อ่าน...กวีนิพนธ์ประวัติศาสตร์การเมืองไทย "อาทิตย์ถึงจันทร์"


อาทิตย์ถึงจันทร์ เป็นการบันทึกเหตุการณ์วันที่ ๑๖ ตุลาคม ๒๕๑๖ ที่เกิดขึ้นด้วยงานกวีนิพนธ์ โดยใช้รูปแบบโคลงสี่ดั้นบาทกุญชร จำนวน ๕๐๐ บท และมีร่ายดั้น ๑ บทในการนำไปสู่เหตุการณ์

 

              เหตุการณ์วันที่ ๑๔ ตุลาคม ๒๕๑๖ เป็นเหตุการณ์ประวัติศาสตร์ของประเทศไทย ซึ่งไม่มีใครที่จะบิดเบือนเหตุการณ์นี้เป็นอย่างอื่นไปได้ นอกจากเป็นวันของประชาชนอย่างแท้จริง เป็นวันที่นักเรียน นิสิต นักศึกษา และประชาชน ลุกฮือขึ้นต่อสู้กับรัฐบาลเผด็จการที่ครองอำนาจมานานนับสิบปี๑๔ ตุลาคม ๒๕๑๖ เป็นวันอาทิตย์ - แต่เหตุการณ์ทั้งหมดเริ่มต้นจากวันอาทิตย์ที่ ๗ ตุลาคม ๒๕๑๖ ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์เมื่อนักศึกษาเริ่มก่อตัวประท้วงเรื่องการที่รัฐบาลเผด็จการจับกุมขบวนการเรียกร้องรัฐธรรมนูญ จำนวน ๑๓ คน และจบสิ้นลงเมื่อวันจันทร์ที่ ๑๕ ตุลาคม ๒๕๑๖ เมื่อเผด็จการทั้ง ๓ คนออกจากประเทศไทยไป

              เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์ เป็นผู้อยู่กับเหตุการณ์นี้ด้วยคนหนึ่ง และในฐานะของคนเขียนกวี เขาจึงเขียน "อาทิตย์ถึงจันทร์" ออกมาในลักษณะของโคลงสี่ดั้นบาทกุญชร เพื่อบรรยายความรู้สึกนึกคิดเกี่ยวกับเหตุการณ์ว่ากันว่าที่ เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์ เลือกใช้โคลงสี่ดั้นบาทกุญชร ในการเขียนอาทิตย์ถึงจันทร์ทั้งที่โคลงสี่ดั้นบาทกุญชร อันเป็นแบบโบราณ เขียนยาก อ่านยาก และเข้าใจยาก เป็นเพราะตามความเชื่อโบราณนั้นโคลงสี่ดั้นบาทกุญชรเหมาะสำหรับบรรยายเรื่องราวที่เกี่ยวกับการต่อสู้ หรือเรื่องราวที่ขลังและยิ่งใหญ่ ดั่งการต่อสู้เผด็จการที่กลายเป็นตำนานหน้าหนึ่งของประวัติศาสตร์ประชาธิปไตยไทย ในอาทิตย์ถึงจันทร์เล่มนี้

              อาทิตย์ถึงจันทร์ เป็นการบันทึกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นด้วยงานกวีนิพนธ์ โดยใช้รูปแบบโคลงสี่ดั้นบาทกุญชร จำนวน ๕๐๐ บท และมีร่ายดั้น ๑ บทในการนำไปสู่เหตุการณ์ในปี พ.ศ. ๒๕๑๖ ธนาคารกรุงเทพจัดให้มีการประกวดแต่งบทกวี กำหนดให้เป็นโคลงดั้นยาว๕๐๐ บท ครูเนาว์จึงได้แต่ง "อาทิตย์ถึงจันทร์" ดดยใช้โคลงสี่ดั้นบาทกุญชรครบ ๕๐๐ บทตามที่ธนาคารต้องการ ส่งไปประกวดและได้รับรางวัลชมเชย ก่อนจะมาพิมพ์ครั้งแรกเมื่อปี พ.ศ. ๒๕๑๗ โดยสำนักพิมพ์พิฆเณศ

 

๏ ศรีสิทธิพิเศษสิทธิ์  จตุริทธิบาท   อวยอำนาจอำนรรฆ

ผลักแผ่นผาเป็นผง  ปลงแผ่นดินเป็นด้าว  น้าวแผ่นน้ำมาน้อม

ห้อมเวหาให้เหิน  เชิญเมืองฟ้ามาฝัน  เกลื่อนกันดารเมืองดิน

สยามินทร์แมนสรวง  ปวงประชาหน้าชื่น  ทิวารื่นรมณีย์

ราตรีเริงรมยา  กรุงเทพมหานคร  อมรรัตนโกสินทร์

เลิศระบิลระเบง  ลือละเวงว่อนหล้า  ต่างมาค้ามาขาย

ตวงตังวายเวียงตน  จนประชาหน้าชืด  มืดหม่นมัวทั่วเมือง

ระเคืองระคายคัน  อันตรายากาศ  พินาศผ่านอรรณพ

พิภพพิราลัย  หายหทัยไทยขาดด้าว  ร้าวร้าวระริกรัว

ความกลัวเข้าครอบกรุง  อำรุงอุรารัฐ   อัตคัดอุราราษฎร์

อำนาจอำนวยเนือง  กินเมืองกันหมักหมม  สะสมอภิสิทธิ์

ไพร่ผิดติดตะราง  ขุนนางกินตำแหน่ง  ผิดแต่งตั้งเป็นถูก

ลูกเมียเข้าเนียนัว  ครอบครัวเข้าครอบครอง จองผูกขาดราชกิจ

ทำผิดให้เด็กเห็น  เด็กเป็นว่าเด็กปลอม  เด็กผอมว่าเด็กพี

เด็กดีกลับดุด่า  เด็กซื่อว่าเด็กซน  จนเกิดเหตุหฤโหด

ผีโขมดเข้ามาเมือง  ฟ้าเหลืองตะวันเลือด  เดือนเดือดดาวดิ่งดับ

ไทยขับไทยเข่นฆ่า  ป่าช้าประชาชน  จลาจลประจัญบาน

จักจารจดแค้นคั้น  โคลงดั้นบาทกุญชร  เชิงประกาศ

ยาตรบาทย่างย้ำไว้  อย่าวาย

 

โคลงจาก อาทิตย์ถึงจันทร์ บท ๑-๑๕

 

๑  สยามินทร์เมืองมาศตั้ง                                  แต่บูรพ์

ละเอียดละออลาย                                        ดิลกหล้า

พระศาสน์พิสุทธิ์พูน                                      ไพโรจน์

ยศพระยอแย้มฟ้า                                        เฟื่องฝัน

 

๒  ประมวลปราโมทย์ไว้                          ทุกวาร

ดิเรกดุริยบรรณ                                       ระเบียบร้อย

ระบือเลบงการ                                       กวีเวทย์

เกลียวกระหนกน้อยช้อย                         ชดหาว

 

๓  ไพศาลพิเศษสร้าง                                พุทธศิลป์

คือสื่อพระสัจจ์สกาว                                   เก็จแก้ว

สะอาดสงบริน                                            รำงับ

ไสวสว่างพร่างพร้อยแพร้ว                         สะพรั่งใจ

 

๔  วังวัดวาววับแก้ว                                     ผกายกรอง

ผ่องปภัทร์ศรัทธาไทย                                    ท่วมด้าว

ทุ่งทิพย์ลิบลิ่วทอง                                      เปลวทาบ

นาเจิ่งน้ำโน้มน้าว                                        หนักรวง

 

๕  รวงหนึ่งระนาบนี้                                     หนักนัก

คุณแม่มาปูนปวง                                        ปากป้อน

คุณแม่ขอบคุณสัก                                      แสนส่วน

ฤๅครึ่งคำเสี้ยวช้อน                                      ชักถึง

 

๖  มาแม่อย่าด่วนด้วน                                     แผ่นดิน

มาแม่ฟังกรรดึง                                           กล่อมด้าว

ใจแม่หล่อใจริน                                           ใจราษฎร์

ราษฎร์แหล่งเมืองฟ้าน้าว                                  นี่หนอ

 

๗  เกิดแล้วสิบชาติตั้ง                                    เป็นตน

ขอเกิดขอตายขอ                                         ครบถ้วน

คู่แผ่นพระพุทธพล                                       โพสพ

ทองประกายแก้วล้วน                                  เลิศลอย

 

๘  เขียวขาบตะขบเข้ม                                   เต็มเขียว

แสงพระขับข่มพลอย                                     เพชรแท้

ประหวัดระบัดเรียว                                        รวงอ่อน

ขจีขจิตเนื้อแท้                                           ถ่องธรรม

 

๙  อาภรณ์ทุกท่อนแล้ว                                     ราวทอง

อร่ามทุ่งรุ่งเริงรำ                                           ร่ายฟ้อน

เปล่งปลั่งประกายละออง                               อวลจิต

เย็นระยับซับซ้อนย้อน                                    เยือกทรวง

 

๑๐  เม็ดหนึ่งเม็ดนิดนี้                                      มากนับ

ปลงเปลือกคือปลดปวง                                   ปิดกั้น

ขาวสะอาดผุดผาดขับ                                     ไขพิสุทธิ์

ใจหนึ่งพ้องซร้องซั้น                                       สระเสริญ

 

๑๑  ลูกกราบพระพุทธแก้ว                                มรกต

ใจหนึ่งประหวัดเกิน                                         พระแก้ว

ใจหนึ่งถอดแบบบท                                        บัวบาท

ใจหักใจแคล้วแคล้ว                                        คลั่งใจ

 

๑๒  มือหนึ่งภิวาทไหว้                                       ชินวร

มือหนึ่งเช็ดชลนัยน์                                         เนื่องช้ำ

ตาหนึ่งแน่วนบบร                                          พุทธบท

ตาหนึ่งแน่นน้ำน้ำ                                          ขนัดตา

 

๑๓  พระพ่อมรกตแก้ว                             ไกวัลย์

เผดียงพระสดับศัพทา-                             ธิบาทนี้

จากจิตสู่จิตสรร                                           สุจริต

บูชิตบาทเบื้องชี้                                           ช่องเห็น

 

๑๔  เห็นทุกข์เห็นทิศให้                            เห็นทาง

เหตุแห่งทุกข์ขุกเข็ญ                                       ขัดข้อง

เห็นความดับทุกข์กลาง                            ที่เกิด

ทางที่ผ่องแผ้วพ้อง                                         พบถึง

 

๑๕  จักจารบรรเจิดแจ้ว                                 จากใจ

อุกโฆษขับอึงคนึง                                          คณะถ้อย

ประมวลประมาณไหว                                   ประหวั่นหวาด

ขอพระแก้วน้อยน้อย                                   นั่งฟัง

 

 

๓๒  วันนั้นอาทิตย์ร้าว...............ระอุเดือด

ที่สิบสี่ตุลา..............................เริ่มต้น

จวบจันทร์สิบห้าเลือด...............รินพล่าน

อาทิตย์จันทร์คล้อยพ้น..............พลิกสยาม

 

๓๓  สองวันผันผ่านก้าว............เป็นกัปป์

ฝากเรื่องฝากราวนาม...............เอนกถ้อย

สองห้าหนึ่งหกสรรพ.................พุทธศก

จารประวัติล้วนร้อย..................เรื่องจริง

 

๓๔  จักเล่าจักยกได้..................มิจบ

จักบอกจักเบิกเอิง....................จักอ้าง

ดินแห่งโลกล่วงกลบ..................เกลื่อนหลับ

ไป่ลบไป่รู้ร้าง...........................เรื่องจริง

 

๓๕  เรื่องอื่นพลันอับสิ้น.............ความหมาย

อาทิตย์ถึงจันทร์ชิง....................โชติกล้า

จังจริงยิ่งนิยาย........................ทุกระยะ

เย็นและร้อนล้วนจ้า....................แจ่มแสง

 

              อ่านไปอ่านมาถึงตรงนี้ชื่อ อาทิตย์ถึงจันทร์ ไม่ได้หมายถึงวันอาทิตย์ที่ ๗ ตุลาคม - วันจันทร์ที่๑๕ ตุลาคม ๒๕๑๖ แต่หมายถึงวันอาทิตย์ที่ ๑๔ ตุลาคม - วันจันทร์ที่ ๑๕ ตุลาคม ๒๕๑๖ซึ่งกลายเป็นเหตุการณ์ประวัติศาสตร์ที่คนไทยทุกคนไม่มีวันลืมเหตุการณ์สิ้นสุดได้ด้วยพระมหากรุณาธิคุณของล้นเกล้าชาวไทย โคลงตรงนี้บรรยายไว้ว่า

 

๔๑  ณ ท่ามความเคียดแค้น...........คลั่งคุ

เสียงปากประเสียงปืน..................ปราดเปรี้ยง

เสียงหนึ่งแทรกประทุ....................กลางประเทศ

รำงับดับร้อนเลี้ยง.......................หล่อขวัญ

 

๔๒  เสียงพระปิ่นเกศแก้ว...............ประกาศเตือน

พระราชดำรัสสรรค์.......................สลดเศร้า

วันมหาวิปโยคเยือน........................สยดยิ่ง

ประวัติศาสตร์ร้อนเร้า.....................แหล่งไทย

 

๔๓  การเรียกร้องสิ่งนั้น.................นำมา

นักศึกษารัฐไข...............................ข่าวข้อง

ตลอดระยะเวลา............................ล่วงผ่าน

หกเจ็ดวันพ้นพ้อง..........................พบพา

 

๔๔  แต่แล้วกลับพล่านร้าย..............รุนแรง

ระเบิดแก๊สน้ำตา............................แตกโต้

จลาจลเดือดสำแดง........................ด่าวดับ

เสียชีพนับร้อยโอ้...........................อนาถหนอ

 

๔๕  ขอทุกฝ่ายยับยั้ง.....................หายนะ

เหตุแห่งรุนแรงขอ.........................สติตั้ง

เพื่อบ้านและเพื่อประ-.....................เทศชาติ

คืนสู่สงบแคล้วรั้ง..........................ลุพลัน

 

๔๖  ธ ทรงประกาศตั้ง...................บดี

แทนคณะเดิมผู้ผัน.........................ผละพ้น

นายกรัฐมนตรี..............................แต่งตรัส

จัดรัฐบาลตั้งต้น............................ต่อสยาม

 

๔๗  พระราชดำรัสนี้.......................โดยนัย

สังเขปเก็บเอาความ........................เฉพาะเค้า

คือประกาศฉัตรชัย.........................ประชาราษฎร์

ข้าพระพุทธเจ้าเกล้า........................กราบกราน

 

๔๘  เป็นประวัติศาสตร์หน้า..............หนึ่งสยาม

หนึ่งพระโปรดประทาน....................ประเทศให้

หนึ่งพลังจากราษฎร์หลาม.................รวมหนึ่ง

โค่นเข่นเดชร้ายได้..........................ดั่งถวิล

 

๕๑ ใครเลยจักกลับให้.....................เหตุการณ์

หวนสู่วันอันตรึง............................แต่ต้น

จักเปลี่ยนจักแปลงสาร....................ศักดิ์สิทธิ์

จริงจักแจ้งจ้องค้น.........................คัดจริง

 

๕๒ จักคาดจักคิดได้.......................ดังฤๅ

จุดหนึ่งซึ่งจักอิง............................จักอ้าง

จากจุดสู่เส้นคือ..............................ความสัตย์

จุดเริ่มจุดท้ายสร้าง.........................เศกสม

 

              โคลงตรงนี้คือการนำไปสู่บันทึกเหตุการณ์ประวัติศาสตร์ ในหนังสือเล่มนี้ซึ่งมีจุดเริ่มจากวันเสาร์ที่ ๖ ตุลาคม ๒๕๑๖

 

๕๓ วันนั้นวันนัดตั้ง.......................ตลาดนัด

เสาร์หกตุลาคม.............................คาบนั้น

จุดหนึ่งซึ่งอุบัติ............................ปฐมบท

ทุ่งพระเมรุแม้นชั้น.........................ฉากแสดง

 

๕๔ กลุ่มเขาปรากฏขึ้น....................คือธรรม

ธรรมที่ไร้วันแปลง.........................เปลี่ยนได้

ธรรมที่อุทธรณ์อำ-.........................นาจอธิป ไตยพ่อ

ธรรมที่ถูกทิ้งไว้.............................หว่างชน

 

             ตรงนี้คงต้องไปแบบเร็วๆ คงคัดเฉพาะเหตุการณ์สำคัญ จากแต่ละวันมานำเสนอ อาจจะไม่ต่อเนื่องบ้างต้องขออภัยด้วยแล้วกัน

 

๖๕ จุดแห่งสัจจะนี้.......................นำมา

ใจสู่ใจนำใจ................................จรดจ้อง

นิสิตนักศึกษา..............................สยามหนุ่ม สาวแฮ

ไฟแห่งหวังพลิ้วพร้อง..................สะบัดเปลว

 

๖๗ เขาร่วมเขาต่างร้อง.................เร่งรุก

ขอสิทธิแห่งประชา.......................ชาติให้

สิทธิซึ่งอับตลอดยุค.....................ระยะผ่าน

รัฐห่อนเคยให้ใช้...........................แห่งชน

 

๖๘ ความคิดความอ่านด้อย............เผด็จเอา

ดุจกระบือกะบาลขน.....................เขกด้าน

รอวันถลกหนังเขา.......................ขายตลาด

สนตะพายต้อนต้าน......................จับตอน   

 

              เหตุการณ์เริ่มตึงเครียด เมื่อรัฐบาลขณะนั้นตั้งข้อหาขบถให้ผู้ชุมนุม โคลงบรรยายเหตุการณ์ในตอนนี้ไว้ว่า

 

๖๙ เสาร์หกตุลมาสข้อ...................หาขบถ

หนึ่งมั่วสุมสโมสร.........................สั่งห้าม

หนึ่งก่อวุ่นวายกฎ.........................บัญญัติ

หนึ่งก่อการร้ายข้าม.......................เขตแดง

 

๗๑ หมู่เขาเข้าจับผู้.......................พิสุทธิ์ชน

ผู้เรียกเสรีเป็น.............................ผิดร้าย

ธรรมนูญแห่งรัฐบน......................พานบอด

บดอยู่เบื้องเท้าคล้าย.....................เศษโคลน

 

๗๒ นักศึกษาตลอดทั้ง..................ทวยประชา

อีกหนึ่งอาจารย์โดน......................จับด้วย

โดยนัยแห่งข้อหา..........................สาหัส

กบฏกะบดบี้ม้วย...........................หมดเบียน

 

            จากจุดนี้คือการชุมนุมครั้งใหญ่ในธรรมศาสตร์ วันอาทิตย์ที่ ๗ ตุลาคม ๒๕๑๖

 

๘๘ ตะวันแดงระด่าวร้อน................เรืองดวง

อาทิตย์ที่เจ็ดจาร............................จุดจ้า

พระจันทร์สู่ท่าทวง.........................ท่าสิทธิ์

ธรรมศาสตร์กราดแกล้วกล้า.............ก่ำแสง

 

๘๙ เหลืองแห่งธรรมสถิตท้อง..........ท่าพระจันทร์

แดงแห่งเลือดเรืองแรง...................ระริกต้อง

ดินสอแห่งโดมหัน...........................แปลงรหัส

ปลายแห่งทวนคว้างป้อง...................ปกประชา

 

๑๒๐ ขาสองผองผนึกสร้าง.............นับแสน

งามผงาดยืนหยัดตรู.......................ตอกหล้า

บงร่างบอบบางแกลน.....................เกลื่อนกลาด

งามฉกาจฉกรรจ์แกล้วกล้า................แกร่งเกรียง

 

๑๒๑ ไม้ดอกเดียรดาษด้าว................แดนโดม

ชุมช่อชูช่อเคียง..............................ช่วยค้ำ

พเยียทิพย์ลิบลอยโพยม....................พยับย่าน สยามแฮ

ขาวกว่าขาวก้าวก้ำ............................กลบดิน

 

              เหตุการณ์วันจันทร์ที่ ๘ ตลาคม ๒๕๑๖

 

๑๒๒ วันจันทร์ผันผ่านเข้า.................ดับคืน

แปดตุลาคมถวิล..............................วุ่นว้า

ไม้ขาวแข่งบานขืน............................เขาโขด

ที่โน่นที่นี้หน้า...................................ขนัดเนือง

 

๑๒๖ รัฐย้ำกำหนดเน้น.......................แนวเดิม

ผู้ผิดยากผันโยน..............................ผิดย้าย

ผู้เรียกรัฐฯ ทำเหิม...........................เกินเหตุ

หลากหลักฐานล้วนร้าย.......................ล่มเมือง

 

๑๒๘ องค์การฯ ธรรมศาสตร์ทั้ง..........กลุ่มอิส- สระฮา

ประกาศกราดประโคม.........................ข่าวก้อง

เชิญนิสิตทุกทิศ.................................สมทบ

ปิดแผ่นป้ายร้ายร้อง..........................เรื่องราว

 

              เหตุการณ์วันอังคารที่ ๙ ตุลาคม ๒๕๑๖

 

๑๒๙ อังคารบรรจบเข้า......................วันคืน

เก้าตุลาคมยาว...................................ยืดเยื้อ

ข่าวทุกข่าวราวปืน...............................เปรี้ยงปวด

รัฐกับราษฎร์ร้าวเรื้อ............................แตกรอย

 

๑๓๐ ควันแค้นคว้างขมวดด้าว...............โดมดำ

นักศึกษาทับทยอย...............................ท่วมท้น

อาจารย์อธิการสัม-..............................ฤทธิ์สิทธิ์

เลื่อนสอบกว่าแผ้วพ้น..........................ผ่านภัย

 

๑๓๑ สารประสานมิตรให้......................รัฐบาล

ปล่อยกลุ่มเขาภายใน...........................สิบห้า

ธรรมนูญประสาทสาร..........................ในสิบ

ธันวมาสนี้ชี้ช้า....................................อย่าเฉย

 

๑๓๒ เวลามาริบไว้..............................ระหว่างวัน สอบเวย

เพื่อนจากจุฬาเผย..............................เพื่อนรู้

แถลงมติเอกฉันท์................................ชัดประกาศ

เราจักร่วมสู้สู้.....................................สุดใจ

 

 

              เหตุการณ์วันพุธที่ ๑๐ ตุลาคม ๒๕๑๖

 

๑๓๔ พุธสิบกำสรดถ้วน.......................ทุกสถา- บันแฮ

เกษตรจุฬาฯ ลามเพลิง........................พลุ่งแล้ว

ศูนย์กลางนักศึกษา..............................แห่งประเทศ

รวมนิสิตพร้อมแผ้ว.............................ผาดผัน

 

๑๓๕ นักเรียนนคเรศล้น.......................เร่งทวี

ป่าวประชาชนประชัน...........................ช่วยรู้

แน่นขนัด ณ ธรณี..............................เนืองผนึก

สนั่นแต่เสียงสู้สู้..................................สุดสรวง

 

              บทโคลงในช่วงนี้ ครูเนาว์ ได้นำประเพณีบุญออกพรรษามาสอดแทรกไว้หลายบท เป็นบทโคลงหวานที่ตัดกับเหตุการณ์ที่ร้อนระอุ แต่ครูเนาว์กลับผสมผสานเหตุการณ์สองเหตุการณ์ไว้ได้อย่างพอดี  ขอยกตัวอย่างโคลงหวานๆซักหน่อยแล้วกัน

 

๑๕๑ เก็บพิกุลใส่ผ้า.........................แพรสี

บ้างเก็บมะลิเรียง.............................ร่ำร้อย

หอมแม่เลิศมาลี................................ในโลก

ส่วนกุศลสร้างสร้อย..........................สอดสรวม

 

๑๕๖ กู่กลับกับเกศเกล้า....................เกลียวกลม

เขินโขดเขาเขตขึง...........................เขื่อนขั้น

เลยลับล่องลอยลม..........................ลาล่วง

เชยชื่นชมช้อยชั้น............................ชิดเชิญ

 

๑๕๗ ห่อนหาหวนห่วงให้....................หายโหย

นอนแนบนิ่งเนาเนิน...........................นี่นี้

ดูดาวดาษเดือนโดย...........................เดียวเด่น

จุ่มจอกจันทร์จิ้มจี้.............................จุดเจิม

 

๑๕๙ ซอด้วงล้วงรับร้อง....................โรยหวาน

เฉื่อยฉ่ำร่ำไรเรือง..............................เรื่อยร้อย

น้องเอยเพราะสำนาน..........................นะแน่ง น้อยนอ

สุดรักนักน้ำถ้อย................................สุดถนอม

 

๑๖๐ สุดสงวนควรแห่งห้อง.................หทัยเดียว

สุดสวาทพิศวาสออม..........................เอกไว้

สุดจากสุดใจเหลียว............................แลสุด สั่งรา

สุดหักสุดห้ามไห้.................................สุดเห็น

 

