เนื่องจากคนไทยมีวิถีชีวิตที่ผูกพันกับสายน้ำ ดังนั้นคนไทยจึงไม่ลืมที่จะขอบคุณสายน้ำด้วยการขอขมาด้วยกระทงและการลอยโคมประทีป ในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้า-อยู่หัวก็มีการเฉลิมฉลองอย่างยิ่งใหญ่ แต่การลอยประทีปไม่นับว่าเป็นพระราชพิธี เนื่องจากไม่มีพระสงฆ์หรือพราหมณ์เข้ามาเกี่ยวข้องในการประกอบพิธี ถือว่าเป็นงานสนุกรื่นเริงเฉย ๆ โดยพระองค์ทรงบรรยายภาพของการลอยประทีปไว้อย่างละเอียด ดังนี้
…เสดจขึ้นข้างในได้ยามนาน กระเกรียมกานลอยกระทํงเสรจลงแพ
สองยามเสดเสดจจากพระที่นั่ง ลงสู่เรือบันลังริมกระแส
เรือล้อมวงจอดอยู่คอยดูแล เสียงเซงแซ่ปี่พาดระนาดค้อง…
และ
บุดส่บํกพระที่นั่งตั้งพระไชย เครื่องมัดส่การวางไว้ที่ตรงน่า
ทรงช่นวนคันจามงามกรูตา จุดเทียนในนาวาที่รายไว้
ทั้งเจ้านายฝ่ายในได้ทรํงจุด จนสิ้นสุดแสนกระจ่างสว่างไส่ว
ที่น่าท้ายสองข้างห่างออกไป ฝ่ายน่าได้จุดต่อพ่อทั่วลำ
นอกจากนี้พระองค์ยังให้ภาพของการเห่เรือในระหว่างการลอยกระทง โดยเลียนเสียง ดังนี้
จุดเทียนหมดร้องบดช้าแล้วะเรือ สีพายจ้ำสามเตื้อร้องเห่เห่
เห่โหโอละวะเห้เฮ แล้วโอ๋เห้มารานาวาจอน
นอกจากงานพระราชพิธีแล้ว พระองค์ยังแสดงค่านิยมของคนไทยในสมัยนั้น ในเรื่องของ การโกนจุก และการละเล่นในสมัยนั้นที่จะจัดขึ้นหน้างานศพ มีรายละเอียดในตอนต่อ ๆ ไปค่ะ
ไม่มีความเห็น