เวียดนามกลางพายุฝนตอน๑๔: สมัชชานานาชาติที่ริมฝั่งแม่น้ำทูโบน


ขออภัยที่หายไป เพิ่งกลับจากเดินทางท่องเที่ยวค่ะ

 

 

 

 

 

 

                กว่าจะล่องเรือกลับมาตามลำน้ำทูโบน ถึงฮอยอันก็เย็นแล้ว

                ฉันถือโอกาสเดินหาอาหารเย็นแถบริมแม่น้ำทูโบนที่มีร้านอาหารน่าสนใจอยู่หลายที่  โดยมีฝรั่งเดินตามเป็นแถว ก็พวกที่ลงเรือลำเดียวกันมานั่นแหละ หนึ่งวันในหมีเซินกับ  Joined  tour   ทำให้ได้เพื่อนใหม่ แปลกหน้าเพิ่มขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อ

                มีคนอเมริกันผู้หญิงชื่อแมรี่  คนอังกฤษผู้ชายชื่อโทนี่  คนเยอรมันผู้หญิงชื่อเรียกยากเลยจำไม่ได้แล้ว  คนเนเธอร์แลนด์ผู้ชายอีก 2 คน  มีคนไทยตื่นสายเป็นคนนำ ชักแถวกันเข้าไปนั่งร้านอาหารที่ดูสงบเงียบ และดูสะอาดสะอ้าน  แต่อร่อยหรือเปล่ายังไม่รู้

                แต่ละคนสั่งอาหารกันไปคนละทิศ ใครอยากกินอะไรก็สั่ง กินของใครของมัน เวลาจ่ายเงินก็ต่างคนต่างจ่าย แค่นั่งกินด้วยกัน เท่านั้น

                อาหารอร่อยดี  ฉันสั่งอาหารเวียดนามพวกกุ้งพันอ้อย หมูย่าง กินกับหมี่  แล้วก็เฝอน้ำกุ้งตัวโต  ดูจะเจริญอาหารมากกว่าคนอื่น ๆ

                แมรี่ เดินทางมาจากฮานอย จะไปโฮจิมินห์ จึงแลกเปลี่ยนข้อมูลเรื่องที่พัก และอื่น ๆ  กับฉัน  ส่วนคนเยอรมัน และคนอังกฤษจะไปเว้ แล้วขึ้นฮานอยเหมือนกับฉัน  แต่วันเวลายังไม่ได้กำหนดว่าจะยังไง  เพราะเพิ่งมาถึง ยังไม่ได้เที่ยวฮอยอันกับดานังเลย  ส่วนฉันลุยมาจนเหนื่อยแล้ว

                คนเนเธอร์แลนด์ จะบินไปฮานอยเลยไม่แวะเว้  เพราะไม่มีเวลา

                ทุกคนต่างมีจุดหมายปลายทางของตนเอง  เราแลกเปลี่ยนประสบการณ์ที่พบเจอในบางเรื่อง เกี่ยวกับคนเวียดนาม

                ฉันพบว่า พวกผู้ชายต้องฝ่าฟันเรื่องน่าตื่นเต้นมากกว่าผู้หญิง  เพราะพวกเขาเจอทั้งผู้หญิงขายบริการพยายามตามล่า บางคนพยายามเข้ามาประชิดตัวจะล้วงกระเป๋า  พวกมอเตอร์ไซร์ก็ตามตื้อ และพยายามชวนไปเที่ยวหญิงบริการ คลับ บาร์

                นักท่องเที่ยวต่างชาติเจอเรื่องไม่ค่อยดีมากมายอย่างไม่น่าเชื่อ

                เรื่องธรรมดา ๆ  ง่ายก็คือ ถูกโก่งราคาอาหารอย่างไม่น่าให้อภัย ทำให้ฉันเข้าใจแล้วว่า ทำไมวันนี้  ทุกคนพร้อมใจกันเดินตามฉันเป็นพรวน

                แม้แต่โรงแรมที่พัก พวกเขาก็จ่ายแพงกว่าฉัน ซึ่งฉันไม่ได้บอกให้พวกเขาเสียความรู้สึกกันมากไปกว่านี้

                มิน่าเล่า  กิตติศัพท์ของเวียดนามจึงไม่ค่อยดีนักในหมู่นักท่องเที่ยว

                ฉันนับว่าโชคดี ที่ไม่ค่อยเจอปัญหาการก่อกวนจากคนเวียดนาม อาจเป็นเพราะฉันหน้าคล้ายคนเวียดนาม หรือเพราะความกลัวแดดเลยซื้อหมวกเวียดนามมาใส่ เลยไม่ค่อยมีใครสนใจ  ด้วยกลมกลืนกับผู้คน

                หรือฉันอาจจะดูไฮโซ จนคนพื้นถิ่นไม่กล้ามาใกล้ชิด ที่ว่าไฮโซนั้น คือมีสภาพอดโซสูง ดูไม่น่าจะมีเงินสักเท่าไหร่ เสียเวลาจะมาตามตื้อ จะขายข้าวของให้แพง ๆ  ก็กลัวฉันไม่มีเงินจ่าย

                จากความรู้สึกลึก ๆ  ที่สัมผัสได้  ฉันว่าคนเวียดนามก็ยังไม่ปลื้มฝรั่งสักเท่าไหร่  โดยเฉพาะคนอเมริกัน  แม้สงครามจะผ่านมายาวนานแล้ว แต่บาดแผลที่ฝังลึกยากจะลืม  ฉันไม่เชื่อว่าคนเวียดนามลืม และให้อภัยได้จริงอย่างที่ปากพูด

                คนเวียดนามไม่ปลื้มฝรั่งขนาดเห็นผู้หญิงเอเชียเดินกับฝรั่งก็มักจะเหมาว่าเป็นโสเภณีไปเสียเลย  ผู้หญิงเวียดนามจึงไม่ค่อยแต่งงานกับฝรั่ง  คงคล้ายสังคมไทยสมัยก่อน ... ซึ่งผิดกันไกลกับปัจจุบันที่ใคร ๆ  ก็อยากแต่งงานกับฝรั่ง

                หลังอาหารเย็น ที่พวกเขาบอกว่าราคาสมเหตุสมผลนั้น สมัชชานานาชาติก็แยกย้ายกันไปตามวิถีทางของแต่ละคน

                ชาวต่างชาติทั้งหมด เดินดูร้านรวง และบ้านเมืองยามค่ำ

                ส่วนฉันกลับโรงแรม  เพราะเหนื่อยมาทั้งวัน พอท้องอิ่ม หนังตาก็เริ่มจะปิดเป็นธรรมดา ...

 

 

หมายเลขบันทึก: 340195เขียนเมื่อ 26 กุมภาพันธ์ 2010 22:04 น. ()แก้ไขเมื่อ 12 กุมภาพันธ์ 2012 12:51 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท