adayday
นาย พุทธิพร อินทรสงเคราะห์

เรื่องสั้นชุดบ้านเก่าของฉัน : ไขกุญแจ...บ้านใหม่


เรื่องสั้นชุดนี้ ผมได้เขียนบันทึกเอาไว้เมื่อหลายปีก่อน อุทิศแด่บ้านเก่าที่เป็นความทรงจำอันแสนหวานของผม และคนที่เคยอยู่ซอยห้องแถวแห่งนั้นทุกท่าน ^^ ผมไม่เคยลืมเลยนะครับ

 

 

 

 

 

บ้านเก่า

 
ไขกุญแจ : บ้านใหม่

 

"คนเราสามารถที่จะทำใจและยอมรับได้สักกี่หนกันเชียวต่อความเปลี่ยนแปลงที่เฉียบพลัน...กับส้วมที่เราคุ้นนั่ง?"

หลายๆคนคิดเอาเองแบบตรงกันว่า ลึกๆแล้วค่อนข้างทำใจลำบากกันที่จะต้องไปนั่งปลดทุกข์ในห้องน้ำที่เราไม่คุ้นเคย รวมถึงส้วมสาธาระณะด้วย ให้เข้าใจง่ายๆคือ 'ขี้ไม่ออก' นั่นเอง เด็กนักเรียนจำนวนหนึ่งถึงกับยอมอั้นอุจาระไว้จนโรงเรียนเลิก เพื่อที่จะกลับมานั่งอึ๊ที่บ้าน ที่ที่คุ้นเคยและให้ความรู้สึกว่าปลอดภัย

.....................................................................................

อีก 20 ปี...กว่าจะถึงปัจจุบัน

          'ต้นคิด' เด็กชายวัย 10 ขวบ ที่ออกจะเป็นคนช่างคิดและละเอียดอ่อนกับสาระเล็กน้อยในทุกๆเรื่อง และ ส้วม ล่ะเรื่องหนึ่งที่เขารู้สึกละเอียดอ่อนด้วย เหมือนเพื่อนรู้ใจคนหนึ่ง เขาไม่ค่อยยอมเปิดอก พูดคุยเรื่องส่วนตัวกับคนแปลกหน้านัก เป็นความรู้สึกอั้นๆประมาณนั่น ส้วมที่บ้านคือเพื่อนที่เขาสนิทตูดที่สุด

           ต้นคิดจำได้ดีว่า ตั้งแต่เกิดมาไม่เคยย้ายบ้านไปไหนเลย เขาอยู่กับแม่และเจ้า'ต้นน้ำ'น้องสาวที่คลอดตามหลังกันมา 3 ปี บ้านไม้ไต้ถุนสูงเก่าๆ ในซอยเล็กๆหลังนี้เป็นสมบัติของย่าที่สร้างไว้ให้คนเช่า ซึ่งจะมีอีก 2 หลังลักษณะเดียวกันขนาบข้าง เชื่อมกันด้วยสะพานไม้เล็กๆ น่ารักๆขนาด 2 คนเดินสวน ย่าของต้นคิดมอบหมายให้แม่เขาเป็นคนดูแลและเก็บค่าเช่าบ้านให้ตลอดมา แต่รายได้ตรงส่วนนี้ต้องหายไป เมื่อ 2 ครอบครัวบ้านซ้าย-ขวานั้นได้ย้ายออกแล้วก่อนหน้านี้ไม่ถึงเดือน...

...ก่อนที่ต้นคิดจะรู้ว่าครอบครัวเขาก็จะต้องย้ายออกไปเช่นกัน

.....................................................................................

          มีเหตุผลน้อยมากที่ต้นคิดจะไม่ชอบบ้านหลังที่อยู่ แม้จะเป็นบ้านไม้เก่าๆ พื้นห้องโถงเล่นระดับแบบเอียงๆ เพดานยิปซั่มเหลืองๆนั่นน่ะหรือก็รั่วเป็นรูเก๋ๆที่เขาเองมองว่ามันสวยแปลกตา พื้นลานซักล้างทุกตารางเมตรที่เปื่อยจากการถูกของเหลวและกาลเวลากัดกร่อน ให้ความรู้สึกตื่นเต้นดีในการย่ำเดินทีละก้าว เพราะจะต้องจำให้ได้ว่าไม้แผ่นไหนควร-ไม่ควรทิ้งน้ำหนักตัวเกินจำเป็น ระเบียงหน้าบ้านคือมุมโปรดที่สุดของต้นคิด เขาชอบนั่งขวางพิงขอบประตูคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อยยามว่าง และจะเพลินจิตมากๆถ้าวันไหนแม่เอากล้วยน้ำว้าหวียักษ์มาแขวนไว้ที่ประตูให้เขาบิดกินแกล้มอากาศเย็นๆ หมดผลก็บิดกินใหม่ รู้สึกเบื่อก็นอนเอกเขนกกับพื้นให้ลมโชยกล่อม ประกอบกับความรู้สึกโชคดีที่เขามีแม่ที่ขยัน และน้องสาวที่ไม่ค่อยกวนใจ บวกกับนิสัยอยู่ง่าย กินง่ายของเขาด้วยแหละ ต้นคิดจึงเป็นเด็กชายที่ไม่เคยมีปัญหาทางบ้านเลย เขามีเวลาว่างให้ทุกๆสิ่งที่เค้าสนใจ

          เรื่องการย้ายบ้านนั้น ต้นคิดได้ยินมาจากแม่บ้างแล้ว แย่ตรงที่มันเป็นเรื่องที่เขาไม่ได้เตรียมใจมาก่อนกับความเปลี่ยนแปลงเท่านั้นเอง (ความจริงเขาเป็นคนที่ไม่ค่อยเตรียมตัวเตรียมใจกับอะไรทุกเรื่องที่จะเข้ามาอยู่แล้ว) น่าตกใจดีที่เขาเพิ่งได้สัมผัสความรู้สึกใจหายเป็นครั้งแรก ด้วยข้อมูลที่น้อยมากๆ เพราะแม่เองก็ไม่ได้บอกอะไรที่ชัดเจนสักนิดถึงเหตุผลที่ต้องย้ายบ้านว่าเพราะอะไร? ย้ายไปไหน? ยังไง? เมื่อไหร่? แต่เขาก็สังเกตุได้ถึงอารมณ์ของแม่ที่ไม่สู้ดีนักเหมือนกันในเรื่องนี้ แม่คงจะคิดอะไรของแม่อยู่ ซึ่งด้วยภาระที่ต้องเลี้ยงดูเขาและน้องเพียงตัวคนเดียวนี้ก็ถือว่าหนักแล้ว แต่ถึงจะหนักยังไงต้นคิดก็ไม่เคยเห็นแม่เหน็ดเหนื่อยแบบไร้รอยยิ้มเช่นนี้มาก่อน

          รายได้หลักของครอบครัวคือรับจ้างซัก-รีดรายเดือน...เหตุผลด้านความจำเป็นที่จะต้องทำมาหาเลี้ยงชีพ ส่วนขนมครกนั้นเป็นความสุขที่ได้ทำในสิ่งที่แม่รัก...หล่อเลี้ยงทั้งร่างกายและจิตใจควบคู่กันไป

          เช้าวันนี้เป็นวันเสาร์ แม่และต้นคิดเพิ่งจะพากันเดินเก็บของกลับมาจากขายขนมครกหน้าปากซอย วันหยุดนั้นขายของไม่ค่อยดีนักหรอก แปดโมงเช้าก็เริ่มๆเงียบแล้ว เพราะขาดลูกค้าที่เป็นคนทำงาน และเด็กนักเรียนซึ่งเป็นแหล่งรายได้หลักไป...แต่ก็ไม่ใช่เรื่องน่าเศร้า ดีซะอีก เพราะแม่ของต้นคิดเองจะได้รีบเข้ามาซักผ้าให้ลูกค้าอีกหลายเจ้า เขาเองก็จะได้แยกมานอนรอดูการ์ตูนช่อง 9 สบายใจเฉิบ เสาร์นี้หงอคงจะปีนถึงยอดหอคอยการินแล้ว แต่ตอนนี้ต้นคิดต้องการที่จะหาบันไดลิงที่จะปีนลงมาจากหอคอยแห่งความสงสัยเรื่องการย้ายบ้าน ก่อนการ์ตูนจะฉายเขาจึงเดินไปหาแม่ที่ลานซักล้างเพื่อคุยกันเรื่องนี้รอไปพลางๆ

          " แม่...แล้วเราจะย้ายไปอยู่ที่ไหน? " ต้นคิดถามเสร็จก็นั่งทับลงบนกองผ้ากองหนึ่ง เหมือนตั้งใจจะอยู่คุยกันจนรู้เรื่อง

          " ยื่นเอาสายยางเปลี่ยนไปใส่อีกกะละมังซิ! " แม่วานกลับเสียงแข็ง เมื่อได้ยินเสียงน้ำล้นอยู่ข้างๆ แต่ต้นคิดยังคงนั่งกอดเข่าดูแม่ขยี้ผ้าอยู่อย่างนั้น

          " ทำไมล่ะ? " ต้นคิดไม่ได้หมายความถึงการเปลี่ยนสายยาง หรืออาจไม่ได้ยินที่แม่พูดเลยด้วยซ้ำ เขาถามต่อเพราะไม่เข้าใจว่าจะย้ายบ้านทำไม ในเมื่อนี่มันบ้านของเรานี่นา

          " ย่าแกขายที่ตรงนี้แล้ว และเขาก็จะทุบทิ้ง " สรุปว่าแม่เข้าใจตรงกันกับเขาว่าหมายถึงเรื่องบ้าน 

          " และก็ไม่รู้ด้วยว่าจะย้ายไปอยู่ที่ไหน...แม่บอกให้เปลี่ยนสายยาง!! "

          สายยางยังไม่ถูกย้ายกะละมัง น้ำยังคงล้นอยู่ เสียงน้ำล้นจ๊อกๆนี้เพราะดี อย่างน้อยก็ช่วยทำให้นาทีนั้นไม่เงียบจนเกินไป เป็นเสียงพูดแทนคำขอตัวให้เขาเดินออกไปนั่งคิดอะไรคนเดียวลำพัง

          ตอนนี้นี้ต้นคิดรู้ถึงเหตุผลแล้วว่าทำไมต้องย้ายบ้าน และรู้จักตัวเองมากยิ่งขึ้นว่าเป็นเด็กที่ไม่ชอบการเปลี่ยนแปลงอะไรที่มันปัจจุบันทันด่วนเสียเลย ที่ผ่านมามีครั้งหนึ่งที่การเปลี่ยนแปลงทำให้เขาถึงกับเงียบซึมไปเลยตลอด 1 สัปดาห์...ย้อนกลับไปเมื่อปลายปีที่แล้ว...

.....................................................................................

          ต้นคิดชอบการไปเดินเล่นสวนสัตว์ในวันเสาร์อาทิตย์เป็นอย่างมาก สวนสัตว์เล็กๆประจำจังหวัดอุดรธานีแห่งนี้อยู่คู่ชาวเมืองมานานกว่า 20 ปีแล้ว เป็นบ้านของสัตว์บกสัตว์น้ำน้อยใหญ่หลายชนิด และห่างจากบ้านเขาเพียงไม่ถึง 2 กิโลเมตรเอง เขาเล่าได้เป็นฉากๆเลยว่าสัตว์ตัวไหนอยู่มุมใด จากประตูใหญ่เดินเข้ามาเลี้ยวซ้ายจะเจองูเหลือมใหญ่ขดอยู่ในบ้านกระจกใสของมัน ถ้าเลี้ยวซ้ายจะเจอบ่อปูนสูงๆเป็นบ่อเต่า มีทางเดินขึ้นไปดู เด็กเล็กต้องให้ผู้ใหญ่อุ้มขึ้นดูถึงจะเห็น ถ้าเดินไปตรงกลางจะต้องข้ามสะพานเล็กๆไปยังศาลากลางน้ำที่เป็นเหมือนจุดนัดพบประจำสวนสัตว์ เดินตรงเข้าไปอีกจะเจอกรงนก กรงลิงสูงๆ เป็นส่วนที่ให้ความรู้สึกเหมือนเดินอบยู่ในป่ามากที่สุดด้วยเสียงจิ๊บๆ เจี๊ยกๆของพวกมันเอง สัตว์ตัวโปรดที่สุดของต้นคิดคือหมีหมา มันอยู่เงียบๆคนเดียวในกรงเหล็กท้ายสวนสัตว์ แรกเริ่มเดิมทีมันดึงดูดเขาด้วยชื่อ 'หมีหมา' นั่นเอง

          ต้นคิดแน่ใจว่าสัตว์อ้วนดำตัวใหญ่เดิน 4 เท้า และยืน 2 ขาได้บางครั้งตรงหน้านี้คือหมีอย่างแน่นอน และไม่มีความเป็นหรืออยากเป็นหมาเลยสักนิดในแววตาของมัน ทั้งหางรึก็สั้นแสนสั้น และเห่าไม่เก่งเลยเท่าที่ดู เขาสงสัยมาตลอด และคิดว่าคงต้องใช้เวลาสักพักแล้วล่ะที่จะมองให้มันเป็นหมาขึ้นมาบ้างแม้เพียงนิด เพราะพวกผู้ใหญ่คงจะมีเหตุผลอยู่บ้างล่ะที่ตั้งชื่อให้มันออกมากำกวมอย่างนั้น โชคดีที่ต้นคิดยังไม่พิเรนนึกไปถึงขนาดว่าหมีและมาผสมพันธุ์กันแล้วออกมาเป็นเจ้าตัวนี้

          ด้วยความที่เขามาทักทาย และสังเกตมันอยู่ทุกสัปดาห์ ต้นคิดก็ยังคงดูไม่ออกและยังไม่รู้สักทีว่าส่วนไหนในตัวเจ้าหมีที่คล้ายหมา แต่ที่เริ่มชัดเจนเพียงอย่างเดียวในตอนนั้นคือเขารู้สึกว่าเจ้าหมีหมาตัวนี้เป็นส่วนหนึ่งของชีวิต มันได้กลายมาเป็นความผูกพันธ์กันเสียแล้ว

          จนมาวันหนึ่ง ต้นคิดเห็นป้ายใหญ่ๆแปลกหน้าติดอยู่ตรงทางเข้าสวนสัตว์เขียนไว้อ่านได้ว่า 'กำหนดการ ขนย้ายและรื้อถอนสวนสัตว์อุดรธานีเพื่อการพัฒนา' เขาพอจะเข้าใจความหมายของคำว่าพัฒนาอยู่ว่าเป็นความหมายในทางที่ดี แต่สำหรับสวนสัตว์ นี่คือข่าวที่ไม่ดีเลยสำหรับต้นคิด เขาเดินตรงเข้าในสวนสัตว์ไปอย่างรีบๆ เขาคิดถึงหมีตัวนั้น ระหว่างทางแคบๆและอับชื้นภายในเริ่มได้ยินการเปลี่ยนแปลงเล็กๆขึ้นบ้างแล้ว คนเข้าชมเริ่มบางตามากๆ ไม่คึกคักเช่นทุกวัน บรรยากาศโดยรวมให้ความรู้สึกหงอยเศร้า เงียบแล้วซึ่งเสียงเจื้อยแจ้วของนกและลิง แคร่ไม่ไผ่ของแม่ค้าขายขนมบัดนี้กลับว่างเปล่า ในกรงนกกระยางที่ครั้งหนึ่งมันเคยหาเรื่องเขาโดยการขบแรงๆที่นิ้ว บัดนี้มันได้แปลงร่างเป็นลุงแก่ๆ เดินกวาดเศษใบไม้ทำความสะอาดอยู่คนเดียว จระเข้ในบ่อลึกถัดมายังคงนอนอ้าปากค้างเช่นทุกครั้ง แตกต่างที่วันนี้มีไกรทองหนุ่ม 3 คนยืนจังก้าห้อมล้อม ในมือถือไม้ยาวมีบ่วงตรงปลายยื่นเข้าไปหมายมัดปาก ตอนนี้เองท้องไส้ของต้นคิดเริ่มปั่นป่วน เขาเร่งฝีเท้า ตาทั้งสองเพ่งทะลุทุกกรงที่ขวางหน้า มองไปยังกรงเจ้าหมีหมาตัวนั้น ใจภาวะนาขอให้มันยังอยู่เถิด

          จากเดินจ้ำอ้าวมาตลอดทาง เขาเริ่มชะลอเท้ามาเป็นเดินปกติเมื่อเข้าใกล้กรงเจ้าหมีหมา ใจยังกล้าๆกลัวๆกับความรู้สึกตัวเองว่าจะทำยังไงถ้ามันเป็นกรงที่ว่างเปล่า

          มันยังอยู่ เจ้าหมีหมากำลังหมอบอยู่ที่พื้นถ้ำหันหลังให้ต้นคิด มันอาจจะหลับอยู่ก็ได้ เขาไม่เคยเห็นมันสงบนิ่งเช่นนี้มาก่อน ปกติมันจะต้องออกมาเดินวนไปมา จะมายืนยิ้ม 2 ขาหน้ากรงบ้างถ้ามีคนมาสนใจหรือให้ขนม วันนี้บรรยากาศเปลี่ยนและเงียบงัน มันคงเบื่อ อากาศหนาวปลายปีนั้นคงชวนให้มันเข้าไปหลบความเย็นข้างใน ต้นคิดยืนนิ่งมองอยู่อย่างนั้น ไม่ได้ส่งเสียงเรียกแต่อย่างใด เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองรู้สึกอย่างไร

..................................................................................

          ข่าวการย้ายบ้านทำให้ต้นคิดนึกถึงเรื่องสวนสัตว์ขึ้นมา เขาลืมไปปีนหอคอยกับหงอคงแล้ว ยินดีที่จะนั่งกอดเข่าขวางประตูหน้าบ้านอยู่อย่างนี้สักพัก หูได้ยินเสียงแม่คุยกับใครสักคนเหมือนเสียงป้าแก้วซอยข้างๆ คงเดินมาเล่นด้วยกันเช่นเคยตามประสาแม่บ้าน ดีเหมือนกัน แม่จะได้มีเพื่อนคุยให้อารมณ์ดี

          ต้นคิดเริ่มหิวข้าว อยากจะขอตังค์แม่ออกไปซื้อข้าวเหนียวหมูปิ้งปากซอยมากิน ได้เดินออกไปข้างนอกบ้านบ้างคงจะรู้สึกดีขึ้น เขาเดินหน้านิ่งไปหาแม่ คิดว่าพอกินข้าวเสร็จ การ์ตูนคงจบพอดี เพื่อนๆจะได้ออกจากบ้านมาเล่นกันเสียที เขาอยากจะลืมเรื่องการย้ายบ้านสักครู่ ความคิดเรื่อยเปื่อยครั้งนี้ทำให้เขาเสียพลังงานไปอย่างมาก เด็กคนนี้กำลังต้องการสุนทรียภาพทางอารมณ์อย่างกระทันหันที่สุดเท่าที่จะเร็วได้

          " อ้าว...นั่นไงมาพอดี ต้น...มานี่สิลูก "  แม่กวักมือเรียกเข้าไปหาด้วยสีหน้ายิ้มแย้มผิดจากตอนซักผ้าจังเลย เขาคิด กำลังคุยกับป้าแก้วจริงๆด้วย ป้าแก้วยืนกอดอกอยู่ข้างๆ ยิ้มหวานส่งมาให้ ต้นคิดประนมมือสวัสดีป้าแก้ว

          " สวัสดีครับ...ไง....ต้น "  ป้าแก้วสวัสดีตอบ เอามือวางที่หัวไหลโน้มตัวทักทายอย่างอ่อนโยน

          ป้าแก้วกับแม่ของต้นคิดรู้จักกันมานานมากแล้ว แม่เคยเล่าให้ฟังว่า เมื่อสมัยที่แม่ยังเป็นนักเรียนนั้น เคยเช่าหอพักป้าแก้วอยู่ อยู่ยาวตั้งแต่ มศ.1 ถึง มศ.5 เลยทีเดียว จนแม่เรียนจบ ย้ายออก แต่งงาน มีลูก ก็ยังคงติดต่อ ไปมาหาสู่กันตลอด อาศัยเกื้อกูลกันเรื่อยมา

          " ไง...ต้นคิด...บอกมาซิว่าชอบบ้านแบบป้ามั้ย? " ป้าแก้วยิ้มถาม ต้นคิดงง และไม่ค่อยเข้าใจคำถามของป้าแก้วนัก

          " ดูทำหน้าสิ...งงใหญ่แล้ว " แม่หัวเราะแซวลูก

          " คืองี้...เราจะย้ายไปอยู่บ้านป้าแก้วกัน " 

          " ป้าจะย้ายบ้านน่ะ...และเห็นว่าบ้านต้นจะรื้อแล้ว เลยมาถามแม่ดูว่าสนใจจะเช่าอยู่ต่อจากป้ามั้ย " ป้าแก้วขยายความ

          ต้นคิดยังคงจับต้นชนปลายไม่ถูก แต่เข้าใจทุกอย่างแล้วในตอนนี้ แค่ปรับความรู้สึกไม่ทันเท่านั้นเองจากชั่วโมงที่แล้วที่กำลังเศร้าๆอยู่

          " เราหาบ้านอยู่ได้แล้วนะลูก " แม่โอบไหล่ต้นคิดไว้แน่น กระจายความสุขซึมมาถึงเขาทันที

          " เคยไปเล่นอยู่บ่อยๆนี่นา...เพื่อนก็เยอะแยะ จะได้ไม่ต้องย้ายไปไหนไกลไง "  ต้นคิดรู้สึกว่าป้าแก้วดูสวยจังกับคำพูดประโยคนี้

          ผู้ใหญ่ทั้งสองสรุปการพบปะในวันนี้ได้อย่างน่าสนใจ ถูกอย่างที่ป้าแก้วพูด บ้านป้าแก้วที่ครอบครัวเขากำลังจะย้ายเข้าไปอยู่นั้นเป็นบ้านครึ่งปูนครึ่งไม้ 2 ชั้น ธรรมดาๆ อยู่ในซอยถัดไปนี่เองเขาคุ้นเคยดีและเคยไปเล่นบ่อยๆ ซอยนี้มีบ้านห้องแถวมากมายเรียงกันอยู่อย่างอบอุ่น ผู้คนน่ารัก เพื่อนเยอะ สิ่งที่ชอบที่สุดในซอยสำหรับต้นคิดก็คือเพื่อนเด็กในวัยไล่เลี่ยกันนี่แหละ มีตั้ง 10 กว่าคน มีลานดินกว้างขวางที่จะเล่นอะไรก็ได้ตามแต่จะนึกกันออก เมื่อคิดมาถึงตรงนี้เขาก็เริ่มยิ้มออก แต่ก็มีเรื่องเล็กๆเพียงเรื่องเดียวที่นึกได้ว่าจะจัดการกับความรู้สึกนี้อย่างไร?...

          - ส้วมบ้านป้าแก้วคงจะทำความรู้จักกันได้ไม่ยากนะ - ต้นคิด

................................................................................................................................

จบตอนที่ 1

หมายเลขบันทึก: 346949เขียนเมื่อ 25 มีนาคม 2010 03:45 น. ()แก้ไขเมื่อ 30 พฤษภาคม 2012 15:28 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (12)

สวัสดีค่ะ

  • จบละ...กำลังมัน
  • รออ่านตอนต่อไปค่ะ

อย่างที่พี่ครูคิมบอกนะครับ จบเร็วไปหน่อย อ่านเพลินๆ

เดย์มีพรสวรรค์ในการเขียนเรื่องเล่ามาก ในงานชิ้นล่าสุดที่ส่งมาให้ผม "งานโภชนาการ" ผมชอบมากครับ เป็นเรื่องเล่าที่แฝงวิชาการอย่างลงตัว อ่านเเล้ว ไม่ใช่เรื่องเเต่ง เเต่เป็นการใช้รูปแบบการขยายความ เขียนความน่าจะเป็นที่อยู่บนฐานวิชาการ นี่...หากอยู่ใน กทม. ผมจะขอชวนตะลอนทัวร์ไปถอดบทเรียนด้วยเเล้วครับ

ผมส่งสิ่งของที่ต้องการไปทางไปรษณีย์เเล้วครับ คาดว่าเดย์คงจะได้รับในวันนี้นะครับ

ขอบคุณมากครับ :)

สวัสดีครับพี่คิมครูคิมP

ฮ่าๆ พี่อาจจะกำลังมัน แต่นาทีนั้น ตอนตี 3 ผมกำลังง่วงมากครับพี่คิม 555

นี่คือเรื่องเล่าจากวัยเด็กของเดย์เองครับพี่ เอามาปัดฝุ่นเขียนบันทึกไว้ กลัวต้นฉบับที่เป็นกระดาษนั้นจะหายเสียก่อน :)

ตอนนี้เสร็จแล้วจ๊า เชิญอ่านต่อได้เลยนะครับ ^^ ดีใจจังครับที่พี่คิมชอบ

สวัสดีครับพี่ชายเอกจตุพร วิศิษฏ์โชติอังกูรP

ผมเขียนเพิ่มเติมแล้วครับพี่ ครั้งนี้จะว่ายkวไปไหมหนอ 555

ขอบพระคุณพี่เอกมากๆเลยนะครับ ที่ให้กำลังใจผมเสมอมาเรื่องการเขียน ^^ ได้รู้ทีไรก็จะดีใจตลอดเลย อย่างนี้แหละครับพี่ ผมไม่ค่อยมีความรู้กว้างขวางเหมือนพี่พี่จึงใช้การขยายความเอาตามรู้สึกเท่านั้นเอง ฮุฮุ

โอเคเลยครับพี่เอก อย่าลืมนะครับ ถ้าผมอยู่กทม.น้องคนนี้รบกวนติดสอยห้อยตามไปเหล่าดินสองานวิชาการที อิอิ จะได้คล่องๆเหมือนพี่ อิอิ

สิ่งที่ต้องการผมคงได้รับพรุ่งนี้แน่เลย เพราะวันนี้หยุดอยู่บ้าน อยากเห็น อยากเห็น ^^ ขอบพระคุณมากๆอีกครั้งครับพี่เอก จะเอาไปอวดตู่อวดเพื่อน เย้!!

หวัดดีจ้ะน้องเดย์

แวะมายามดึก

วันที่31มีค. เย็นเดย์อยู่สนามบินมั๊ยจะแวะไปทักทาย

พี่นางจะไปกทม.เที่ยวเย็นนกแอร์

สวัสดีค่ะ

สวัสดีครับพี่นางนาง...มณีวรรณ ตั้งขจรศักดิ์P

ว๊า...หยุดครับพี่ สิ้นเดือนพอดี เมื่อกี๊ยังคุยกับตู่อยู่เลยว่าดีเนาะได้หยุดตรงกัน แต่พอพี่นางว่าจะมาสนามบินเลยอดเจอกันจ๊อย :( แวะมาฝากความคิดถึงได้นะครับพี่นาง ที่นี่ฝากได้ทุกอย่าง 555 (ยังกะ K Bank แน่ะ อิอิ)

บินให้สนุกกับนกแอร์เด้อจ๊า ^^

พี่คิมจ๋าครูคิมP

ไปร่วมอวยพรวันเกิดให้พี่ Rinda เรียบร้อยแล้วนะครับ ^^ ผมอวยพรให้พี่มีความสุขและเจอเด็กไม่ดื้อด้วยแหละ 55 (ตู่ภรรยาผมขอแค่นี้จริงๆที่โรงเรียน ฮา)

ขอบพระคุณมากๆครับผม ฝันดีครับพี่คิม ;)

สวัสดีค่ะ

แวะมาอ่านเรื่องราว

ขอบคุณนะคะ

หลับฝันดีค่ะ^__^

เก่งจัง อ่ะ ความสามารถส่วนบุคคล ห้ามลอกเลียนแบบ อิอิ

คิดถึงอ่ะ

แวะไปดูภาพสวยๆ (มั้ง) ของเค้ามั่ง นะอิอิ

สวัสดีครับคุณต้นเฟิร์นP

ขอบพระคุณมากๆเลยนะครับที่แวะมาอ่านนิทานก่อนนอน เรื่องนี้ชวนง่วงเลยใช่มั้ยครับ 555 ^^

สวัสดีครับเพื่อนสาว♥paula .`๏'- ที่ปรึกษาตัวน้อย.`๏'-P

ความสามารถนี้อยากเลียนแบบคนอื่นมากเลยครับ อิอิ อยากเขียนเก่งๆ ตอนนี้ฝึกอยู่จ๊า ขอบคุณมากสำหรับกำลังใจนะจ๊ะ ;)

จะแวะไปดูภาพคยสวยนะครับ อิอิ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท