เราพูดกันชัดเจนว่าการปฏิรูปการเรียนรู้คือหัวใจของการปฏิรูปการศึกษา
ซึ่งเขียนไว้ในในหมวด 4
(แนวการจัดการศึกษา) ของ พรบ.การศึกษาแห่งชาติ
พ.ศ.2542 ซึ่งมีรายละเอียดทั้งในเชิงทฤษฎีและแนวปฏิบัติที่ชัดเจน
ครอบคลุม เป็นลำดับขั้นตอน ถ้าผู้บริหาร ครู
และบุคลากรทางการศึกษาให้ความสำคัญอย่างแท้จริง
การปฏิรูปการศึกษาก็จะไปได้ไกลกว่านี้
แต่เรากลับไปให้ความสำคัญเรื่องโครงสร้างการบริหาร
และการบริหารงานบุคคลกัน 10
ปีที่ผ่านมาผลก็จึงเป็นดังที่เห็นกัน
หมวดนี้มี 9 มาตรา ตั้งแต่มาตราที่ 22 – มาตรา 30 คือ
การจัดการศึกษาต้องยึดหลักว่าผู้เรียนมีความสำคัญที่สุด ผู้เรียนทุกคน
สามารถเรียนรู้และพัฒนาตนเองได้
กระบวนการจัดการศึกษาต้องส่งเสริมให้ผู้เรียน
ได้พัฒนาตามธรรมชาติและเต็มตามศักยภาพ(มาตรา 22)
การจัดการศึกษาทั้งสามรูปแบบในหมวด 3
ต้องเน้นทั้งความรู้ คุณธรรม และ กระบวนการเรียนรู้
ในเรื่องสาระความรู้ ให้บูรณาการความรู้และทักษะด้านต่าง ๆ
ให้เหมาะสมกับแต่ ละระดับการศึกษา ได้แก่
ความรู้เกี่ยวกับตนเองและความสัมพันธ์ของตนเองกับสังคม
ด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ด้านศาสนา ศิลป วัฒนธรรม การกีฬา
ภูมิปัญญาไทย และการประยุกต์ใช้ภูมิปัญญา ด้านภาษา
โดยเฉพาะการใช้ภาษาไทย ด้านคณิตศาสตร์ ด้านการประกอบอาชีพ
และการดำรงชีวิตอย่างมีความสุข (มาตรา 23)
ในเรื่องการจัดกระบวนการเรียนรู้ให้จัดเนื้อหาสาระและกิจกรรมที่สอดคล้องกับ
ความสนใจ ความถนัดของผู้เรียน และความแตกต่างระหว่างบุคคล
รวมทั้งให้ฝึกทักษะ กระบวนการคิด
การจัดการการเผชิญสถานการณ์และการประยุกต์ความรู้มาใช้ป้องกันและแก้ปัญหา
จัดกิจกรรมให้ผู้เรียนฝึกปฏิบัติจริง ผสมผสานสาระความรู้ด้านต่าง ๆ
อย่างสมดุล และปลูกฝังคุณธรรม ค่านิยมที่ดี
คุณลักษณะอันพึงประสงค์ในทุกวิชา นอกจากนั้น
ในการจัดกระบวนการเรียนรู้ยังต้องส่งเสริมให้ผู้สอน จัดบรรยากาศ
และสิ่งแวดล้อมที่เอื้อต่อการเรียนรู้
ใช้การวิจัยเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการเรียนรู้
ผู้สอนและผู้เรียนอาจเรียนรู้ไปพร้อมกันจากสื่อและแหล่งวิทยาการประเภทต่าง
ๆ จัดการเรียนรู้ให้เกิดขึ้นได้ทุกเวลา ทุกสถานที่
มีการประสานความร่วมมือกับผู้ปกครองและชุมชน(มาตรา 24)
รวมทั้งส่งเสริมการดำเนินงาน
และการจัดตั้งแหล่งการเรียนรู้ตลอดชีวิตทุกรูปแบบ(มาตรา 25)
การประเมินผลผู้เรียน ให้สถานศึกษาพิจารณาจากพัฒนาการของผู้เรียน ความ
ประพฤติ การสังเกตพฤติกรรมการเรียน การร่วมกิจกรรม และการทดสอบ
ส่วนการจัดสรรโอกาสการเข้าศึกษาต่อ
ให้ใช้วิธีการที่หลากหลายและนำผลการประเมินผู้เรียนมาใช้ประกอบด้วย(มาตรา
26)
หลักสูตรการศึกษาทุกระดับและทุกประเภท ต้องมีความหลากหลาย โดยส่วน
กลางจัดทำหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน
เน้นความเป็นไทยและความเป็นพลเมืองดี
การดำรงชีวิตและการประกอบอาชีพตลอดจนเพื่อการศึกษาต่อและให้สถานศึกษาขั้นพื้นฐานจัดทำหลักสูตรในส่วนที่เกี่ยวกับสภาพปัญหาในชุมชนและสังคม
ภูมิปัญญาท้องถิ่น และคุณลักษณะของสมาชิกที่ดีของครอบครัว
ชุมชนสังคมและประเทศชาติ(มาตรา 27)
สำหรับหลักสูตรการศึกษาระดับอุดมศึกษาเพิ่มเรื่องการพัฒนาวิชาการ
วิชาชีพชั้นสูงและการค้นคว้าวิจัย เพื่อพัฒนา
องค์ความรู้และและพัฒนาสังคม(มาตรา 28)
ให้สถานศึกษาร่วมกับบุคคล ครอบครัว ชุมชน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
ฯลฯ เพื่อส่งเสริมความเข้มแข็งของชุมชน
โดยจัดกระบวนการเรียนรู้ในชุมชน ด้วยกิจกรรมต่างๆ(มาตรา 29)
ให้สถานศึกษาพัฒนากระบวนการเรียนการสอนที่มีประสิทธิภาพ
รวมทั้งการส่งเสริมให้ผู้สอนสามารถวิจัยพัฒนาการเรียนรู้ที่เหมาะสมกับผู้เรียนในแต่ละระดับการศึกษา(มาตรา
30)
ไม่มีความเห็น