ภารกิจการบริหารโรงเรียนขนาดเล็ก
การศึกษาหมายถึงความเจริญงอกงาม หรือการพัฒนาผู้เรียนให้มีความเจริญงอกงามทางด้านสติปัญญา ร่างกาย และการพัฒนาการทางอารมณ์ รัฐมีหน้าที่ในการจัดการศึกษาให้กับประชาชนและบุคคลย่อมมีสิทธิเสมอกันในการได้รับการศึกษาขั้นพื้นฐานไม่น้อยกว่า 15 ปี โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย รัฐจะต้องจัดให้อย่างทั่วถึงและมีคุณภาพ (รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 มาตรา 43)
ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง
เศรษฐกิจพอเพียงเป็นปรัชญาชี้ถึงแนวการดำเนินชีวิตและการดำรงอยู่แนวทางการปฏิบัติตนของประชาชนในทุกระดับตั้งแต่ระดับครอบครัว ชุมชนจนถึงระดับรัฐทั้งในด้านการพัฒนาและบริหารประเทศชาติให้ดำเนินไปในทางสายกลางโดยเฉพาะการพัฒนาเศรษฐกิจเพื่อให้ก้าวทันต่อโลกยุคโลกาภิวัตน์ ความพอเพียงหมายถึงความพอประมาณ ความมีเหตุผล รวมถึงความจำเป็นที่ต้องมีระบบภูมิคุ้มกันในตัวที่ดีพอสมควรต่อการมีผลกระทบใดๆอันรอบครอบและความระมัดระวังอย่างยิ่งในการนำวิชาการต่างๆมาใช้ในการวางแผนการดำเนินการทุกขั้นตอนและขณะเดียวกันจะต้องเสริมสร้างพื้นฐานจิตใจของคนในชาติโดยเฉพาะเจ้าหน้าที่ของรัฐ นักทฤษฎีและนักธุรกิจในทุกระดับให้มีจิตสำนึกในคุณธรรม ความซื่อสัตย์สุจริตและให้มีความรอบรู้ที่เหมาะสม ดำเนินชีวิตด้วยความอดทน ความเพียร มีสติปัญญา และความรอบครอบเพื่อให้สมดุลและพร้อมต่อการรองรับการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วและกว้างขวางทั้งด้านวัตถุ สังคม สิ่งแวดล้อมและวัฒนธรรมจากโลกภายนอกได้เป็นอย่างดี (สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาแห่งชาติ:2546.91)
พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติพุทธศักราช 2542 (ปรับปรุง พุทธศักราช 2545)
รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยพุทธศักราช 2550 มาตรา 43 บัญญัติให้รัฐต้องจัดการศึกษา อบรมและสนับสนุนให้เอกชนจัดการศึกษา ให้ผู้เรียนเกิดความรู้คู่คุณธรรม จัดให้มีกฎหมายเกี่ยวกับการศึกษาแห่งชาติ ปรับปรุงการศึกษาให้สอดคล้องกับความเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจและสังคม สร้างเสริมความรู้และปลูกฝังจิตสำนึกที่ถูกต้องเกี่ยวกับการเมือง การปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข สนับสนุนการค้นคว้า วิจัยในศิลปะวิทยาการต่างๆ เร่งรัดการศึกษาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเพื่อการศึกษา พัฒนาประเทศ พัฒนาวิชาชีพครูและส่งเสริมภูมิปัญญาท้องถิ่น ศิลปวัฒนธรรมของชาติ รวมทั้งการจัดการศึกษาของรัฐให้คำนึงถึงการมีส่วนร่วมขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและเอกชน ตามกฎหมายการศึกษา (ประกาศในราชกิจจานุเบกษา เมื่อวันที่ 19 สิงหาคม พุทธศักราช 2549 มีผลบังคับใช้ 20 สิงหาคม พุทธศักราช 2549) ที่มา (สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาแห่งชาติ : 2546.17)
ระบบการศึกษา
ระบบการศึกษา กำหนดให้จัดการศึกษาได้ 3 ระบบ คือ การศึกษาในระบบ การศึกษานอกระบบ และการศึกษาตามอัธยาศัย (พรบ.การศึกษา 2549 :มาตรา 15) สถานศึกษาอาจจัดรูปแบใด รูปแบบหนึ่ง หรือทั้ง 3 รูปแบบก็ได้และกำหนดให้มีการเทียบโอนผลการเรียนได้ทั้ง 3 รูปแบ
การบริหารจัดการศึกษา
การบริหารและจัดการศึกษาแบ่งออกเป็น 3 ระดับ คือ ระดับชาติ ระดับเขตพื้นที่การศึกษา และระดับสถานศึกษา (พรบ.การศึกษาแห่งชาติ พุทธศักราช 2542 หมวด 5)
โรงเรียนขนาดเล็ก
โรงเรียนขนาดเล็ก หมายถึง หน่วยงานหรือองค์การที่ทำหน้าที่จัดการเรียนการเรียนรู้ให้กับผู้เรียนเพื่อพัฒนาให้เกิดความเจริญงอกงามในตัวบุคคล โรงเรียนขนาดเล็ก มีจำนวนผู้เรียนตั้งแต่ 1-120 คน
(ศ.ดร. ธีระ รุญเจริญ : 2546 1.7)
การแบ่งขนาดของโรงเรียน
การแบ่งขนาดของโรงเรียนหรือสถานศึกษาตามเกณฑ์ของสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2549 แบ่งเป็น 4 ระดับ ดังนี้
1. โรงเรียนขนาดเล็ก หมายถึงโรงเรียนหรือสถานศึกษาที่มีผู้เรียนตั้งแต่ 1-120 คน
2. โรงเรียนขนาดกลาง หมายถึง โรงเรียนหรือสถานศึกษาที่มีผู้เรียนตั้งแต่ 121-600 คน
3. โรงเรียนขนาดใหญ่ หมายถึง โรงเรียนหรือสถานศึกษาที่มีผู้เรียนตั้งแต่ 601-1,500 คน
4. โรงเรียนขนาดใหญ่พิเศษ หมายถึง โรงเรียนหรือสถานศึกษาที่มีผู้เรียนตั้งแต่ 1,500 คน ขึ้นไป
การบริหารจัดการเรียนรู้โรงเรียนขนาดเล็กโดยเน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ
1.เจตนารมณ์/หลักการ/แนวคิด
การจัดการเรียนรู้และการบริหารโรงเรียนที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ หมายถึง การจัดการเรียนรู้ที่มุ่งประโยชน์สูงสุดแก่ผู้เรียน เน้นให้ผู้เรียนได้พัฒนาเต็มตามศักยภาพ มีทักษะในการแสวงหาความรู้จากแหล่งเรียนรู้ที่หลากหลาย สามมารถนำวิธีการเรียนรู้ไปใช้ในชีวิตจริงได้และทุกฝ่ายมีส่วนร่วมในทุกขั้นตอนเพื่อวางแผนพัฒนาผู้เรียน
พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พุทธศักราช 2542 (ปรับปรุงครั้งที่ 2 พุทธศักราช 2545 มาตรา 43) มีสาระสำคัญมุ่งเน้นการจัดการศึกษาเป็นไปเพื่อพัฒนาคนไทยให้เป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์ ทั้งด้านร่างกาย จิตใจ สติปัญญา มีความรู้คู่คุณธรรม มีจริยธรรมและวัฒนธรรมในการดำเนินชีวิต สามารถอยู่ร่วมกับผู้อื่นได้อย่างมีความสุข การบริหารจัดการศึกษาต้องยึดหลักว่าผู้เรียนทุกคนสามารถเรียนรู้และพัฒนาตนเองได้และถือว่าผู้เรียนทุกคนมีความสำคัญที่สุด กระบวนการบริหารจัดการศึกษาต้องส่งเสริมให้ผู้เรียนสามารถพัฒนาตามธรรมชาติและเต็มตามศักยภาพ
ดังนั้นในการบริหารจัดการศึกษาหรือบริหารจัดการเรียนรู้ต้องจัดให้สอดคล้องกับความถนัดและความสนใจของผู้เรียนฝึกทักษะ กระบวนการคิด การจัดการ การเผชิญสถานการณ์ การประยุกต์ความรู้มาใช้เรียนรู้จากประสบการณ์จริง ฝึกปฏิบัติ ผสมผสานความรู้ต่างๆ พร้อมทั้งปลูกฝังคุณธรรม ค่านิยม คุณลักษณะ จัดบรรยากาศ สภาพแวดล้อม สื่อการเรียนการสอน และจัดการเรียนรู้ให้เกิดขึ้นทุกเวลา ทุกสถานที่ ผู้บริหารสถานศึกษาต้องร่วมมือกับบุคคล องค์การ และผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทุกฝ่าย ร่วมจัดบรรยากาศให้เอื้อต่อการเรียนรู้และมุ่งประโยชน์ของผู้เรียนเป็นสำคัญ เพื่อให้ผู้เรียนเป็นคนดี คนเก่ง และดำรงชีวิตอยู่ในสังคมได้อย่างมีความสุข
โครงสร้างการบริหารโรงเรียนขนาดเล็ก
โรงเรียนขนาดเล็กแบ่งโครงสร้างการบริหารงานออกเป็น 4 ฝ่าย ดังนี้
1. งานบริหารวิชาการ หมายถึงงานที่จัดกระบวนการเรียนรู้ให้กับผู้เรียนตามเนื้อหาหลักสูตรแกนกลาง หลักสูตรท้องถิ่น ภูมิปัญญาท้องถิ่น งานทะเบียน งานวัดผล และการทัศนศึกษาแหล่งเรียนรู้นอกสถานศึกษา
2. งานบริหารบุคลากร ประกอบด้วยผู้อำนวยการโรงเรียน ครู ครูอัตราจ้าง ครูพี่เลียงเด็กปฐมวัย พนักงานบริการ และลูกจ้างชั่วคราวรายเดือน ภาระงานเกี่ยวกับการเลื่อนขั้นเงินเดือน การให้สวัสดิการเช่นการศึกษาต่อและงานวินัย
3. งานบริหารงบประมาณ ผู้อำนวยการโรงเรียนหรือผู้อำนวยการสถานศึกษาต้องบริหารงบประมาณหมวดเงินอุดหนุนรายหัว เงินอุดหนุนอื่น และเงินนอกงบประมาณ เช่นเงินบริจาคแบบมีวัตถุประสงค์ และเงินบริจาคแบบไม่มีวัตถุประสงค์ ให้เกิดความยุติธรรม โปร่งใส ตรวจสอบได้ โดยให้คณะครู ผู้ปกครอง คณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐานของโรงเรียน นักเรียน ชุมชนมีส่วนร่วมในกระบวนการบริหาร โดยมีเป้าหมายหลักลงไปสู่ผลผลิต คือตัวนักเรียน ให้เป็นคนดี คนเก่ง และดำรงชีวิตอยู่ในสังคมได้อย่างมีความสุข
4. งานบริหารทั่วไป ผู้อำนวยการโรงเรียนหรือผู้อำนวยการสถานศึกษาบริหารงานเพื่อส่งเสริม สนับสนุนให้ครู บุคลากร และนักเรียนจัดการเรียนรู้ งานบริหารทั่วไปประกอบด้วยงานกิจการนักเรียน งานระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียน งานอาคารสถานที่ และงานกิจกรรพัฒนาผู้เรียนเป็นต้น เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด โดยยึดกลยุทธ์ของสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานเป็นเกณฑ์หลัก ประสานงานกับองค์การ ชุมชน หน่วยงานปกครองส่วนท้องถิ่น ภาคธุรกิจเอกชนเพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดต่อผู้เรียนตามศักยภาพ
ขั้นตอนการบริหารโรงเรียน
1. ศึกษาระเบียบ คำสั่ง กฎกระทรวง คำสั่งมอบอำนาจต่างๆที่เกี่ยวข้องให้เข้าใจ และสามารถตีความได้
2. ประชุม ปรึกษาหารือคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐานโรงเรียน คณะครู คณะผู้ปกครองนักเรียนเพื่อวางแผนการบริหารโรงเรียนให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด
3. จัดทำแผนงาน/โครงการของโรงเรียนโดยยึดตัวชี้วัดได้แก่มาตรฐานโรงเรียนที่กำหนดโดยสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานจำนวน 18 มาตรฐาน และสำนักงานประเมินและรับรองมาตรฐานการศึกษา(สมศ.) จำนวน 14 มาตรฐาน
3. นำแผนงาน/โครงการลงสู่การปฏิบัติ โดยประเมินผล กำกับ ติดตาม นิเทศการดำเนินงาน/โครงการเป็นระยะๆ
4. นำผลงานหรือชิ้นงาน/โครงการที่ประสพผลสำเร็จจัดทำเป็นผลงานคุณภาพ
(BEST PRACTICE) ของโรงเรียน
5. จัดทำรายงานการประกันคุณภาพภายใน (SAR) ของโรงเรียนหรือสถานศึกษาเพื่อรายงานต่อคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐานโรงเรียน ประธานเครือข่ายวิชาการ ผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา และเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน เพื่อรองรับการประกันคุณภาพการศึกษาจากสำนักงานประเมินและรับรองมาตรฐานการศึกษา
หลักการบริหารโรงเรียนหรือสถานศึกษา
การบริหารโรงเรียนหรือสถานศึกษาบริหารโดยยึดทฤษฎีการบริหารโรงเรียนโดยใช้โรงเรียนเป็นฐาน(SBM) ผสมผสานกับการบริหารโรงเรียนโดยยึดหลักธรรมาภิบาล(GOOD GOVERNANCE) ขององค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช มหาราช รัชกาลที่ 9 มุ่งให้เกิดความโปร่งใส ยุติธรรม และตรวจสอบได้ โดยให้ชุมชน องค์การ คณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐานของโรงเรียนมีส่วนร่วมในการบริหาร มุ่งให้เกิดผลสัมฤทธิ์สูงสุดสู่ตัวผู้เรียน เพื่อให้เป็นคนดี คนเก่งและดำรงชีวิตอยู่ในสังคมได้อย่างมีความสุข
ผู้เขียนบทความ
นายเอกกมล ภิญโญวงศ์
ครุศาสตรมหาบัณฑิต สาขาการบริหารการศึกษา รุ่นที่ ๙
|
มหาวิทยาลัยราชภัฎชัยภูมิ โทรศัพท์ ๐๘๕-๗๖๙๖๘๖๔
E-MAIL :EKKAMOL.PHINYOVONG @
G
MAIL.COM
โชคดีที่ได้อ่านข้อมูลดีดี ก่อนสอบครูผู้ช่วย 2554 และได้ทำความเข้าใจหลักการบริหารงาน เพื่อจะนำไปใช้ในการทำงานค่ะ
ขอบคุณค่ะ