บ่ายโมงวันที่ ๓ ก.พ. ๕๓ ผมออกจากที่ประชุมสภาสถาบันอาศรมศิลป์ด้วยความรู้สึกว่า สถาบันอาศรมศิลป์ช่างสมกับเป็นสถาบันอุดมศึกษาทางเลือกเสียจริงๆ คือคิดทำอะไรๆ ไม่เหมือนกับที่สถาบันอุดมศึกษาโดยทั่วไปเขาทำกัน
ตรงจริตของผมเสียจริง
ที่จริงคำว่า “สถาบันอุดมศึกษาทางเลือก” มาจากภาษาอังกฤษว่า alternative higher education คือเป็นคนละสายกับกระแสหลัก อาจจะเรียกว่าเป็นกระแสรองก็ได้
แต่ที่สถาบันอาศรมศิลป์กำลังทำอยู่มีคุณค่ามากกว่าการเป็น “กระแสรอง” ไม่ได้เป็น “นางรอง” หรือ “พระรอง” แต่กลับทำหน้าที่ “นางเอก” หรือ “พระเอก” ของอุดมศึกษา เพราะมีการเสาะหา (explore) ทดลองวิธีการใหม่ๆ ในการเรียนรู้ และในการทำหน้าที่อุดมศึกษารับใช้สังคม
เป็น “นางเอก” หรือ “พระเอก” ของการเสาะหาแนวทางใหม่ให้แก่บ้านเมือง หรือสร้างการเปลี่ยนแปลงให้แก่บ้านเมือง และแก่วงการอุดมศึกษา
ในวงการแสดง นางเอกพระเอกเขาค่าตัวแพงมาก แต่ในวงการศึกษากลับไม่มีค่าตัว หรือค่าตัวถูก สถาบันอาศรมศิลป์จึงตกอยู่ในภาวะขาดทุน ต้องใช้เงินที่มูลนิธิโรงเรียนรุ่งอรุณเอามาจุนเจือ
แม้สถาบันอาศรมศิลป์จะรับทุนวิจัยและพัฒนาจากแหล่งต่างๆ มาดำเนินการและเป็นกระบวนการเรียนรู้ของคณาจารย์และนักศึกษาไปในตัว สถาบันก็ยังไม่อยู่ในฐานะเลี้ยงตัวได้ ต่างจากมหาวิทยาลัยเอกชนขนาดใหญ่ที่เน้นหารายได้จากการสอน ได้ข่าวว่ากำไรปีละเป็นพันล้านบาท
โครงการวิทยานิพนธ์ปริญญาโท เรื่อง “โจ๊มาลือล่ะ โรงเรียนวิถีชีวิต ศูนย์การศึกษาพิเศษชนเผ่าปะกากะญอ บ้านสบลาน อ. สะเมิง จ. เชียงใหม่” ของคุณอรพินท์ กุศลรุ่งรัตน์ เป็นตัวอย่างของการทำหน้าที่สร้างการเปลี่ยนแปลงให้แก่บ้านเมือง และแก่วงการอุดมศึกษา
โดยคุณอรพินท์ “อิน” กับงานนี้มาก จนวางแผนย้ายบ้านและลูกไปอยู่ที่นั่น เพื่อทำงานนี้ และมีการประสานงานกับ สพท. อบต. ผู้นำชนเผ่า การศึกษานอกโรงเรียน และส่วนต่างๆ ของระบบการศึกษาเพื่อหาทางเชื่อมโยงบูรณาการกับการศึกษาในระบบ
มีเป้าหมายที่ยิ่งใหญ่คือจัดการศึกษาเรียนรู้ที่เหมาะสมกับชนเผ่าที่อยู่บริเวณป่าต้นน้ำลำธาร และมีภูมิปัญญาดั้งเดิมของชนเผ่าหนักแน่นมาก ให้ดำรงความเข้มแข็งของชนเผ่าในท่ามกลางกระแสสมัยใหม่ได้
สถาบันอาศรมศิลป์มี “ทุนสังคม” มาก (แม้ทุนเงินตราจะน้อย) จึงมีโอกาสใช้ทุนนี้ บวกกับ “ทุนปัญญา” ซึ่งกล้าแข็งเพิ่มพูนขึ้นทุกวันทุกคืน ในการทำงานวิชาการกระแสทางเลือก คือทำงานพัฒนานำวิจัย เขียนออกมาเป็นผลงานวิชาการหรือวิทยานิพนธ์
โครงการนี้ระบุวัตถุประสงค์ ๓ ข้อ คือ
๑. จัดตั้งศูนย์การศึกษาอย่างมีส่วนร่วมกับชุมชนปกากะญอ เพื่อสร้างชุมชนแห่งการเรียนรู้ที่บ้านสบลาน
๒. ศึกษาวิเคราะห์ สังเคราะห์คุณค่าและองค์ความรู้เกี่ยวกับวิถีชีวิต ภูมิปัญญาท้องถิ่น อย่างมีส่วนร่วมกับคนในชุมชน เพื่อนำมาจัดการศึกษาให้สอดคล้องกับวิถีชีวิตของชนเผ่าปกากะญอ
๓. จัดทำหลักสูตรการศึกษาโดยให้ชุมชนมีส่วนร่วม ในการสร้างกระบวนการเรียนรู้ซึ่งมีฐานจากวิถีชีวิตและภูมิปัญญาของชนเผ่าปกากะญอ โดยบูรณาการสาระการเรียนรู้สู่ชีวิตอย่างเป็นองค์รวม ให้เหมาะสมกับบริบทและความต้องการของชุมชน
ผมได้ชี้ว่า ที่จริงโครงการนี้มีวัตถุประสงค์แฝงเชิงคุณค่า ยกระดับขึ้นไปจากวัตถุประสงค์ ๓ ข้อนี้ คือเพื่อเป็นโครงการนำร่องโครงการหนึ่ง ของการศึกษาทางเลือกเพื่อพื้นที่และชุมชนพิเศษ ที่เป็นชนเผ่า และเป็นพื่นที่ต้นน้ำ หรืออีกนัยหนึ่ง เป็นส่วนหนึ่งของการปฏิรูปการศึกษานั่นเอง
หลักสูตรปริญญาโท ด้านการศึกษาทางเลือก ของสถาบันอาศรมศิลป์ เป็นการรับใช้การปฏิรูปการศึกษาไทยโดยตรง ซึ่งแม้จะเป็นส่วนเล็กๆ แต่ก็มีคุณค่าสูง หาคนทำยาก เชื่อมโยงยาก แต่สถาบันอาศรมศิลป์มีต้นทุนให้ทำงานเล็กๆ ขับเคลื่อนระบบใหญ่ได้
ผมจึงมองว่าสถาบันอาศรมศิลป์ เป็นสถาบันอุดมศึกษาเพื่อการปฏิรูปการเรียนรู้ ชอบที่ระบบการศึกษาของภาครัฐจะใส่เงินเข้าไปอุดหนุนงาน “พัฒนาและวิจัย” เพื่อขับเคลื่อนการปฏิรูปการเรียนรู้ ในรูปแบบที่เล่าแล้ว
วิจารณ์ พานิช
๕ ก.พ. ๕๓
ไม่มีความเห็น