เราออกเดินทางตอน 03.30 ซึ่งจริงแล้วเจี๊ยบนัดไว้ตอน 03.00 แต่จริง ๆ ของ จริง ๆ คือการนัดเผื่อ ซึ่งหลังจากล้อหมุน จนสิ้นสุดวันที่ 26 มกราคม 2553 นั้น คณะดูงานบอกว่าโหดสุด ๆ เดินทางถึงอำเภอชัยบาดาล ทราบต่อมาจากการนำเสนอของคุณชัยพร ว่าเดิมเรียกว่าอำเภอ ชายบ่าด้าน เราแวะทานอาหารเช้าที่ร้านอาหารที่ตอนแรกไม่แน่ใจว่าสะอาดหรือไม่ แต่ขอบอกว่าทั้งสะอาดและรสชาติใช้ได้ เดินทางถึง สอ.ซับตะเคียน เวลา 09.00 น. คุณชัยพร หรือต่อไปนี้จะเรียกว่าอาจารย์หยอยหรือพี่หยอย เพราะเป็นวิทยากรเดินสายสอนเวชกรรมแผนไทย รวมทั้งที่ขอนแก่นด้วย พี่หยอยพูดถึงแนวคิดการใช้ก๊อสขี้ผึ้งขมิ้นชันในสถานบริการ ซึ่งหน่วยบริการสามารถเริ่มต้นได้ตั้งแต่การทำครีมขมิ้นชันเตรียมไว้สำหรับชุบก๊อส โดยผสมพิมเสนซึ่งมีคุณสมบัติในการกัดฝ้าหนอง ตรงนี้แหละที่เป็นจุดเด่นของการประยุกต์ใช้ และการสร้างความพึงพอใจ ซึ่งทำให้ผมได้ขบคิดต่อไปว่าเราจะต่อยอดจากการมีและใช้นวตกรรมดังกล่าวได้อย่างไร เช่นระยะเวลาลดลงหรือไม่ คุณภาพชีวิตความพึงพอใจของผู้ใช้เป็นอย่างไร ที่ สอ.ซับตะเคียนนั้นนอกจากเรื่องนี้แล้ว เรายังได้ทราบแนวคิดการทำงานในชมชนของพี่หยอยด้วย ในเรื่องของการเพิ่มมูลค่าดินสอพองโดยนำภูมิปัญญาท้องถิ่นมาปรับ ซึ่งดินสอพองสูตรที่ สอ.ซับตะเคียน ดำเนินการอยู่นั้นไม่เหมือนดินสอพองที่อื่น ๆ มีการผสมสมุนไพรในท้องถิ่น เช่น นางพญาหน้าขาว และอื่น ๆ ด้วย มีการทำสบู่กลีเซอรินผสมสมุนไพรในท้องถิ่น ทั้งนี้ทั้งนั้นเป็นการเริ่มต้นงานร่วมกันจาก สอ.ลงสู่ชุมชนและชุมชนก็พูดคุยกับ สอ. แลกเปลี่ยนจุดอ่อน จุดแข็งกันและกัน เราดูสาธิตการทำครีมขมิ้นชันแล้วทานอาหารเที่ยง จากนั้นพี่หยอยพาไปที่ ซับจำปา พาไปดูสวนป่าจำปีป่า เป็นศูนย์ศึกษาและอนุรักษ์พันธุ์ไม้โดยเฉพาะจำปีป่า ก็ได้รับกลับมาปลูกที่บ้านคนละต้น
จากนั้นเราออกเดินทางไปที่ คลินิกหมอสมาร์ท ซึ่งเป็นนายแพทย์แผนปัจจุบัน และมีความสนใจในการแพทย์แผนไทย ซึ่งหลังจากที่ได้เรียนรู้เกี่ยวกับการแพทย์แผนไทยจาก อาจารย์ประสาท และพี่หยอยแล้ว คุณหมอได้ปรับปรุงคลินิกและมีการผลิตผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพและความงาม จุดที่น่าสนใจในเรื่องของผลิตภัณฑ์คือฉลากและตัวยา ประเด็นที่น่าสนใจคือแนวคิดการพัฒนางานของหมอ และรู้สึกได้ถึงไมตรีจิต ความสุขที่เผื่อแผ่ออกมาจากตัวหมอ
ที่โรงพยาบาลลำสนธิ เราไปดูที่อาคารแพทย์แผนไทย เป็นอาคารทรงไทยตั้งอยู่ด้านหลังโรงพยาบาล มีพี่พยาบาลเป็นหัวหน้างาน และอาจารย์นกแลเป็นผู้จัดการ ซึ่งอาคารและการจัดการที่เห็นนั้นได้รับการสนับสนุนจากผู้อำนวยการโรงพยาบาล อาจารย์นกแลเล่าให้ฟังว่าใช้วัสดุเดิมพวกไม้จากบ้านพัก มีค่าใช้จ่ายรวมแล้ว 200,000 แต่จริงๆ ราคาประเมินประมาณ 2 ล้านกว่า ถ้าไม่ใช้วัสดุเหลือใช้ นอกจากนี้อาจารย์นกแลเองยังมีแนวคิดทำบ่อบำบัดอัมพฤกษ์ อัมพาต ด้านหน้าอาคารเรือนไทยนั้นด้วย ประเด็นที่ได้จากที่นี้คือแนวคิดการทำงานที่มุ่งไปที่ผู้รับบริการ ประชาชน โดยใช้ทรัพยากรที่มีอยู่ ไม่ว่าจะเป็นบุคลากร , วัสดุเหลือใช้ ผมยังได้เห็นอุปกรณ์การผลิตที่อาจารย์นกแลขอมาจากหลาย ๆ แหล่งเพื่อพัฒนาการผลิตต่อไป
สรุปในวันแรกเราไปดูงานที่ สอ.ซับตะเคียน , คลินิกหมอสมาร์ท และ รพ.ลำสนธิ ตั้งแต่ 09.00 – 17.00 น. ไม่แน่ใจว่าจะโหดสุด ๆ จริงหรือไม่
แต่อีกวันหนึ่งเราออกเดินทางจากเขาค้อทะเลหมอกหลังจากดื่มด่ำกับความสุขที่สัมผัสได้ เหมือนคำขวัญที่ว่า นอนเขาค้อ 1 คืน อายุยืน 1 ปี และก็ได้พูดคุย แนวทางการสรุปงานโดยใช้ OutComeMapping แผนที่ผลลัพธ์ ในประเด็นการนำแนวคิดการใช้ก๊อสขี้ผึ้งขมิ้นชันไปใช้ในสถานบริการ ซึ่งคณะดูงานจะแบ่งเป็น 2 กลุ่ม คือ กลุ่มแพทย์แผนไทยจากโรงพยาบาลอื่น ๆ , และหัวหน้าสถานีอนามัยที่ไปด้วย ก็ได้มีแผนงานคร่าว ๆ เอาไว้แล้ว ซึ่งจะได้ติดตามต่อไปในการประชุมกลุ่มแพทย์แผนไทย จากนั้นก็เดินทางกลับแบบสบาย ๆ ไม่ต้องเร่งรีบรวมทั้งพูดคุยหารือกันไปในรถในประเด็นการพัฒนางานด้านต่าง ๆ แวะนมัสการพระบรมธาตุเจดีย์ที่อำเภอเขาค้อ กลับถึงที่ตั้งเวลา 16.00 น.
ไม่มีความเห็น