จากบทความที่ได้อ่าน"คนไทยไก่ในเข่ง"


ความจนคงเส้นคงวา

 

 

 

ได้อ่านจากหนังสือมติชนมา นำมาเก็บไว้อ่านในบล็อก

และหากท่านใดไม่ทันได้อ่าน...ก็เชิญเข้า google > search หาคำว่า

"คนไทยเหมือนไก่ในเข่ง" 

ถ้า...เหลือง - แดงสามารถปรึกษากันในคุกได้ สัญลักษณ์ที่ทลายกำแพงทางจิตใจของคนไทยทั้งชาติ

ผมว่าเป็นบทความที่น่าอ่านอย่างยิ่งสำหรับสภาวะบ้านเมืองในปัจจุบัน 

แต่สิ่งที่อยากจะจดบันทึกไว้อีกแง่มุมหนึ่งกับบทความที่กล่าวไว้

ในข้อที่ 4  "คนไทยเหมือนไก่ในเข่ง"

    อยากโยงเข้ากับเหตุการณ์บ้านเมืองในปัจจุบัน ที่บอกเล่าเรื่องราวของความขัดแย่งในสังคมไทย

"กี่ยุคกี่สมัยที่ผ่านมา เราต่างก็รับทราบได้ด้วยการอ่านบันทึกเหตุการณ์ในประวัติศาสตร์"

    ความแตกแยกที่เกิดจากปัญหาหลายอย่าง แต่จะหยิบข้อ 4  ขึ้นมาวิเคราะห์เหตุของการขัดแย่งมาเก็บไว้ในบันทึก เพราะมองเห็นเป็นรูปธรรมมากที่สุด

    เป็นเรื่องในมุมมองในชีวิตชาวนาผู้ที่ตกเป็นเบี้ยล่างของชนชั้นมาโดยตลอด มันมีในโลกและทุก ๆ ประเทศไม่เว้นแม้แต่ในบ้านเรา

    ต่อไปนี้ขอเชิญท่านทัศนาเรื่องราวความไม่เป็นธรรมในสังคมไทย ที่อาจจะส่งผลนำความแตกแยกมาสู่มิคสัญญีกลียุค หากปัญหานั้นมันบ่มเพาะมาเนิ่นนาน จนชับซ้อนเกินแก้ไขแต่ผมยังแอบหวังลึก ๆ นะครับว่า "พลังสมานฉันท์อันมหัศจรรย์" ที่หมอประเวศย์ได้กล่าวไว้คงจะทำให้บ้านเมืองของเราก้าวผ่านความขัดแย่งไปได้ด้วยดี

    คัดลอกข้อที่ 4 มา เป็นหนึ่งในบทความมาเก็บไว้อ่าน และที่เหลือหากท่านใดสนใจอ่านเชิญท่านหาข้อมูลเพิ่มเติมได้จาก  google  

    ข้อ4. ร่วมกันแก้ปัญหาความยากจนของเกษตรกร และผู้ใช้แรงงานอย่างเด็ดขาดและถาวร ความยากจนของเกษตรกรและผู้ใช้แรงงานคือภาพที่สะท้อนความไม่เป็นธรรม การแก้ปัญหาความยากจนของเกษตรกรและผู้ใช้แรงงานได้คือ การถอดสลักความไม่เป็นธรรมถ้าเกษตรกรและผู้ใช้แรงงานหายจน บ้านเมืองจะแข็งแรง มั่นคงและศานติ การแก้ความยากจนของเกษตรกรและผู้ใช้แรงงานทำได้โดยโยงกระบวนการของคนข้างล่างมาสู่นโยบาย คนข้างล่างเขารู้ว่าความยากจนคืออะไร เกิดจากอะไร แก้ไขได้อย่างไร แต่เขาไม่เคยมีโอกาสทางนโยบาย นโยบายล้วนกำหนดมาจากความไม่รู้ข้างบน 

    กระบวนการแก้ความยากจนของเกษตรกร และผู้ใช้แรงงานได้กล่าวถึงโดยละเอียดกว่านี้ในบทความชื่อ "การเยียวยา : การรวมตัวกันทำสิ่งใหม่ที่ดี" ซึ่งจะตีพิมพ์ตามมา กระบวนการที่กล่าวในบทความนั้นเป็นกระบวนการประชาธิปไตยฐานล่าง อันกว้างใหญ่ไพศาล ที่โยงมากับฝ่ายนโยบายหลายระดับ และระดับบนคือนายกรัฐมนตรี กระบวนการนี้จะ สะเดาะโครงสร้างอันซับซ้อนและแน่นหนาให้หลุดเป็นเปลาะๆ ไป  การสะเดาะโครงสร้างอำนาจนี้ตามปกติจะทำไม่ได้ เพราะติดขัดโดยรอบด้านแต่เมื่อสังคมวิกฤตจนไม่มีทางไปแล้ว ก็เป็นโอกาสแห่งความร่วมมือกันทุกฝ่ายที่จะบินออกจาก "เข่ง" หรือโครงสร้างแห่งอำนาจ เพื่อสร้างสังคมที่เป็นธรรมในสังคมที่เป็นธรรม คนจะรักกันมาก และรักชาติบ้านเมือง

    การเดินขบวนจะยังคงจะมีต่อไปไม่รู้จบสิ้น ตราบที่อำนาจและผลประโยชน์อยู่เหนือความยุติธรรมความผิดที่เป็นผลเอื้อต่อคนบางกลุ่ม อันก่อผลร้ายต่อส่วนรวม

    ความหวังที่จะเห็นศานติในสังคมนั้นยากเย็นยิ่ง หากตราบใดอำนาจที่แท้จริงมันคือผลประโยชน์และกลุ่มของคนผู้มีอำนาจไร้ธรรมในใจ

    ผู้คนจะถูกดูดกลืนทางจิตวิญญาณ อบายมุข ทุกยาก ท้ายที่สุดต้องมีผู้รับชะตากรรมที่เขาไม่ได้ก่อ ยุคปลาน้อยถูกปลาใหญ่จับกินคงไม่มีวันสิ้นสุดลงบนโลกใบนี้

    การกลืนกินวิถีชีวิตเดิมและทำร้ายสิ่งแวดล้อมอย่างไรความรับผิดชอบมันจึงมีมาทุกยุคทุกสมัย วีระบุรุษหืดหายไปกับสังคมแห่งการบริโภค การมีจิตอาสาเพื่อพัฒนาประชาธิปไตยแบบบูรณาในระดับพื้นถิ่นจึงหดหาย ปัญหาเน่าหน่ายไร้ทางเยี่ยวยาจนสาหัส

ขอบฟ้าทะเลไกลมีแสงแห่งหวังส่องอยู่เพียงริบหรี่เท่านั้นหรือ..????

ขอภาวนาให้คนรุ่นต่อไปอย่าได้สิ้นหวัง อย่าถอดใจวางเฉย 

 

ความหวังยังคงส่องแสงเพื่อเป็นสื่อศรัทธาให้กับคนที่ไม่สิ้นหวังเสมอ...

คำสำคัญ (Tags): #สู้ต่อไปครับ
หมายเลขบันทึก: 343980เขียนเมื่อ 13 มีนาคม 2010 13:05 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 22:34 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท