผมก็ไม่เห็นด้วยในหลายๆ ส่วน โดยเฉพาะเรื่องข้อเสนอให้ยุบสภา ผมว่ายุบตอนนี้ก็ไม่ใช่ทางออก เพราะถึงเลือกตั้งใหม่ แต่ หากผลไม่เป็นที่ยอมรับของคนบางกลุ่ม ก็จะมีการเคลื่อนไหวอย่างนี้อีก ผมเห็นด้วยกับ อ.นิธิในส่วนที่ว่า การพัฒนาการมีส่วนร่วมของประชาชนต้องเดินต่อไป

แต่การสร้างสำนึกของคนต้องทำไปด้วย คงต้องยอมรับกันว่าการชุมนุมของคนเสื้อแดงครั้งนี้ ก็ไม่ได้สันติ และสงบอย่างที่กระยอกเสียงของคนเสื้อแดงอ้าง เพราะ ใครที่เสื้อแดงไม่พอใจก็ถูกทำร้าย เช่นไม่ยอมรับสติกเกอร์ / บีบแตรไล่ ก็จะถูกทำร้าย โดยตำรวจไม่เข้าช่วยเหลือ ถ้าคุณบอกว่าคุณกำลังแสดงเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น และการชุมนุมโดยสงบ คุณก็ต้องเคารพสิทธิของผู้อื่นด้วย ไม่งั้นเรียกว่า คนเห็นแก่ตัว พูดเอาแต่ได้ พูดเข้าข้างตัวเองอย่างเดียว ผมพูดแบบเป็นกลางนะครับ เพราะขนาดพวกเสื้อเหลือง พอมีคำสั่งศาลให้เปิดถนน เค้าก็ยอมเปิด แล้วพวกเสื้อแดงมีสิทธิดีกว่าคนอื่นยังไง

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท