ดังกล่าวแล้วว่า จากความก้าวหน้าอย่างรวดเร็วของเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ การนำมาใช้งานในวงการธุรกิจ การแพทย์ การทหาร หรือการศึกษาเป็นไปอย่างกว้างขวาง
ลักษณะของคอมพิวเตอร์ทางการศึกษา ในด้านการศึกษา อาจจะกล่าวได้ว่ามีการนำเอาคอมพิวเตอร์มาใช้ใน 2 ลักษณะดังนี้ คือ
1) ลักษณะที่เป็นเครื่องช่วยสอน(Computer - assisted Instruction หรือ CAI) เป็นการนำเอาคอมพิวเตอร์มาใช้ในลักษณะของการเรียนการสอนโดยตรงในรูปแบบต่าง ๆ กัน
2) ลักษณะที่เป็นเครื่องช่วยจัดการบริหารการเรียนการสอน (Computer - managed Instruction) เป็นการนำคอมพิวเตอร์มาใช้ในงานด้านต่าง ๆ ที่สนับสนุนการเรียนการสอน เช่นการบริหารด้านการเงิน พัสดุ บัญชี ทะเบียน ฯลฯ หรืองานห้องสมุด งานวิจัย งานวัด ประเมินผล เป็นต้น
บุปผชาติ ทัฬหิกรณ์ (2531:3) ได้กล่าวถึงการนำเอาคอมพิวเตอร์มาใช้ในลักษณะการใช้งานต่าง ๆ ไว้ดังนี้
1) งานบริหาร (Administrative application) เป็นการนำคอมพิวเตอร์มาใช้ในงานด้านต่าง ๆ เช่น การเงิน ธุรการ ทะเบียน สารบรรณ เป็นต้น
2) งานหลักสูตร (Curriculum planning application) เป็นการใช้คอมพิวเตอร์ในการเก็บข้อมูลต่าง ๆ ในการนำมาใช้ในการปรับปรุงหลักสูตร
3) งานห้องสมุด (Library application) คอมพิวเตอร์จะสามารถนำมาใช้ในการเก็บข้อมูลเกี่ยวกับ วารสาร ตำรา ทะเบียนหนังสือ ตลอดจนการใช้งานห้องสมุดอิเล็กทรอนิกส์ที่การอ่านศึกษาค้นคว้าได้โดยคอมพิวเตอร์แทนเอกสารตำราโดยตรง
4) งานพัฒนาวิชาชีพ (Professional Development application) ช่วยให้ครูมีทักษะในการใช้คอมพิวเตอร์เพื่อนำไปพัฒนาการเรียนการสอน
5) งานวิจัย (Research application) ช่วยในการเก็บบันทึกข้อมูล ประมวลผลและแปลผลข้อมูล
6) งานแนะแนวและงานบริการพิเศษอื่น ๆ (Guidance and special service applications) ช่วยในการเก็บระเบียนประวัตินักเรียน พฤติกรรมนักเรียน รวบรวมคะแนนสอบ มาตรฐานต่าง ๆ ฯลฯ
7) งานทดสอบ (Testing application) ช่วยในการสร้างข้อทดสอบ วิเคราะห์และประเมินผลการเรียน ฯลฯ
8) อุปกรณ์ช่วยสอน (Instructional application) เป็นการนำคอมพิวเตอร์ไปใช้ร่วมกับโสตทัศนูปกรณ์อื่น ๆ ในด้านการเรียนการสอนในชั้น เช่น การใช้ร่วมกับ วีดีโอโปรเจคเตอร์ ฯลฯ
9) งานการเรียนการสอนในชั้น หรือคอมพิวเตอร์ช่วยสอน (Computer - assisted instruction) เป็นการนำเอาคอมพิวเตอร์ไปใช้งานในด้านการเรียนการสอนชั้นเรียนโดยตรง
ไม่มีความเห็น