วิตามินดี ขจัดหวัด?


คนที่มีระดับ วิตามินดีในเลือดน้อยกว่า 10 นาโนกรัมต่อมิลลิลิตรของเลือด จะเป็นหวัดได้ง่ายกว่าคนที่มีระดับวิตามินดีในเลือดสูงกว่า 30 นาโนกรัมมิลลิลิตร ถึงร้อยละ 40

วิตามินดีขจัดหวัด? เขียนไม่ผิดหรอก 

วิตามินดีเป็นสารอาหารที่มีความเกี่ยวข้องกับโรคหวัด มีงานวิจัยที่พบว่า ระหว่างช่วงที่มีการระบาดของโรคหวัด ผู้ที่เป็นหวัดจะมีระดับวิมินดีในเลือดต่ำสุด ทำให้ร่างกายไม่สามารถป้องกันตัวเองได้จากสารปฏิชีวนะที่ร่างกายสังเคราะห์จากวิตามินดี และ หลายคนคงสงสัยว่าทำไมฤดูฝน และฤดูหนาว ผู้คนจึงเป็นหวัดกันมาก คำตอบคือ ในช่วงเวลาดังกล่าว ระดับวิตามินดีในเลือดของเราต่ำลง (คนที่มีระดับ วิตามินดีในเลือดน้อยกว่า 10 นาโนกรัมต่อมิลลิลิตรของเลือด จะเป็นหวัดได้ง่ายกว่าคนที่มีระดับวิตามินดีในเลือดสูงกว่า 30 นาโนกรัมมิลลิลิตร ถึงร้อยละ 40) สาเหตุของการขาดวิตามินดี นอกจากอาหารแล้ว ร่างกายยังสามารถสังเคราะห์วิตามินดี จากแสงแดดได้ ดังนั้นคนที่ไม่ชอบแสงแดด ก็ต้องมั่นใจว่าอาหารที่กินเข้าไปมีวิตามินดีเพียงพอ และหากเจอแดดตอนเช้าก็จงอย่าหลบ เพราะจะทำให้ร่างกายแข็งแรงและทำให้หวัดไม่มาใกล้ /By Jan

ที่มา: คอลัมม์ห้องแพทย์ หนังสือพิมพ์ถิ่นไทย

          ฉบับประจำวันที่ 1 มีนาคม 2553 : หน้า 3

เพิ่มเติม

วิตามินดี (CALCIFEROL หรือ ERGOSTEROL) เป็นวิตามินที่ร่างกายต้องการเพื่อการรักษาภาวะสมดุลของระดับแคลเซียมในเลือดและในกระดูก เมื่อร่างกายได้รับแสงแดด ร่างกายสามารถสร้างวิตามินดีได้เมื่อผิวหนังได้รับแสงแดด ในกรณีที่ไม่ถูกแดด จำเป็นจะต้องได้รับวิตามินดีจากอาหารให้มากขึ้น เมื่อได้รับแสงแดดพอ ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องเสริมด้วยการรับประทานวิตามินดีในรูปวิตามินรวม หรือรับประทานอาหารที่มีการเสริมด้วยวิตามินดี

วิตามินดีที่เข้าร่างกายจะถูกนำไปเก็บที่ตับเป็นส่วนใหญ่ นอกจากนี้จะเก็บที่ผิวหนัง สมอง ตับอ่อน กระดูก และลำไส้ได้ วิตามินดีจะเสียง่ายเมื่อถูกออกซิเดชัน ละลายในตัวทำลายไขมันและไม่ละลายน้ำอาหารที่มีวิตามินดีพบได้ทั้งในพืชผัก ผลไม้ และในเนื้อเยื่อของสัตว์แต่ดูเหมือนจะเป็นวิตามินชนิดเดียวที่มีอยู่น้อยมากในพืชและผัก ที่พบมากได้แก่ น้ำมันตับปลา ไขมัน นม เนย ตับสัตว์ ตับปลาคอด (COD) ปลาทู ไข่แดง ปลาแซลมอน ปลาซาดีน ปลาแมคเคอร์เรล

วิตามินดีช่วยในการดูดซึมแคลเซียมและฟอสฟอรัส มีความสำคัญในการสร้างกระดูกและฟันและการเจริญเติบโตตามปกติของเด็ก,วิตามินดีมีผลต่อการดูดซึมกลับของกรดอะมิโนที่ไต ,ช่วยสังเคราะห์น้ำย่อยใน mucous membrane ,ควบคุมปริมาณของแคลเซียมและฟอสฟอรัสในกระแสโลหิตไม่ให้ต่ำลงจนถึงขีดอัตราย ,เกี่ยวข้องกับการใช้ฟอสฟอรัสในร่างกาย ,ช่วยสังเคราะห์ Mucopolysaccharide ซึ่งเป็นสารที่จำเป็นในการสร้าง คอลลาเจน,เกี่ยวข้องกับการใช้เกลือซิเตรทในร่างกายอาจจำเป็นในการทำงานของระบบประสาท การเต้นของหัวใจ การแข็งตัวของเลือด

ถ้าขาดวิตามินดีทำให้เกิดโรคกระดูกอ่อนในเด็กเรียก Rickets และในผู้ใหญ่เรียกว่า Osteosarcoma มีปัญหาเกี่ยวกับการดูดซึมแคลเซียมเข้าร่างกาย รูปร่างจะไม่สมประกอบ น้ำหนักลด ฟันผุ เติบโตช้า กระดูกสันหลังโก่ง ข้อมือ เข่า และกระดูกข้อเท้าโต ความต้านทานต่อโรคต่าง ๆ ลดน้อยลง เช่นหวัด ปอดบวม วัณโรค กล้ามเนื้ออ่อนกำลังขาดความคล่องแคล่ว ว่องไว ไม่กระฉับกระเฉง ไม่มีความกระปรี้กระเปร่า กล้ามเนื้อกระตุก

ถ้าได้รับวิตามินดีมากเกินไป ทำให้ปวดศีรษะ คลื่นไส้ อาเจียน ท้องเดิน เบื่ออาหาร ปัสสาวะมากผิดปกติและบ่อย กล้ามเนื้อไม่มีแรง รู้สึกเหนื่อยอ่อน มีหินปูนเกาะตามอวัยวะหรือเนื้อเยื่อของหัวใจ ผนังเส้นเลือดและปอด แต่อาการเหล่านี้นั้นจะหายภายใน 2 - 3 วันหลังจากหยุดวิตามินค่ะ

 

คำสำคัญ (Tags): #วิตามินดี
หมายเลขบันทึก: 341009เขียนเมื่อ 1 มีนาคม 2010 22:57 น. ()แก้ไขเมื่อ 15 เมษายน 2012 02:54 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (4)

เข้าใจว่าเป็น Vit .C นะเนี่ย ที่ชอบแจกให้คนไข้ที่เป็นไข้หวัดกันน่ะ แล้วVit .D มีอยู่ในอาหารอะไรบ้างคะ/by nursejoy

กำลังเป็นหวัดพอดีค่ะ

จะหาVit.d ได้จากอาหารจำพวกไหนมั่งคะ

ครูกระเเต

แล้วอย่างนี้เราก้อต้องขยันไปตากแดดรึป่าวน้า.......???จะได้vit Dไง

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท