“เวทีตลาดนัดความรู้กรมอนามัย ปี 2553”
2-3 กุมภาพันธ์ 2553 ณ ศูนย์ประชุมนานาชาติ โรงแรมดิเอมเพลส จ.เชียงใหม่
“คุณหมอค่ะ พี่อ้อยโทรจากศูนย์อนามัยที่ 10 นะคะ พอดีทางศูนย์ฯ จะเป็นเจ้าภาพจัดเวทีตลาดนัดความรู้กรมอนามัยที่เชียงใหม่ มีการแบ่งกลุ่มแลกเปลี่ยนเรียนรู้ 4 ห้องย่อย พี่อ้อยรับผิดชอบห้องคนไทยไร้พุง จึงอยากเชิญคุณหมอมาเล่าประสบการณ์การทำงานโครงการภาคีร่วมใจคนไทยไร้พุงค่ะ” นี่คือปฐมบทที่ทำให้ฉันได้มีโอกาสเข้าร่วมเวทีตลาดนัดความรู้กรมอนามัยในครั้งนี้ กรมอนามัยร่วมกับสำนักงานสนับสนุนการจัดการความรู้ สำนักที่ปรึกษา กรมอนามัย จัดกิจกรรมนี้ขึ้นเพื่อให้ ภาคีเครือข่ายและหน่วยงานในสังกัดได้เผยแพร่แลกเปลี่ยนเรียนรู้ประสบการณ์ความสำเร็จที่ทำให้เกิดนวตกรรมส่งเสริมสุขภาพและพัฒนานามัยสิ่งแวดล้อม ทั้งนี้เพื่อให้เกิดการเรียนรู้จาก good practice สร้างบรรยากาศการเทียบเคียงอย่างสร้างสรรค์และต่อยอดการเรียนรู้ จนเกิดการพัฒนาอย่างก้าวกระโดด และเกิดวัฒนธรรมการเรียนรู้ทั่วทั้งกรมอนามัย ส่งผลต่อการสร้างสรรค์นวัตกรรมในอนาคตอย่างต่อเนื่อง และยังเป็นการยกย่องประกาศเกียรติคุณแก่ผลงานดีเด่นประจำปี ตลอดจนเป็นการสร้างแรงจูงใจให้นำความรู้ที่ได้รับไปพัฒนาและประยุกต์ใช้ในการทำงานส่งผลต่อการพัฒนาพฤติกรรมสุขภาพของประชาชนกลุ่มเป้าหมายในพื้นที่รับผิดชอบต่อไป ต้องขอบคุณพี่อ้อยหทัยรัตน์ ศูนย์อนามัยที่ 10 ที่ให้โอกาสได้มาเปิด โลกทัศน์แห่งการเรียนรู้ที่กรมอนามัยให้ความสำคัญและพยายามผลักดันให้หน่วยงานสังกัดได้นำเรื่องการจัดความรู้มาใช้เป็นเครื่องมือในการพัฒนางาน คนที่เข้าร่วมงานไม่น้อยน่าจะเกิดแรงบันดาลใจที่จะทำอะไรหลายๆอย่าง ซึ่งฉันก็เป็นคนหนึ่งที่ได้แรงบันดาลใจดี ๆ อยากเล่าสิ่งที่ได้เห็นได้รู้ให้คนอื่นได้ทราบบ้าง ลองอ่านดูนะคะ
Green and clean |
โดยท่านอธิบดีกรมอนามัย ดร.นายแพทย์สมยศ ดีรัศมี ให้เกียรติบรรยายพิเศษในภารกิจใหม่ที่กรมอนามัยจะทำในการดำเนินงานรองรับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ซึ่งเป็นที่สนใจและชื่นชมของนักข่าวและประเทศต่าง ๆ ทั่วโลกว่า ประเทศไทยกำลังก้าวหน้าเป็นผู้นำของเอเชียด้านนี้ ซึ่งมีที่มาที่ไปคือ การประชุมส้วมโลกที่กรุงมนิลา ได้มีการพูดถึงเรื่อง sanitation ว่าขณะนี้มีประเทศที่ไม่มีการพัฒนามาก เช่น เขมร มี house hold toilet 24 % แต่ประเทศไทยเรามีส้วม 100% มาตั้งนานแล้ว และกำลังอยู่ในช่วงพัฒนาขยายไปยังส้วมสาธารณะ แต่ประเทศไทยได้เสนออีกอย่างคือ จะพัฒนาส้วมและ hygiene ให้ link กับ climate change ซึ่งก็คือ Green and Clean โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเนื่องในวโรกาสมีพระชนมายุครบ 84 พรรษา 2) ให้สถานบริการสาธารณสุข เป็นแบบอย่างการดำเนินการลดโลกร้อน 3) เพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจให้กับบุคลากรในเรื่องโลกร้อนที่มีผลต่อสุขภาพ 4) เพื่อสร้างความตระหนักให้กับประชาชนในการร่วมรณรงค์ลดโลกร้อน โดยมี Green เป็นกิจกรรม
G - Garbage การจัดการมูลฝอยและการใช้ประโยชน์จากสิ่งปฏิกูล
R - Rest room การจัดการส้วมให้ได้มาตรฐาน HASS
E - Energy ประหยัดพลังงานและการใช้พลังงานทดแทนจากชีวภาพ
N - Nutrition การรณรงค์อาหารปลอดพิษ รณรงค์ผักพื้นบ้านอาหาร
พื้นเมือง การใช้อุจาระปัสสาวะและสารอินทรีย์อื่น ๆ เป็น
ปุ๋ย (Nutrient Cycle)
และ Clean เป็นกลยุทธ์
C - Communication
L - Leadership
E - Effectiveness
A - Activity
N - Networking
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
เรียนรู้อย่างมีพลังผ่าน weblog |
โดยบุคคลที่โลดแล่นอยู่ใน Web go to know เช่น รศ.นพ.จิตเจริญ ไชยาคำ ผู้ชวนคุยและผู้ร่วมก๊วนคุย, คุณหมอนนทลี จากกองทันตสาธารณสุข, ดร.ขจิต จาก ม.เกษตร, มล.มัตติกา จาก ม.เชียงใหม่, ดร.สุดารัตน์ จาก ศูนย์อนามัยที่ 12 ยะลา และ คุณศศิชล จากศูนย์อนามัย ที่ 8 นครสวรรค์ ในช่วงนี้เป็นการประชาสัมพันธ์ go to know ซึ่งเป็นพื้นที่แห่งการเรียนรู้ที่หลากหลายทั้งเนื้อหาสาระและวิชาชีพ ทุกคนที่มาเล่าล้วนแต่หลงเสน่ห์ go to know อย่างถอนตัวไม่ขึ้น ได้ทั้งความรู้ เพื่อน ได้คู่แม่ลูก (คุณหมอนนทลี และ ดร.ขจิต) ได้ชักชวนให้ผู้เข้าร่วมประชุมลองสัมผัส ซึ่งได้ผลมากเลย มีทั้ง notebook เสื้อ หมวก มาแจกเพียบ แต่ว่าไม่พอค่ะเพราะพลังความอยากรู้ อยากได้ มีมากเกินของแจก
ห้องแลกเปลี่ยนเรียนรู้ |
ช่วงบ่ายของวันแรกจะมีการแบ่งห้องย่อย 4 ห้อง ห้องที่ 1 อสม. กับงานฝากครรภ์ ในโครงการสายใยรักแห่งครอบครัว ห้องที่ 2 ลดปัจจัยเสี่ยงในเด็กวัยรุ่น ห้องที่ 3 คนไทยไร้พุง ห้องที่ 4 Green and Clean หลาย ๆคนพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าอยากเข้าทุกห้องเลย แต่ก็เป็นไปไม่ได้จึงต้องเลือกห้องใดห้องหนึ่ง ส่วนตัวฉันเองเลือกไม่ได้เพราะต้องเป็นผู้เล่าในห้องคนไทยไร้พุง ที่มีอาจารย์จรัล สามิบัติ เป็นผู้ชวนคุย และสมาชิกที่ร่วมเล่าจากหลาย ๆ หน่วยงานถึง 12 คน และมีพระภิกษุสามเณรอีก 2 รูป บรรยากาศในห้องมีความเป็นกันเอง ผ่อนคลาย ทุกคนเล่าถึงที่ไปที่มาด้วยความภาคภูมิใจ สีหน้ายิ้มแย้มแววตาเป็นประกาย เวลาช่างผ่านไปอย่างรวดเร็ว ที่กะกันว่าจะให้เล่าคนละ 2 รอบ กลับกลายเป็นว่าเล่าคนละรอบเวลาก็ไม่พอแล้ว เรื่องราวของแต่ละคนที่เล่าสะท้อนถึงวิธีการทำงานให้สำเร็จ โดยที่ไม่สามารถอ่านได้จากตำราแห่งใดในโลก คนฟังก็สนุกไปกับเรื่องราวต่าง ๆ เหมือนนั่งฟังนิทาน/นิยาย ประมาณนั้นเลย ฉันว่านี่แหละคือการเรียนรู้ที่มีชีวิตชีวา ก่อให้เกิดพลัง Action – Reaction จากผู้เล่าและผู้ฟัง เรื่องราวรายละเอียดของผู้เล่าแต่ละท่านขอไม่กล่าวไว้ ณ ที่นี้ เพราะคิดว่าทางศูนย์อนามัยที่ 10 น่าจะรวบรวมเผยแพร่ต่อไป
ห้องแลกเปลี่ยนเรียนรู้ |
โดย พระมหาไพศาล ฐานวุฑโฒ
เช้าวันที่ 2 เป็นการบรรยายธรรมะกับการจัดการความรู้ ซึ่งยิ่งทำให้เราเห็นว่าการจัดการความรู้เป็นเครื่องมือที่สามารถนำไปใช้เพื่อการพัฒนางานได้กว้างขวางหลากหลายจริง ๆ แม้กระทั่งเรื่องราวของศาสนา หลวงพ่ออยู่ที่วัดใหม่ท่าอิฐ ซึ่งเป็นวัดที่น่าท่องเที่ยว สวยงาม และสะอาด อยู่ ต.ป่าแดด อ.เมือง จ.เชียงใหม่ สร้างมาประมาณ 500 ปี เป็นวัดที่ทรุดโทรมเกือบจะเป็นวัดร้าง ต่อมาได้รับการพัฒนาและได้พระมหาไพศาล ฐานวุฑโฒ มาเป็นเจ้าอาวาส หลวงพ่อจบการศึกษาระดับปริญญาโท จากมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ก่อนบวชเคยเป็นอาจารย์สอนใน มจร. พอบวชแล้วมารับตำแหน่งเจ้าอาวาส ก็ตั้งเป็นปณิธานว่าจะเป็นผู้นำที่ดี เสียสละ ทำงานด้วยใจ คนเราเกิดเป็นมนุษย์ต้องทำความดีสร้างสรรค์สังคม ถ้ามีโอกาสทำความดีให้รีบทำอย่ารอช้า คนเราจะทำดีหรือไม่ดีอยู่ที่เรากำกับตัวเอง ไม่เหมือนการถ่ายละครถ้าจะถ่ายทำให้ดีสามารถทำหลายเทคหลายฉาก แต่ในชีวิตจริงไม่มีหลายเทค เพราะฉะนั้นต้องตั้งใจทำให้ดี หลวงพ่อยังให้แนวคิดเรื่องการให้ความรู้ว่าจะต้องดูกลุ่มเป้าหมายว่าเป็นใคร วิธีการก็ต้องปรับให้เหมาะกับกลุ่มนั้น ๆ ต้องทำให้สบายใจ ทำด้วยใจ จะทำให้ผู้เรียนติดใจอยากฟังอีก นอกจากนี้แล้วยังฝากข้อคิดเรื่องการเกิดเป็นมนุษย์ เราควรเติมอะไรให้ชีวิตที่น่าสนใจมาก ๆ 3 ข้อ คือ
สรุปแลกเปลี่ยนเรียนรู้ห้องย่อยห้องย่อย |
โดย นพ.สมศักดิ์ ชุนหะรัศมิ์
อาจารย์ นพ.สมศักดิ์ ได้สรุปการเรียนรู้ห้องย่อย 4 ห้อง ที่อาจารย์อ่านจากสรุปที่ note taker บันทึกไว้ แล้วต่อยอดการเรียนรู้เป็น 4 ประเด็น
1. การจดบันทึกความรู้ ดูจากบันทึกความรู้ที่เขียนเห็นแต่ปัจจัยแห่งความสำเร็จ ซึ่งเป็นการสรุปอีกที ทำให้ไม่เห็นว่าทำอย่างไรเวลาเข้ากลุ่มทำ COP ต้องเตือนตัวเองว่าเราตั้งใจจะทำอะไร ซึ่งที่พวกเราเน้นมานานคืออยากได้ Tacit Knowledge ซึ่งเป็นความรู้จากการปฏิบัติ เพราะฉะนั้นเวลาฟังอย่าสรุปมากกเกิน ให้พยายามฟัง how to
2. เวลาที่บอกถึงปัจจัยแห่งความสำเร็จ จะไม่เห็นความรู้ ส่วนใหญ่จะออกมาเป็นผู้บริหารให้ความสำคัญ ชุมชนมีส่วนร่วมแต่ไม่รู้ว่าทำอย่างไร ซึ่งหลายปีที่ผ่านมามีคนถามมากว่า การแลกเปลี่ยนเรียนรู้ได้ความรู้แค่นั้นใช่หรือไม่ คงต้องบอกว่าไม่ใช่ เราทำการจัดความรู้เพื่อให้การทำงานได้ดีขึ้น ไม่ใช่จัดการความรู้เพื่อให้ได้ความรู้เท่านั้น เมื่อพูดถึงความรู้ให้นึกถึงความรู้ 3 แบบ คือ
- Tacit Knowledge ความรู้แฝงที่ได้จากการทำงาน ไม่มีเขียนในตำรา สกัดจากประสบการณ์การทำงาน ความรู้แฝงที่ลองทำแล้วดีแล้วเอามาลองทำดู
- Explicit Knowledge คือ ความรู้จากตำรา
- R2R งานประจำสู่งานวิจัย เป็นการสร้างความรู้อย่างเป็นระบบจากการทำงาน โดยวางแผนเก็บข้อมูลอย่างเป็นระบบ เพื่อนำไปใช้ประโยชน์ต่อไป จะก่อให้เกิดการพัฒนา
เราใช้ความรู้ทั้ง 3 แบบ ในการทำงานตลอดเวลา เวลาจัดการความรู้ในองค์กรเห็นประเด็นเหล่านี้มั๊ย
3. ชวนทุกหน่วยงานทำการจัดการความรู้ครบวงจร นั่นคือ การสร้างความรู้ การจัดการความรู้ และเอาความรู้มาใช้ ซึ่งจะทำให้เห็นคุณค่าของความรู้ พวกเราทำงานด้วยใจอยากทำงานให้ดีกันอยู่แล้ว แต่อยากเพิ่มให้ใจรักความรู้ ใจเชื่อมั่นว่าความรู้เป็นเรื่องสำคัญ
4. จัดการความรู้แปลว่าอะไร เราพูดกันมานานแล้วว่าให้แต่ละคนทำการจัดการความรู้และนำความรู้มาใช้ในการทำงาน แต่สิ่งหนึ่งที่ CKO มีบทบาทสำคัญคือ การสร้างสิ่งแวดล้อมและกลไกสนับสนุนให้เอื้อต่อคนในการจัดความรู้ ภาพฝันของกรมคือ อยากเห็นทุกหน่วยงานมีสิ่งแวดล้อม (IT) ช่วยให้พวกเราเรียนรู้อย่างต่อเนื่องครบวงจร ทันต้องการ เรียนรู้จากตำรา/งานวิจัยที่คนอื่นทำ การตั้งวงคุยกันบน web หวังว่าระบบนี้จะเชื่อมต่อทั้งกรมอนามัยและหน่วยงานในสังกัด Google health Thailand คือเป้าหมายที่ตั้งไว้
สรุป อยากให้เกิด Knowledge Worker มีความรู้ เรียนรู้เป็น มีเครื่องมือสนับสนุนให้เรียนรู้ตลอดเวลาเอาความรู้ไปใช้ในการทำงานได้ และเอาความรู้ที่ไปใช้มาสร้างความรู้ใหม่ ทำให้เกิดการหมุนเกลียวความรู้ต่อเนื่องตลอดไป
พิธีมอบเกียรติบัตร |
ท่านอธิบดีกรมอนามัย ได้ให้ความสำคัญกับการจัดงานครั้งนี้มาก โดยอยู่มอบรางวัลหน่วยงานที่ชนะประกวดนิทรรศการ และเกียรติบัตรแก่หน่วยงานที่เข้าร่วมจัดนิทรรศการถึง 33 หน่วยงาน และยังมอบเกียรติบัตรแก่เครือข่ายที่มาเข้าร่วมวงแลกเปลี่ยนเรียนรู้ในห้องย่อยถึง 47 คน อาจเป็นเรื่องเล็กๆน้อยๆ ในสายตาใครแต่เป็นเรื่องที่ยิ่งใหญ่สร้างขวัญกำลังใจให้กับคนทำงานเป็นอย่างมาก ในการที่จะพัฒนาตนเป็น Knowledge worker ต่อไป
ขอภัยที่มาเยี่ยมคุรหมอช้า
เพราะมัวแต่ยุ่งๆ
แต่ดีใจมากๆที่ได้บล็อกเกอร์เพิ่มค่ะ
แล้วจะรออ่าน เรื่องใหม่อีกนะคะ