วันมาฆบูชาที่ผ่านมา คือวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2553 ผมมีโอกาสได้ไปนมัสการพระบรมธาตุนาดูน โดยในการไปครั้งนี้ไปกับคณะครับ มีผมและเพื่อนๆ อีกหลายคน งานนี้มีความสุขมากๆครับ ผมเลยอยากให้ทุกๆคนได้เห็นบรรยากาศของงานครับ นำมาฝากทุกๆคนครับ
ครับเป็นเพียงส่วนหนึ่งที่ผมพยายามเก็บภาพมาให้ได้ครบทุกบรรยากาศ แต่ก็เป็นเพียงส่วนน้อยครับ ยังมีอีกมากมายที่เก็บมาไม่ได้หมดครับ เช่น การปาลูกโป่ง การออกร้านของหน่วยงานต่างๆ ฯลฯ ครับ
แต่ที่เห็นได้ชัดคือจำนวนผู้คนที่มาก จนทางเดินแทบไม่มีครับ โดยเฉพาะตอนเวียนเทียนรอบองค์พระธาตุนาดูน แทบจะไม่ได้เดิน คือไหลไปตามกันสิ่งที่พบเห็นตลอดการเวียนเทียน 3 รอบคือ เห็นความน่ารักของครอบครัว ส่วนใหญ่จะมาเป็นครอบครัวครับ มีพ่อ แม่ ย่า ยาย ตา ลูกๆ แล้วหลานๆ ก็มา ผมเห็นยายจูงแขนหลานเดินรอบ ก็ทำให้คิดถึงตัวเองเมื่อครั้งเด็กๆ มียายจูงแขนผมไปวัดเหมือนกัน เป็นภาพที่น่ารักมากๆครับ แล้วคนที่มาเป็นคู่ ก็มี เป็นคู่รักกันพอเวียนเทียนเสร็จเขาก็พากันไปปล่อยนกกัน น่ารักมากๆครับ สำหรับคู่รัก เห็นแล้วอิจฉานิดๆ ส่วนผมไปกับเพื่อนๆ ครับ พอผมหยุดถ่ายรูปเท่านั้นแหละ พอหันกลับมาหาเพื่อน ไม่เห็นเพื่อนแล้ว หาเพื่อนไม่เจอ หลงกันแล้วคราวนี้ เป็นอันว่างานนี้ผมเวียนเทียนคนเดียว
"เลยเก็บภาพบรรยากาศมาฝากทุกๆคนครับ" ไม่รู้ว่าจะหาเพื่อนได้ที่ไหนคนเยอะมากจริงๆ เอาไว้เจอกันบนรถแล้วกัน
ครับงานนี้ทำให้ผมมีความสุขได้บุญมากๆ แต่ก็นึกเสียดายเหมือนกันหากว่า ใครหลายๆคนให้ความสนใจกับประเพณีต่างชาติมากกว่าประเพณีไทยของเรา เช่นในเดือนกุมภาพันธ์มี 2 วัน คือ วันวาเลนไทน์ กับวันมาฆบูชา ใครหลายๆคนกลับให้ความสำคัญกับวันวาเลนไทน์คือวันแห่งความรักมากกว่า วันมาฆบูชา แต่ก็ดีครับ แต่ที่ผมเห็นวันมาฆบูชาก็เป็นวันแห่งความรักเหมือนกัน เป็นวันของครอบครัวครับ จูงมือครอบครัวมาทำบุญด้วยกัน ผมว่าน่าจะมีความสุขมากกว่าและให้ความสำคัญกับวันมาฆบูชามากๆ "อย่างน้อยๆ ค่าดอกไม้วันมาฆบูชาก็ถูกกว่าวันวาเลนไทน์ครับ "
ลองไปงานวันสำคัญทางศาสนาดูนะครับ แล้วจะเห็นภาพที่น่ารักๆ เหมือนผมครับ ขอให้มีความสุขกับทุกๆ การเดินทางของชีวิตครับ
อนุโมทนาด้วยครับ
แวะมาเยี่ยมครับ...
สวัสดีครับ คุณ Phornphon