๑๖๖ เพลงลาพันลึกซึ้ง.......................สบสอง

ตาต่อตาตอบยล................................เยี่ยมรู้

ใสน้ำสระละออง.................................เย็นอาบ

กำซาบทราบสร้านชู้.............................ฉ่ำใจ

 

๑๙๖ ตะวันคล้อยลอยต่ำแล้ว.................ลาดวง

ทอประกายเรืองไร...............................ระลอกพริ้ม

กรวดประกวดผกายพวง......................เพชรเกล็ด

วงแห่งน้ำย้ำยิ้ม...................................ขยับขยาย

 

             วันพฤหัสบดีที่ ๑๑ ตุลาคม ๒๕๑๖

 

๑๙๗ พฤหัสฯ สิบเอ็ดเมื้อ...............มาแถลง

บุญออกพรรษาภาย........................พรุ่งแล้ว

สุขสงบสบสันต์เริง........................รมย์ร่ำ

ข่าวคลั่งข่าวแค้นแคล้ว.....................คลาดสาร

 

๑๙๘ วิทยุพุพร่ำเพ้อ......................พ่นเพลง

ลูกทุ่งลูกเถื่อนสนาน.......................สนุกเนื้อ

หนังสือสื่อพิมพ์ระเบง.....................ทุกฉบับ

กว่าสัปดาห์ล้าเรื้อ............................ไล่หลัง

 

             มาถึงโคลงตรงนี้ครูเนาว์ ได้ยกเหตุการณ์จากประวัติศาสตร์ไทย หลายเหตุการณ์ตั้งแต่ยุคสุโขทัย หรือการศึกกับพม่ายุคอยุธยา มาเปรียบเทียบกับเหตุการณ์ตรงนี้ อาทิ

 

๒๐๕ งามมิ่งเมืองละม่อมแม้น...........เมืองสรวง

ห้าวประวัติศาสตร์สอน.....................เศิกห้าว

ขุนรามพ่อคอนควง.........................คชส่าย

ขุนสอดผาดผ้ายน้าว.......................ผละหนี

 

๒๐๗ ศึกเตลงเต็มแหล่งล้วน............หลายคราว

ดินกระหายโหยกลืน.........................เลือดล้าง

เลือดไทยเลือดเทศพราว..................รินพล่าน

ผายแผ่นดินให้กว้าง........................กว่าเดิม

 

๒๑๐ งามเอยงามทัพพู้น..................พระศรี

ศรีสุริโยทัย....................................ประทับช้าง

ช้างทรงอ่าทรงลี-............................ลาศยาตร

ยาตรพระยศย้ำสร้าง........................ศักดิ์สยาม

 

๒๑๑ พระวายชีวาตม์คล้อย................คอคช

ขาดแล่งอุระตาม..............................ตลอดเบื้อง

ฝากพระชีพเชิดบท...........................ฉบับแบบ

ยงยุทธ์ยงเหย้าเยื้อง.........................อย่างหญิง

 

              วันนี้มีการรวมพลนิสิต นักศึกษาครั้งใหญ่อีกครั้งหนึ่งที่ธรรมศาสตร์

 

๒๒๕ นักเรียนหลายแห่งถ้วน.............ทุกสถา บันแฮ

ในนอกกรุงเกรียวกราว....................ข่าวก้อง

อาชีวะผละมา..................................ธรรมศาสตร์

ชาวเกษตรทั้งสิ้นพ้อง.......................ผละผัน

 

๒๒๙ ช่างกลคู่อริแค้น.....................คืนดี

ร่วมจับมือมาสมาน..........................สมัครถ้วน

ประกาศเกียรติอาชี-.........................วะเด็ก

ถึงจักรู้น้อยล้วน.............................ร่วมตาย

 

๒๓๒ สู้แบบนิสิตสร้าง.....................อหิงสา

ไป่เบียดไป่เบียนบง.........................บ่งรู้

ขันติอดทนพยา-..............................ยามข่ม

เอาสัตย์ซื่อเข้าสู้..............................สุดใจ

 

              การชุมนุมต่อต้านเผด็จการลุกลามไปทั่วประเทศ ทั่วทุกภาค

 

๒๕๐ สารคามลามป่าวร้อน.................เริงขวัญ

สำนึกผนึกรวมแรง...........................เรียกร้อง

ประกาศปราดประจัญ.......................ประจญร่วม

มุ่งสู่เมืองพร้อมพ้อง........................เพื่อนกรุง

 

๒๕๒ สองแควเคยเศิกเข้า.................เขตสมัย

เมืองพิสีโลกชอง.............................ช่ำชื้อ

พระนเรศวร์นิรัติศัย..........................ฤๅสงบ

เคืองพระบาทกริ้วรื้อ.........................ล่มเมือง

 

๒๕๘ สิงขรสิงห์ขบเขี้ยว....................สงขลา

สังข์สะอาดใยยอง.............................ป่าวย้ำ

เมืองพ่อพระบรมมหา-........................ชนกนาถ

เฉลิมพระนามก้าวก้ำ............................กู่ถึง

 

วันศุกร์ที่ ๑๒ ตุลาคม ๒๕๑๖

 

๒๖๒ คาบนั้นศุกร์สวัสดิ์เข้า..................สิบสอง

หนึ่งสัปดาห์เดียวดู.............................ด่วนพ้น

ร้อนข่าวเร่งแค้นครอง.........................คลุมครอบ

คำตอบคำโต้ด้น.................................ดับหวัง

 

๒๖๓ ให้รัฐเร่งตอบรู้..........................เร็วพลัน

จากเที่ยงถึงเที่ยงหลัง.........................พรุ่งนี้

ปลดปล่อยสิบสามผัน.........................ปลอดผิด

ผินิ่งเนิ่นช้าชี้.....................................จักเผชิญ

 

               แม้มีข่าวรัฐบาลจะให้ประกันตัวทั้งสิบสามผู้ต้องหา แต่ทั้งหมดก็ยังไม่พ้นข้อหา อีกฝ่ายรัฐบาลประกาศข่าวออกมาว่า

 

๒๖๖ ข่าวกลับประกาศแกล้ง.................เกลื่อนความ

ธรรมศาสตร์ซ่องสุมเสริม....................สิ่งร้าย

ขอชนอย่าเชื่อตาม..............................เข้าต่อ

อย่ายาตรอย่าเยื้องย้าย........................อยู่เลย

 

 

               ตรงนี้แหละครับที่ทำให้เกิดการชุมนุมครั้งยิ่งใหญ่เกิดขึ้น

 

๒๗๐ จุดหมายจุดมุ่งแคล้ว................คลาดคลาย

เคยล่วงเคยลับเลย..........................หลอกแล้ว

พลังนักศึกษาหมาย...........................เคยประมาท

ข้อต่อรองผ่องแผ้ว.........................ผิดประสงค์

 

๒๗๓ เผด็จการผันแผกอ้าง..............อธิปไตย

ตกทอดทายาทสรร...........................สืบสร้าง

ครอบครัวครอบครองไทย.................ทอดช่วง

เมียลูกหลานล้อมข้าง........................คลุกคลี

 

๒๗๔ หลายวันผันล่วงเข้า.................หลายคืน

ถั่งปะทุวาที.....................................ถกถ้อย

เปิดโปงเปิดปากยืน..........................หยัดเหยียด

ละเรื่องเล่าแล้วร้อย..........................เล่าเรียง

 

๒๗๕ แออัดยัดเยียดล้น....................ลามทาง

จากค่ำยันรุ่งเคียง............................ไหล่พร้อม

รายรอบขอบเขตขวาง......................แขวงขาด

รถติดตลอดย้อนอ้อม.......................อัดแอ

 

๒๗๖ พบที่ธรรมศาสตร์ถ้วน..............เที่ยงตรง

เสียงบอกเสียงเล่าแล.......................ปิดป้าย

พรุ่งนี้พรุ่งนี้คง...............................มีข่าว

จักอยู่จักรู้ร้าย.................................จักดี

 

  

 

 

 อ้างอิง

 

เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์. (๒๕๔๔). อาทิตย์ถึงจันทร์. กรุงเทพฯ : มูลนิธิ.

 

หมายเลขบันทึก: 335371เขียนเมื่อ 10 กุมภาพันธ์ 2010 19:54 น. ()แก้ไขเมื่อ 13 มิถุนายน 2012 18:26 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท