มีคำกล่าวที่ว่า "การท่องเที่ยวเหมือนการเปิดหนังสืออ่าน ทุกครั้งที่เราได้ท่องเที่ยวก็เหมือนการเปิดหน้าหนังสืออ่านทีละหน้า" อ่านแล้วก็เห็นจริงด้วย ในชีวิตที่ผ่านมาฉันมีโอกาสเปิดหน้าหนังสืออ่านด้วยการท่องเที่ยวเพื่อหาประสบการณ์มากมายในชีวิต แต่การท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ด้วยการเข้าค่ายอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมแนวนี้ฉันเพิ่งเคยมีโอกาสได้ลิ้มรสชาติ นับเป็นความทรงจำอันมีคุณค่าทั้งต่อตัวฉันเองและนักเรียน
ที่ร่วมเดินทาง
ในช่วงวันที่ ๘ - ๑๐ มีนาคม หัวหน้าระดับชั้น ม.๖ คุณครูผจญ รุ่งอรุณเลิศได้จัดทัศนศึกษาค่ายอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม โดยมีนักเรียนชั้น ม.๖ ที่สมัครใจเข้าค่ายนี้รวม ๕๕ คน คุณครูที่ปรึกษาและผู้สนใจ ๕ คน รวมทั้งสิ้น ๖๐ ชีวิต
พวกเราเดินทางจากโรงเรียนคงทองวิทยาไปถึงอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน
จังหวัดเพชรบุรีในเวลาเที่ยง อุทยานแห่งชาติแห่งนี้นับเป็นอุทยานที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทยมีพื้นที่หนึ่งล้านแปดแสนกว่าไร่...
http://www.dnp.go.th/parkreserve/asp/style1/default.asp?npid=113&lg=1
พวกเราพักรับประทานอาหารเที่ยง แล้วเดินทางต่อด้วยรถโฟร์วิน ซึ่งทางอุทยานจัดเตรียมมารับอีก ๔๐ กิโลเมตรเพื่อไปพักที่ค่ายเยาวชน รถคันหนึ่งบรรทุกผู้โดยสารไม่เกิน ๑๐ คนเพราะหนทางค่อนข้างวิบากต้องใช้เกียร์ต่ำตลอดทาง...
เมื่อถึงที่พักจัดข้าวของ พักผ่อนสักครู่ ทีมวิทยากรก็เรียกเด็ก ๆ มารวมตัวกันเพื่อแนะนำการใช้ชีวิตในค่าย ให้ครูทำพิธีมอบนักเรียนให้อยู่ในความดูแลของวิทยากร
ตลอดเวลา ๓ วัน ๒ คืนที่อยู่ที่นี่ มีการแนะนำให้รู้จักอุทยานแห่งชาติด้วยบทเพลงที่
สะท้อนให้เห็นถึงคุณค่าและความสำคัญของแก่งกระจาน
จากนั้นจึงแบ่งนักเรียนด้วยการเลือกสีกระดาษ เด็ก ๆ ไม่รู้ต่างชักชวนเพื่อนสนิทให้เลือกสีเดียวกัน เช่น แดง เหลือง เขียว ฟ้า พอเลือกเสร็จจึงรู้ว่ามีตัวเลขซ่อนไว้ด้านหลัง โดยให้เลขเดียวกันมาอยู่ด้วยกัน รวม ๕ กลุ่ม ๆ ละ ๑๑ คน เมื่อลงตัวแล้วเด็ก ๆ เริ่มเข้าฐานเรียนรู้โดยกำหนดแต่ละฐานใช้เวลา ๑๕ นาที
ฐานที่หนึ่งเป็นฐานเรียนรู้เกี่ยวกับรอยตีนสัตว์ (ใช้กับสัตว์ไม่เรียกว่าเท้า) โดยมีพี่นอตให้ความรู้อย่างชัดเจน ฝึกให้เด็กสังเกตความแตกต่างระหว่างรอยตีนสัตว์
ประเภทต่าง ๆ ขณะให้ความรู้ก็สอดแทรกประสบการณ์ดี ๆ ให้น้อง ๆ ฟัง แล้วก็พูดถึงเห็บที่ดุร้าย พร้อมกับเปิดเสื้อและโชว์แขนที่เป็นรอยด่างดำจากแผลเป็นที่เห็บกัด เล่นเอาผู้ฟังรู้สึกขยาด (ฐานนี้ฝึกเด็กในเรื่องอะไรคะ ?) จากนั้นก็ไปฐานที่สอง
ฐานที่สองเป็นฐานผู้นำ พี่แจ๊คกี้เป็นวิทยากรเล่าเรื่องปัญหาประเทศที่กำลังเดือดร้อนจากภัยพิบัติทางธรรมชาติ หากน้อง ๆ จะไปช่วยประเทศเฮติ น้อง ๆ จะช่วยอย่างไร มอบกระดาษ ปากกา เชือก แล้วให้ทุกคนร้อยเชือกทุกเส้นผูกปากกาด้ามเดียว ปลายเชือกพันกับนิ้วชี้มือขวา จากนั้นช่วยกันวาดภาพสิ่งที่ต้องการส่งไปให้
ในที่สุดก็ส่งบ้าน ส่งข้าว ส่งยารักษาโรค ส่งเสื้อผ้าไปให้ได้สำเร็จ เด็ก ๆ ต่างดีใจ กิจกรรมนี้สำเร็จได้เพราะอะไรคะ ? วิทยากรสรุปกิจกรรมการทำอะไรสำเร็จได้
ต้องมีผู้นำที่ดีต้องมีความรักความสาม้คคีจึงจะไปถึงเป้าหมายได้
ต่อไปเป็นฐานที่สามฐานนักวางแผน ฐานนี้มีพี่เตี้ยเป็นวิทยากร พี่เตี้ยให้เด็กถือผ้าพันคอคนละผืนแล้วล้อมวงเข้าหากัน กติกาให้ทุกคนจับปลายผ้าพันคอด้วยมือขวาด้านหนึ่ง และโยนปลายผ้าพันคอให้เพื่อนจับด้วยมือซ้าย โดยเพื่อนทั้ง ๑๑ คนจะรับผ้า และต่อขึ้นไปเรื่อย ๆ เหมือนการเล่นแมงมุมขยุ้มหลังคา จากนั้นให้ทุกคนพยายามแก้ผ้าพันคอนี้ให้ออกมา โดยไม่ปล่อยมือ และต้องล้อมวงเป็นวงกลมให้ได้ ในช่วงแรกเด็กต่างสับสนหาทางออกไม่ได้ ต่างคนต่างหมุนต่างแก้ ไม่มีการวางแผน ในที่สุดพี่เตี้ยจึงแนะนำ และหาทางออกได้สำเร็จ (ฐานนี้สอนเรื่องอะไรคะ ?)พี่เตี้ยบอกเด็ก ๆ ว่า "ไม่ว่าเราจะเก่งแค่ไหนก็ตาม แต่ถ้าเราขาดการวางแผน ขาดความสามัคคีทำอะไรไม่มีวันสำเร็จ และจงจำไว้ ถ้าคนเราไม่เคยให้ใครก่อนก็อย่าหวังว่าจะได้สิ่งใดจากผู้อื่นเช่นกัน"
จากนั้นเด็ก ๆ ก็เดินทางต่อไปฐานที่สี่ฐานบันเทิง ฐานนี้เริ่มผ่อนคลายได้ฟังเพลงเพราะ ๆ จากพี่โยธินและเพื่อน ส่วนใหญ่เป็นแนวเพลงเพื่อชีวิต เพลงเกี่ยวกับธรรมชาติ สิ่งแวดล้อม และเพลงตามคำขอ
ฟังเพลงสบายใจแล้วก็ไปฐานสุดท้าย ฐานที่ห้าฐานห่วงโซ่อาหาร
ฐานนี้ให้ไปดูค่างที่กำลังปืนป่ายอยู่บนต้นไม้ ดูดินโป่งซึ่งสัตว์จะมากินเพื่อเพิ่มแคลเซียมในร่างกาย วิทยากรพูดถึงความสำคัญของห่วงโซ่อาหาร ต้นไทรเมื่อออกลูกสัตว์ป่าก็จะมากินนับเป็นการเกื้อกูลกันระหว่างผืนดิน สัตว์ป่า ต้นไม้ ที่อยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข สัตว์ป่าต้องการเพียง อาหาร ที่อยู่อาศัย น้ำ ก็ยังชีวิตอยู่ได้ ต่างจากสัตว์มนุษย์ที่มีความต้องการไม่รู้สิ้นสุดจริง ๆ
ครบทั้งห้าฐานแล้ว ครูและเด็ก ๆ ต่างได้รับความรู้ ความคิด และปรัชญาจากธรรมชาติมากมาย ขึ้นอยู่กับพื้นฐานมุมมองชีวิตของคนแต่ละคน จากนั้นจึงไปอาบน้ำ พักผ่อน และรับประทานอาหารเย็นเป็นผัดกะเพราะถั่วที่เผ็ดจนลืมไม่ลง เล่นเอาบางคนถึงกับลิ้นห้อย เหงื่อออก หน้าแดง บางคนถึงกับปากชา คนทำอาหารได้แต่ขอโทษบอกที่นี่เขากินกันอย่างนี้...สงสารเด็ก ๆ จริง ๆ ( วิธีแก้เผ็ดก็คือให้อมเกลือ หรือดื่มน้ำอุ่น)
ตกค่ำพวกเราก็มารวมกลุ่มกันร้องเพลง เล่นเกมต่อเพลง แบ่งครูไปช่วยเด็ก เล่นกันไปเล่นกันมาปรากฏว่า ครูแข่งกันเองเสียแล้ว...ประมาณสองทุ่มทีมงานวิทยากรมาให้ความรู้เรื่องการดูนก และการเดินป่า สาธิตการใช้กล้องส่องนก กล้องส่องทางไกล และการเปิดหนังสือคู่มือดูนก พร้อมทั้งให้ความรู้ว่านกในประเทศไทยมีเก้าร้อยกว่าชนิด และที่แห่งนี้มีนกมากถึงสี่ร้อยกว่าชนิด จากนั้นก็นัดแนะเรื่องการแต่งกายในการเดินป่าให้สวมถุงเท้าหุ้มปลายกางเกงขายาวเพื่อป้องกันเห็บ พยายามหาเสื้อแขนยาวสวมใส่กันเห็บ อย่าสวมเสื้อคลุมเพราะอากาศร้อนจะนำมาผูกเป็นเข็มขัดทำให้เกะกะ บางคนก็สร้างภาระให้วิทยากร...
ในช่วงเวลาสี่ทุ่มไฟทุกดวงดับสนิทเพราะใช้ไฟจากระบบโซลาร์เซล(พลังงานแสงอาทิตย์) จึงต้องใช้อย่างจำกัด เมื่อไฟดับสนิทเด็กบางส่วนยังไม่ยอมนอน
คุณครูผจญ สอนเรื่องการดูดาวต่าง ๆ ที่ระยิบระยับจับฟากฟ้า ราตรีอันมืดมิดยังมีแสงดาวเป็นเพื่อน ฟ้าที่นี่สดสวยงดงามไม่น้อย ก่อนนอนฉันไม่ลืมเตือนให้นักเรียนสวดมนต์ขออนุญาตเจ้าที่เจ้าทางให้นอนหลับอย่างมีความสุขปราศจากสิ่งรบกวน
วันรุ่งขึ้นเป็นกิจกรรมดูนก และการเดินป่า จะตื่นเต้น สนุกสนานเพียงไร คอยติดตามอ่านตอนต่อไปค่ะ
แผงโซลาร์เซล (พลังงานแสงอาทิตย์)
* เด็กๆคงจะจำเป็นความประทับใจเลยละครับ ทั้งความรู้ ทักษะ และ ประสบการณ์
* โดยเฉพาะความเผ็ดที่ลืมไม่ลง
สวัสดีค่ะ
น่าสนุก ทั้งครูและนักเรียนนะคะ
แวะเข้ามาทักทายค่ะ
เป็นค่ายกิจกรรมที่เยี่ยมยอดมากค่ะ อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน งดงามมาก บรรยากาศคงไม่ต้องพูดถึงนะคะว่าจะดีสักเพียงใด
กิจกรรมแต่ละฐานฝึกให้เด็กๆ ได้คิดพิจารณา แก้ปัญญา และสร้างความสามัคคีในหมู่คณะ
เฮ่อเห็นแล้ว อยากไปค่ายแบบนี้บ้างจังเลย ได้อยู่กับธรรมชาติ
ที่สำคัญก่อนนอนเด็กได้สวดมนต์ไหว้พระ...ชื่นชมมากค่ะ
คุณครูดูนกเผื่อด้วยนะคะ
ระลึกถึงค่ะ
สวัสดีครับคุณ ธรรมทิพย์
ฐานห่วงโซ่อาหาร อธิบายไปถึงธรรมะในการเอื้ออิงครับครู
สวัสดีครับอาจารย์วราภรณ์ เข้ามาทัทายครับ
สบายดีมั้ยครับ ช่วงนี้ผมไม่ได้เข้ามาซะนานเลย มัวแต่เฟสบุ๊คครับผม
ขอบคุณสำหรับคำบอกกล่าวด้วยความปรารถนาดี
จริงๆ แล้วเรื่องนี้ผมลากมาจากเว็บอื่นอ่ะครับ
เลยไม่ได้ตรวจปรู๊ฟก่อน
ขอบคุณครับผม
สวัสดีครับ
สวัสดีค่ะ
มาเยี่ยมค่ายค่ะครูธรรมทิพย์
กิจกรรมของค่ายคงจะให้ประสบการณ์การเรียนรู้มากมายนะคะ
มาเยี่ยม ด้วยความระลึกถึงค่ะ
เข้ามาทักทายด้วยความคิดถึงค่ะ ขอบคุณมากที่แบ่งปันความรู้ กิจกรรมที่ทางค่ายจัดให้น่าสนุกนะคะ มีฐานดูนกด้วย ที่แก่งกระจานมีนกอะไรบ้าง สีสวยไหมคะ เสียงนกร้องคงทำให้ป่ามีชีวิตชีวาดีนะคะ เป็นกำไรชีวิตแล้วค่ะที่มีโอกาสอย่างนี้ เอาภาพนกลงให้ดูบ้างนะคะ ขอบคุณล่วงหน้าค่ะ
เข้ามาเยี่ยมชม กำลังเข้าค่ายเหมือนกันครับ ค่ายอบรมก่อนเป็นรองครับ
น่าจะสอนว่า...ในป่าคือที่เหมาะสมในการบำเพ็ญเพียรทางจิตด้วย
ในป่า...เป็นที่เหมาะสมในการศึกษาธรรมชาติที่มีในตน
พระพุทธองค์สอนไว้หลายแห่งว่า......เป็นคำสอนที่เรียกว่าสติปัฏฐานสูตร
สอนว่า....
ภิกษุทั้งหลาย...ไปสู่ป่าแล้วก็ดี...ไปสู่โคนไม้แล้วก็ดี...ไปสู่เรือนว่างแล้วก็ดี
ให้นั่งลง...ขัดสมาธิ์...ตั้งกายให้ตรง...ดำรงค์สติเฉพาะหน้า
หายใจเข้ายาว....ก็รู้ชัดว่าเราหายใจเข้ายาว
หายใจเข้าสั้น....ก็รู้ชัดว่าเราหายใจเข้าสั้น...
หายใจออกยาว....ก็รู้ชัดว่าเราหายใจออกยาว
หายใจออกสั้น....ก็รู้ชัดว่าเราหายใจออกสั้น
... ...........ฯลฯ........
การได้ไปเข้าป่าหาประสพการณ์....ย่อมมีประโยชน์มาก
คุณครูผู้เป็นต้นคิด....น่าจะเพิ่มแนวธรรมะสักนิด
ที่มีในรายการ...เป็นแนว..."ธรรมชาติ"...ชนิดถายนอก
หากท่องเที่ยวชมธรรมชาติภายในตัว....ก็ดีขึ้น
ขอแสดงความยินดีกับความสำเร็จในการท่องป้า...
เด็กๆคงมีสายตากว้างขวางขึ้น....
น่ายินดีเหลือเกิน...
ลุงเล็ก
ได้ดูนกด้วย...เป็นทริปที่มีความสุขแน่นอนสำหรับเด็กๆ
คุณครูมาโรงเรียนวันไหนคับผมยังไม่ได้รูปที่คุณครูถ่ายเลย
สวัสดีค่ะอาจารย์ธรรมทิพย์