อันเนื่องมาจากคดี “คุณทักสิน” ซึ่งคณะผู้พิพากษาศาลฎีกาได้มีมติเป็น "เอกฉันท์" ว่า “คุณทักสิน” ยังคงมีอำนาจบริหารบริษัทของตนผ่านทางบริษัทตัวแทนตลอดระยะเวลาหลายปีที่ดำรงตำแหน่ง และมีมติ 8-1 ว่า”คุณทักสิน”ได้สั่งการและดำเนินนโยบาย ออกกฎหมาย หลายฉบับที่เอื้อประโยชน์ให้กลุ่มธุรกิจที่บริษัทของตนดำเนินธุรกิจอยู่ จึงมีคำสั่งให้ยึดทรัพย์ส่วนหนึ่ง โดยยึดส่วนที่เพิ่มมาหลังจากดำรงตำแหน่งให้เสมือนไม่เคยมีทรัพย์สินเพิ่มมานับแต่ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี
หลังคำพิพากษากลุ่มบุคคลที่ "ตั้งธง" ไว้ว่าถ้าศาลสั่ง “ยึดทรัพย์” ก็กล่าวว่าศาล"ตั้งธง"ก่อนการตัดสิน ก็เริ่มเคลื่อนไหวด้วยข้อกล่าวหาที่ “แกนนำ” กล่าวย้ำสะกดจิตมาเนิ่นนานนับปีว่า ศาลไม่ยุติธรรม มีผู้อยู่เบื้องหลังคำตัดสิน ต่างคนต่างพากันกู่ร้อง ปลุกระดมกันว่าที่นี่ประเทศไทย คงจะอยู่ด้วยกันดีๆ ไม่ได้แล้ว เอาเหวย...พวกเรามาล้มเหล่า “อัมหมาด” ให้สิ้น
ผมได้ยินบรรดาผู้สนับสนุนการประท้วงบางคน บอกว่าถ้าถือว่า “คุณทักสิน” ผิดนักการเมืองอย่างน้อยครึ่งสภา ก็ต้องผิด ว่าแล้วก็ร่ายยาวต่อไปแต่ผมไม่ได้ฟังเพราะมัวแต่ดีใจ และก็เห็นว่า ประเทศไทยของเรายังคงมีหวังในอนาคต รู้สึกขอบคุณและชื่นชมความกล้าหาญของท่านผู้พิพากษาทุกท่าน
เพราะถ้าผมจำไม่ผิดคำพิพากษาของศาลฎีกานั้นจะถือว่าเป็นบรรทัดฐานสำหรับกรณีอื่นๆ ที่คล้ายกันซึ่งเกิดทีหลัง ซึ่งต่อไปถ้านักธุรกิจการเมืองทุกระดับต้องไปขึ้นศาล ก็เป็นอันหวังได้ว่ามีสิทธิ์โดยยึดทรัพย์กันถ้วนหน้า แถมจะมีการตามฟ้องร้องเรียกเสียหายที่กระทำต่อตาสี ตาสา ประชาชนทั่วไปถึงขั้นหมดตัวกันได้เลยทีเดียว และไม่ว่าใครจะใช้อิทธิพลอย่างไรคงจะรอดได้ยาก เพราะแม้แต่นักการเมืองที่เต็มไปด้วยมือไม้ในหน่วยงานราชการ มีเงินทองมากมาย ทั้งมีกลุ่มมวลชนของตัวเองที่เข้มแข็งอย่างไม่เคยปรากฏมาก่อน ศาลท่านยังไม่เว้น แล้วคนอื่นๆ เล่า มีหรือจะรอดเงื้อมมือกฎหมายถ้าหากว่าสามารถส่งพวกเขาขึ้นสู่ศาลได้สำเร็จ
จริงอยู่ว่าตอนนี้กระบวนการนำนักการเมืองขึ้นสู่ศาลยังง่อยเปลี้ยเสียขา ไม่อาจบังคับใช้กับนักการเมืองได้โดยเสมอหน้ากันทุกคน แต่ว่าคำพิพากษาของคณะผู้พิพากษาศาลฏีกาครั้งนี้จะคงอยู่
เมื่อใดประชาชนชาวไทยเรามีความสามัคคีพร้อมใจเห็นร่วมกันว่าการคอรัปชั่นเป็นสิ่งที่เลวร้ายที่ควรร่วมกันกำจัดให้สิ้นจากแผ่นดินไทยในทุกระดับ ตั้งแต่ อบต อบจ สส จนถึงนายกรัฐมนตรี ถึงตอนนั้นประชาชนก็เพียงแต่สร้างเครื่องมือในการลากไส้นักธุรกิจการเมืองพวกนั้นขึ้นศาลให้ได้เท่านั้นเอง
ซึ่งถ้ามีวันนั้นจริงบ้านเมืองของเราจะได้เงินภาษีกลับมาพัฒนาชาติอีกหลายแสนล้านบาท ถนนหนทาง คูคลอง เสาไฟ สาธารณูปโภคขั้นพื้นฐานที่สร้างขึ้น ก็จะกว้างขวางใหญ่โต ทนทานมีคุณภาพมากขึ้นอย่างน้อย อีกสามสิบสี่สิบเปอร์เซ็นต์ เพราะเงินงบประมาณอยู่ครบถ้วนไม่สูญหายไปกับเบี้ยใบ้รายทาง
ในส่วนของกองเชียร์คุณทักสินที่หลังทราบผลคำพิพากษากที่มีทั้งก่นด่า มีทั้งหลั่งน้ำตาแห่งความแค้นศาลผนวกรวมความสงสาร"คุณทักสิน" คงยากจะเปลี่ยนแปลงความเชื่อของพวกเขา ไม่ว่าจะเป็นวันนี้ พรุ่งนี้ หรือจนชั่วชีวิต
แต่ผมเชื่อว่าวันหนึ่งเมื่อลูกหลานของท่านเหล่านั้นเติบโตขึ้น ลูกหลานของเขาเหล่านั้นจะเป็นผู้รำลึกถึงบุญคุณและกล่าวคำขอบคุณคณะผู้พิพากษาศาลฎีกาที่นั่งบัลลังก์พิพากษาคดีประวัติศาสตร์แทนพ่อแม่ของเขา ขอบคุณที่พวกท่านได้สร้างเกราะป้องกันแผ่นหลังอันเปลือยเปล่าของเหล่าประชาชน
ผมเชื่อเช่นนั้นแต่บางทีผมก็อาจจะแค่รู้สึกและทึกทักไปเอง
พรุ่งนี้ 12 มีนาคม เห็นเขาว่าจะพากันมาชุมนุมกันแล้วสินะ