เผยแพร่ผลงานทางวิชาการ
ชื่อเรื่อง รายงานการพัฒนาการเรียนการสอนกลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย
โดยใช้แบบฝึกเสริมทักษะการอ่านและการเขียน เรื่อง สระเปลี่ยนรูปและ
สระลดรูป ชั้นประถมศึกษาปีที่ 1
ผู้รายงาน นางพุทธชาติ ระวังงาน
ครูชำนาญการ โรงเรียนอนุบาลพระบรมราชานุสรณ์ดอนเจดีย์
การพัฒนาการเรียนการสอนมีความมุ่งหมายในการพัฒนาเพื่อ 1 ) พัฒนาแบบฝึกเสริมทักษะการอ่านและการเขียน กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย เรื่อง สระเปลี่ยนรูปและสระลดรูป ชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 ให้มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 80/80 2 ) เปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนกลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ก่อนและหลังการใช้แบบฝึกเสริมทักษะการอ่านและการเขียน กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย เรื่อง สระเปลี่ยนรูปและสระลดรูป ชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการพัฒนา เป็นนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1/3 ปีการศึกษา 2551 โรงเรียนอนุบาลพระบรมราชานุสรณ์ดอนเจดีย์ จำนวน 29 คน โดยวิธีการเลือกแบบเจาะจง เครื่องมือที่ใช้ในการพัฒนาการเรียนการสอนครั้งนี้ คือ แบบฝึกเสริมทักษะการอ่านและการเขียนกลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย เรื่อง สระเปลี่ยนรูปและสระลดรูป ชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 มีการวิเคราะห์ข้อมูลใช้ค่าสถิติร้อยละ (%) ค่าเฉลี่ย ( ) ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D) และการเปรียบเทียบค่า t – test แบบ Dependent ผลการพัฒนาปรากฏว่า 1) ประสิทธิภาพของแบบฝึกเสริมทักษะการอ่านและการเขียน กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย เรื่อง สระเปลี่ยนรูปและสระลดรูป ชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 ได้ค่าร้อยละของประสิทธิภาพกระบวนการทำงาน E1 / E2 เท่ากับ 85.16 / 89.78 ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ 80/80 2) ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนก่อนเรียนและหลังเรียน โดยการใช้แบบฝึกเสริมทักษะการอ่านและการเขียนกลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย เรื่อง สระเปลี่ยนรูปและสระลดรูป ชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.01 ซึ่งสอดคล้องกับสมมติฐานที่ตั้งไว้
กราบสวัสดีครับคุณครู เพลงไพเราะมากครับ
ว่าแล้ว..เข้ามาเยี่ยมเมื่อไหร่ ได้ฟังเพราะๆ ทุกที
สวัสดียามดึกค่ะ
ชื่อเรื่อง รายงานการพัฒนาการคิดวิเคราะห์โดยใช้แบบฝึกทักษะการอ่านคิดวิเคราะห์
ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนเทศบาล 3 (บ้านคลองหา - นาเตรียะ)
ชื่อผู้วิจัย สุนิตา จุลวิชิต
ปีที่ทำวิจัย ปีการศึกษา 2560
บทคัดย่อ
รายงานการพัฒนาการคิดวิเคราะห์โดยใช้แบบฝึกทักษะการอ่านคิดวิเคราะห์ ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) พัฒนาแบบฝึกทักษะการอ่านคิดวิเคราะห์ 2) หาประสิทธิภาพในการคิดวิเคราะห์โดยใช้แบบฝึกทักษะการอ่านคิดวิเคราะห์ ของนักเรียน ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 3) เพื่อเปรียบเทียบทักษะการอ่านคิดวิเคราะห์ ทางการเรียนก่อนและหลังเรียนด้วยแบบฝึกทักษะการอ่าน คิดวิเคราะห์ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 และ 4) ศึกษาความ พึงพอใจของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 ที่เรียนด้วยแบบฝึกทักษะการอ่านคิดวิเคราะห์ กลุ่มเป้าหมาย ได้แก่ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3/1 โรงเรียนเทศบาล 3 (บ้านคลองหา – นาเตรียะ) สังกัดเทศบาลเมืองนาสาร จังหวัดสุราษฎร์ธานี ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2560 จำนวน 33 คน รูปแบบการศึกษาใช้รูปแบบการวิจัยเชิงทดลองขั้นต้น (Pre-Experimental Research) เครื่องมือ ที่ใช้ในการศึกษา ได้แก่ 1) แผนการจัดการเรียนรู้ จำนวน 6 แผน รวม 12 ชั่วโมง 2) แบบฝึกทักษะ การอ่านคิดวิเคราะห์ จำนวน 6 เล่ม 3) แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน จำนวน 30 ข้อ และ 4) แบบประเมินความพึงพอใจ จำนวน 10 ข้อ สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล คือ ค่าเฉลี่ย ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน และการทดสอบค่าที (t - test ) ผลการวิจัยพบว่า
1. ประสิทธิภาพของแบบฝึกทักษะการอ่าน คิดวิเคราะห์ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 จากการทดลองใช้ภาคสนาม มีค่าประสิทธิภาพ เท่ากับ 84.06/83.56 ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ที่กำหนด 80/80 2. ผลการเปรียบเทียบทักษะการอ่านคิดวิเคราะห์ ก่อนและหลังการเรียนโดย ใช้แบบฝึกทักษะการอ่าน คิดวิเคราะห์ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 โดยคิดค่าเฉลี่ย ก่อนเรียนเท่ากับ15.57 และหลังเรียนเท่ากับ 25.83 แสดงว่านักเรียนมีการคิดวิเคราะห์สูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญ ที่ .01 3. นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 มีความพึงพอใจในการใช้แบบฝึกทักษะการอ่าน คิดวิเคราะห์ โดยภาพรวมอยู่ในระดับมาก