เสียงสะท้อนจาก "ดินแดนซาเลา" ดีใจจัง
คุณวิภู...
ผมอ่าน "ดินแดนซาเลา" จบ...โดยใช้เวลาไม่นานเลย
อาจเป็นเพราะขนาดของหนังสือที่ไม่ยาวนัก
ภาษาที่ลื่นไหล
และที่สำคัญเนื้อหาที่ชวนติดตาม
อ่านตั้งแต่ต้นจนจบ...ผมยังหาที่ติไม่เจอ
(ก็มีแค่พิมพ์ผิดนิดหน่อย ไม่นับเป็นข้อบกพร่องกับเนื้องาน)
อ่านแล้วทำให้รู้สึกเหมือนตัวเองย้อนกลับไปเป็นเด็ก
ที่กำลังอ่านหนังสือที่แสนสนุก อบอุ่น อยู่ในห้องสมุดโรงเรียน
งานของคุณนับเป็นวรรณกรรมเยาวชนชั้นดีเลยทีเดียว
อ่านแล้ว สามารถนำไปอวดได้ ชนิดไม่อายใคร
เป็นงานที่ในทุกห้องสมุดโรงเรียนมัธยมควรจะมี
เนื้อหาที่บอกถึงความสัมพันธ์ระหว่างคนต่อคนอย่างงดงาม
น้ำใจที่แสนอบอุ่น จิตใจที่อ่อนโยน กล้าหาญ
ความเมตตาต่อผู้คนและสัตว์โลกอย่างเสมอกัน
ความแบ่งปัน เอื้อเฟื้อ ที่ควรปลูกฝังไว้ในจิตใจเยาวชน
มันเป็นงานชั้นดีที่ผมเสียดาย ถ้าหากหลายคนไม่ได้อ่านมัน
ผมไปถามหาหนังสือเล่มนี้ที่ซีเอ็ดเมื่อวาน (8 ธ.ค.)
ปรากฏว่ากว่าจะหาได้ก็ต้องใช้คนในร้านสามสี่คนช่วยกันหา
ไม่ใช่ว่าหนังสือขายดีจนหมด
แต่หนังสือถูกเสียบสันไว้ในชั้น ในหลืบที่หายากมาก
ทั้งที่มันเพิ่งเข้ามาในร้านวันที่ 3 ธ.ค.
เห็นแล้วหดหู่ใจจริง ๆ
ในร้านซีเอ็ดด้านของนิยาย วรรณกรรม
จะมีแต่เรื่องรัก ๆ ปกการ์ตูนหวานแหววเต็มไปหมด
ผมไม่ค่อยได้อ่านงานพวกนั้นหรอก เลยไม่รู้ว่ามันดีหรือไม่ดี
แต่รู้สึกว่ามันมีมากเกินไป
จนเบียดงานชั้นดี เล่มเล็ก ๆ ที่ปกไม่หวานแหววไปอยู่ในหลืบ...
ทั้งที่มันเพิ่งเข้าร้านแค่ 5 วัน
เสียดายครับ...
พออ่านงานของคุณแล้วยิ่งรู้สึกเสียดายมาก ๆ
เพราะงานของคุณชิ้นนี้
สามารถทำให้ผมนึกถึงวันเวลาเก่า ๆ ที่มีความสุข
ตอนอ่านหนังสือดี ๆ ในห้องสมุดได้
ชลนิล
ดินแดนซาเลา
ในหน้า ข้อมูลทางบรรณานุกรม
ระบุไว้ชัดเจนว่า เป็น ‘หนังสือสำหรับเยาวชน’
หนังสือดี ไม่จำเป็นต้องมีรางวัลมาการันตี
หนังสือดี ย่อมเปล่งประกายด้วยคุณค่าในตัวเอง
ไม่ว่าจะมองในแง่มุมไหน
หนังสือที่ผลิตออกมาแล้ว
ย่อมอยู่ยั้งบนโลกนี้ตราบกาลกระดาษจะเปื่อยยุ่ยไป
ดินแดนซาเลา เล่มนี้
พกเอาความงามในเนื้อหามาเต็มทุกช่วงห่างตัวอักษร
และแสนเหมาะเจาะที่จะบ่มเพาะให้เกิดแง่งามในใจผู้อ่านได้
โดยเฉพาะ เด็กและเยาวชน
อยากให้ หนังสือนี้ เข้าไปอยู่ใน หมวดหนังสืออ่านนอกเวลา
สำหรับนักเรียนชั้น ม.ต้น
เพราะช่วยส่งเสริมจินตนาการได้ดี
หากแต่ถ้าปรับเข้ามาใช้เป็นหนังสืออ่านนอกเวลา
สำหรับนักเรียนชั้น ม.ปลาย
เด็กนักเรียนจะได้รับมากกว่าความบันเทิง ที่ได้จากความสนุกของเรื่อง
สิ่งที่ได้มากกว่า คือ การวิเคราะห์ทางด้านภาษา
เพราะผู้เขียน ออกจะคุ้นชินกับภาษาท้องถิ่น
ดังนั้น คำหลายคำในหนังสือเล่มนี้
จะปรากฎในภาษาพูดของชาวภาคใต้ ณ ด้ามขวานทองนี่เอง
ก็เดาเอาว่า หากคณะกรรมการในงานประกวดหนังสือรางวัลต่างๆ
จะเห็นว่า การเลือกใช้คำภาษาท้องถิ่น เป็นข้อด้อย
หรือคณะกรรมการจะมองเห็นว่ามีความพร่องทางวรรณศิลป์ หรืออะไรก็ตามแต่
แต่หนังสือเล่มนี้ ดินแดนซาเลา
ก็ได้รับรางวัลเป็นหยดน้ำตา
จากความซาบซึ้ง ความตื่นเต้น ความตื้นตันใจ
และนานาความรู้สึกพรั่งพรู ขณะที่อ่านไล่ไปทีละบรรทัด
ที่สำคัญ ความจริงใจในการสื่อสารของผู้เขียน ผ่านตัวละครนั้น
มีเสน่ห์ที่สุด
คนเราคงไม่ต้องการอะไรมากไปกว่า มิตรภาพของเพื่อนมนุษย์ อีกแล้ว
แด่มิตรภาพ
…ปล. ได้รับมอบหนังสือดีเล่มนี้ มาจาก พี่ตุ๊กตา อ่านแล้วอ่านเลยแบบวางไม่ลง ใช้เวลา 4 ชม. รวด ^^
และตอนนี้ พร้อมส่งต่อหนังสือเล่มนี้ ให้ผู้ที่สนใจอยากอ่านนะคะ
นก พรายแสง
สำหรับ “ดินแดนซาเลา”
คงอาจจะเหมือนใครอีกหลายคนที่ได้อ่านงานสำหรับเยาวชนเล่มนี้แล้ว
อยากให้ดินแดนซาเลาได้เป็นหนังสืออ่านนอกเวลาสำหรับเด็กมัธยม (น่าจะ ม.ต้น จะดีที่สุด)
แม้จะไม่ใช่งานที่เลิศเลอหรือสมบูรณ์แบบที่สุด
แต่คุณค่าของงานที่ผู้เขียนพยายามสอดแทรก
ทั้งทางตรงและทางอ้อม ก็ทำให้รู้สึกรัก
และตระหนักถึงคุณค่าของสรรพสิ่งที่ธรรมชาติสร้างขึ้นมา
และกำหนดบทบาทให้ทั้งสิ่งมีชีวิต และสิ่งไม่มีชีวิตได้อยู่ร่วมกันอย่างผาสุก
มนุษย์เป็นเพียงสิ่งมีชีวิตเล็กๆ ชนิดหนึ่งเท่านั้นในระบบธรรมชาติ
แต่มักสำคัญตัวผิดว่าตนเองนั้นยิ่งใหญ่ และฉลาดกว่าสิ่งมีชีวิตชนิดอื่นเสมอมา
วิถีชีวิตของผู้คนเล็กๆ ในดินแดนซาเลา
เป็นการยืนยันได้เป็นอย่างดีว่า
มนุษย์มิใช่สิ่งที่จะอยู่เหนือธรรมชาติได้เลย
SASI
ไม่ได้ติดต่อกับน้องรักคนนี้เสียนาน
ประสบการณ์ที่บ่มเพาะมาตั้งแต่วัยเด็กผลิดอกออกช่อสวยงามอีกแล้ว
ยินดีด้วย แล้วงานเก่า ๆ บทกวีที่พี่เคยปลื้มล่ะจะรวมเล่มเมื่อไหร่ ส่งข่าวมาบ้างนะ
"ฟั่นสายใยให้เป็นเกลียวเหมือนเรียวคลื่น" พี่ยังจำวรรคต่อไปได้อยู่นะ เสียดายที่ตอนนั้นมันมีแค่บทเดียว