http://www.pantip.com/cafe/lumpini/topic/L8826063/L8826063.html
link ข้างบนเป็นบทความที่คุณหมอท่านหนึ่งเผยความในใจให้สังคมรับรู้ผ่านทางเวปบอร์ด
จริงอยู่ หลายท่านคงเคยได้รับทราบรับฟังมาจากหลายแหล่ง
หลายท่านอาจคิดว่า...จะบ่นทำไม...เค้าก็อยู่กันมาได้ตั้งนาน
ผู้บริหารหลายท่านอาจคิดว่า...บ่นน่ะดีแล้ว...ถือเป็นการ ventilate...แล้วก็อยู่ต่อไปได้
บางท่านเคยผจญชีวิตนั้นมาก่อน...มีคำถามในใจว่าหากเปรียบเทียบรายได้แล้ว ดีกว่าสมัยเราเยอะ...ยังจะบ่นอีกเรอะ
หลายท่านที่เป็นใหญ่ในกระทรวง หลายท่านที่เป็นใหญ่ในโรงงานผลิตแพทย์...ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน...เลือกทางแก้ไขด้วยการเพิ่มกำลังการผลิต...
จนกระทั่งหลายท่านทนไม่ไหว ลาออกจากภาคส่วนทั้งสอง มาอยู่เป็นหัวของสภาวิชาชีพต่างๆ เพื่อต่อสู้เพื่อสิทธิของตนเอง เพื่อนๆ และลูกหลาน...ทั้งโดยบริสุทธิ์ใจ หรือไม่...ก็มิอาจรู้ได้... ออกมาตรการต่างๆออกมา ทั้งแบบธรรมดา และแบบหลายภาษา อันสร้างความคลางแคลงใจ และอาจทำให้องคาพายพของวิชาชีพเสียหายได้...หรือไม่?
จนวันนี้ เรากำลังจะเห็นแพทย์ และบุคลากรสายแพทย์ที่มาจากแหล่งต่างๆ ที่หลากหลาย ทั้งในเชิงปริมาณ และเชิงคุณภาพ... นอกจากนี้ยังเพิ่มไลน์การผลิตสำหรับต่างชาติอีกต่างหาก...
ตอนนี้เราคงสังเกตการเปลี่ยนแปลงได้ชัดเจนอย่างน้อยสองอย่างแล้ว...
1. อัตราการเปลี่ยนแปลงของสถานที่ผลิตและกระบวนการผลิต ช่างเร็วเหลือเกิน...ในขณะที่ระบบที่เป็นที่เก็บผลผลิต และแจกจ่ายผลผลิตนั้นเปลี่ยนแปลงไม่เร็วเท่า...
2. หากประยุกต์ทฤษฎีของ Michael Porter มาดูปรากฏการณ์ดังกล่าว จะพบว่าเราทำแทบทุกอย่างใน Five Forces Analysis และพยายามเปลี่ยนแปลงมัน โดยไม่ได้วิเคราะห์และคลอดมาตรการบางอย่างสำหรับ consumers มากนัก ยกเว้น consumer right protection...ใช่หรือไม่?
เขียนสิ่งเหล่านี้มา ไม่ได้ประสงค์อื่นใด นอกจากจะบอกสมมติฐานว่า ลักษณะของ consumers เองก็เป็นสิ่งที่ต้องพิจารณาให้จงหนักเพราะมีผลอย่างมากทั้งต่อกระบวนการทำงาน คน เงิน และ materials ต่างๆ...
...หากรักจะเป็นผู้นำความเปลี่ยนแปลงสำหรับระบบใดๆ ในประเทศ...เรา...
สวัสดีค่ะ
ในฐานะหมอ..ที่ไม่ใช่แพทย์..แต่เป็นหมออนามัย 55+..พอเข้าใจได้ถึงความรู้สึก
เพราะงานที่สถานีอนามัยก็ไม่ได้ต่างไปจากโรงพยาบาลมากนัก..และ
สาธุ ขอให้มีผู้บริหารระดับชาติเข้ามาอ่านแล้วเกิดความคิดดี..มากกว่าการเพิ่มผลผลิต
ยังไงก็เป็นกำลงัใจให้นะค่ะ ^^