เมืองชุมพรเงียบลงไปทุกที พี่ ๆ กำลังทำอะไรกันอยู่ ?


เพียงแต่วันนี้เราเปลี่ยนจากการ “ล่า” ในป่าเขา ในท้องไร่ท้องนา ในแม่น้ำลำคลอง มาเป็นการ “ล่า” ในห้างค้าปลีกยักษ์ใหญ่

ป่วยการที่จะมาฟื้นฝอยหาตะเข็บว่า ใครกันทำให้เศรษฐกิจท้องถิ่นปั่นป่วนกันไปอย่างนี้ เพราะคำตอบที่ได้มันมีหลากหลาย คนที่เห็นด้วยกับการเกิดขึ้นของยักษ์ค้าปลีกสมัยใหม่ก็จะให้เหตุผลพึงพอใจไปกับสัญลักษณ์ของความเจริญ ความได้เปรียบและความสะดวกสบายของผู้ซื้อ-ผู้บริโภค คนที่ไม่เห็นด้วยก็หยิบยกอาการล่มสลายของร้านค้าปลีกทั้งรายเล็ก-รายใหญ่ ความเงียบที่เริ่มเข้ามาครอบงำตลาดสด ย่านการค้าในชุมชน / ท้องถิ่น ขึ้นมาพูดจาโต้ตอบกันไปมา หาข้อยุติไม่ได้ จบลงตรงที่ทั้งผู้เห็นด้วยและไม่เห็นด้วยก็ยากที่จะปฏิเสธการไปเยี่ยมเยือน เดินเล่นในห้างค้าปลีกติดแอร์อย่างน้อยเดือนละ 1 – 2 ครั้ง โดยมีความต้องการของสมาชิกในครอบครัวและตนเองเป็นเหตุชี้นำ เพื่อสอดส่ายสายตามองหาสินค้าที่ถูกใจ และใช้อาวุธในกระเป๋าสตางค์ไป “ล่า” สิ่งที่ยั่วยวนใจทั้งที่จำเป็นและไม่จำเป็นมาตอบสนองสัญชาตญาณดั้งเดิมของตนเอง เพียงแต่วันนี้เราเปลี่ยนจากการ “ล่า” ในป่าเขา ในท้องไร่ท้องนา ในแม่น้ำลำคลอง มาเป็นการ “ล่า” ในห้างค้าปลีกยักษ์ใหญ่ เราเปลี่ยนอาวุธจากการใช้กำลังแรงกาย จอบ เสียม มีด ขวาน แห อวน เบ็ดตกปลา ฯลฯ มาเป็นธนบัตร เหรียญ และบัตรเครดิต เราเปลี่ยนการ “ล่า” ในสถานะของการพึ่งตนเอง มาเป็นการ “ล่า” เพื่อถลำลึกเข้าไปในบ่วง ในวังวนแห่งกระแสเศรษฐกิจทุนนิยม บริโภคนิยม เราเปลี่ยนความเป็นอยู่จากการใช้ชีวิตเป็นตัวตั้ง มาเป็นอยู่แบบที่ต้องใช้เงินเป็นตัวตั้ง วิ่งไล่ล่ากันไปเรื่อย ๆ ตามเหยื่อล่อ จนกว่าจะหมดแรงกันไป

เรื่องใหญ่ ๆ แบบนี้ผู้คนโดยทั่วไปรู้สึกได้ มีความกังวลใจ มีความเห็นและพูดจาสื่อสารกันไปตามทัศนะวิสัยของตนเอง แต่จะผลักดันให้กลายเป็น วิสัยทัศน์ร่วม” (Shared Vision) ตรงนี้สังคมยกให้เป็นหน้าที่ของ “ผู้นำ” โดยเฉพาะในระดับชุมชน/ท้องถิ่น มีการออกแบบระบบและโครงสร้างการบริหารจัดการเปิดโอกาสให้กลุ่มคนพิเศษประเภทหนึ่ง ฝ่าฟันต่อสู้เอาชนะกันมาในสนามเลือกตั้งเข้ามาเป็นผู้บริหารในตำแหน่ง นายก รองนายก ที่ปรึกษา เลขานุการ บางส่วนก็เข้ามาเป็นผู้แทน ส.อบจ. ส.ท. หรือ ส.อบต. ร่วมกันทำหน้าที่ “ผู้นำ” โดยมีอำนาจตามกฎหมาย มีเงิน-งบประมาณ มีม้า-รถ-ทศพล คือข้าราชการและพนักงานของรัฐเป็นขุมกำลัง สนับสนุนให้เป็น “ผู้นำ” แก้ปัญหาและพัฒนาชุมชน/ท้องถิ่น

แต่เหตุการณ์รอบตัวที่เกิดขึ้น น่าใจหายจนต้องร้องถามออกมาดัง ๆ ว่า
เมืองชุมพรเงียบลงไปทุกที พี่ ๆ กำลังทำอะไรกันอยู่ ?

ตลาดสดหมอพนัสที่เคยหายใจแรงตั้งแต่ยามค่ำคืนไปจนถึงสามโมงเย็น แล้วส่งความคึกคักต่อไปให้ตลาดสดเทศบาลในช่วงเย็นค่ำ วันนี้ประมาณสี่โมงเช้า ก็เหลือแต่พ่อค้าแม่ค้านั่งปัดแมลงวันคุยกันเองว่า จะเอายังไงกันดีกับชีวิตในวันข้างหน้า ?

นักธุรกิจ SMEs ที่มาเช่า มาเซ้งตึกแถวเปิดสารพัดร้านค้า พอยอดขายตกไป หายไป 3 – 4 เดือนติด ๆ กัน ก็ถูกบังคับให้คิดที่จะเปลี่ยนทำเลค้าขาย รอแต่ให้ลูกปิดเทอมใหญ่จะได้ย้ายออก เปลี่ยนร้านและเปลี่ยนโรงเรียนให้ลูกพร้อมกันไปทีเดียว ร้านไหนตัดสินใจไปก่อนสังเกตได้ง่าย ๆ ว่ามีป้าย “ให้เซ้ง / ให้เช่า / ขาย” ติดให้เห็น ให้อ่านกันจนชินตา

หนุ่มสาวรุ่นใหม่ที่ได้โอกาสเข้ามาเรียนหนังสือในเมือง จะจบหรือไม่ ถึงวันนี้ก็ตัดสินใจแล้วว่า จะขออยู่ทำงานในเมืองไม่กลับไปตัดยาง แทงปาล์ม ทำสวนที่บ้าน ออกหางานทำก่อนถ้าไม่ได้ก็เข็นสินค้าสารพัดที่คิดได้และพอมีช่องทางออกมาขายริมถนน ที่เล็งไว้เป็นอันดับแรกก็คือ 2 ข้างทางถนนกรมหลวงฯ เพื่อหารายได้มาเลี้ยงตนเอง มาจ่ายค่าเช่าห้อง และสารพัดของกิน ของใช้ที่อยากได้...ในห้าง ทุกวันนี้นับเงินที่ขายได้ในแต่ละวัน เอาไปหักลบกับหนี้สินที่ยืมเขามาแทบจะไม่เหลือพอกินพอใช้ คิดถึงเพื่อนที่โทรมาว่า จังหวัดที่เพื่อนอยู่ทำมาหากินได้ดีกว่าที่นี่ ... แล้วเราจะทนอยู่ไปทำไมกัน

นับประสาอะไรกับสารพัดแรงงานที่รับจ้างขับมอเตอร์ไซค์ ซัก-รีดเสื้อผ้า เป็นลูกจ้างล้างถ้วย-ล้างจานในร้านอาหาร เป็นแม่บ้าน-เป็นบ๋อยในโรงแรม เป็นช่างกลึง ช่างติดกระจก มุ้งลวด เหล็กดัด ฯลฯ ต้องทนอยู่แบบนับถอยหลังกันไปเพราะเงินเดือนปีนี้เถ้าแก่ไม่ขึ้นให้ ใครทนไม่ได้ก็ลาออกไป ถ้าต้องใช้คนใหม่ก็เอาพม่าเข้ามาแทน

มองเข้าไปในร้านค้าสิ่งที่เห็นจนชินตา คือ เจ้าของร้านนั่งเฝ้าลิ้นชัก ดู ASTV มีสินค้าเก่าเก็บ มีลูกจ้าง 1 – 2 คน อาจจะเป็นพม่าทั้ง 2 คน หรือคนไทยสัก 1 คน เช้าขึ้นมาก็เปิดหน้าร้านเป็นปกติซ้ำแล้วซ้ำเล่าทุกวัน เรื่องย้ายออกไปไม่ต้องคิดเลยเพราะเป็นตึกแถวของตัวเอง ไม่ต้องเช่าเขาอยู่ เรื่องที่คิดวนเวียนอยู่ในสมองทุกวันก็คือ คิดถึงลูกหลานที่ทำงานอยู่กรุงเทพฯ ทะเลาะกันหลายครั้งแล้วก็ไม่ยอมกลับมา พูดอยู่คำเดียวว่าไม่มีอะไรให้เขาทำ อยู่แล้วเซ็ง ห้องหับข้างบนที่สร้างเตรียมไว้ก็ปิดตาย เป็นห้องร้างในอาคารที่ไม่ได้ใช้ประโยชน์ เพื่อน ๆ หลายคนแนะนำให้ใช้อิฐบล็อกมาก่อปิดแล้วเจาะรู คลุมด้วยสแลนสีดำ เปิดเทปเสียงเผื่อว่านกอีแอ่นจะเข้าไปทำรัง ดีกว่าทิ้งร้างไว้เปล่า ๆ  โชคดีขึ้นมาอาจจะรวยได้ เรื่องที่หวังว่าจะมีลูกค้าเข้ามาไม่ขาดสายเหมือนแต่ก่อน ... เลิกคิดไปนานแล้ว

วันอาทิตย์ที่ 24 มกราคม 2553 ถูกกำหนดให้เป็นวันรับสมัครผู้ที่จะเข้ามาแข่งขันในสนามเลือกตั้ง สท.เทศบาลเมืองชุมพร ท่านทั้งหลายจะมาจากกลุ่มไหน ก๊กใคร เมื่อเสนอตัวขึ้นมาให้ชาวเมืองชุมพรเลือกสรร เชื่อว่าท่านคงจะมีความพร้อมในการเป็น “ผู้นำ” สร้าง “วิสัยทัศน์ร่วม” กับชาวบ้าน มีแนวทางที่จะช่วยกันแบกรับปัญหา นำพาเมืองชุมพรให้หลุดพ้นจากสภาวะแย่ ๆ อย่างที่เป็นอยู่  พวกเราจะได้ไม่ต้องมาตั้งคำถามกันจนปากเปียกปากแฉะว่า

เมืองชุมพรเงียบลงไปทุกที พี่ ๆ กำลังทำอะไรกันอยู่ ?

คำสำคัญ (Tags): #modern trade#ชุมพร
หมายเลขบันทึก: 329581เขียนเมื่อ 20 มกราคม 2010 21:11 น. ()แก้ไขเมื่อ 12 กุมภาพันธ์ 2012 12:05 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (4)

คุณ(น้อง)ไอศูรย์ ครับ ผมเข้ามาอ่าน บทความของคุณแล้ว ได้ความรู้ และข้อคิดต่างๆเพิ่มขึ้นอีกมากมายครับ ขอบคุณมากๆนะครับที่ได้แบ่งปันความคิดและสิ่งดีดีให้กับ คนที่ยังไม่มีความเข้าใจในเรื่องเหล่านี้นะครับ

ขอแก้ไขกำหนดการรับสมัครเลือกตั้ง สท.เทศบาลเมืองชุมพร ชุดใหม่ เป็นช่วงวันที่ 1 - 5 กุมภาพันธ์ 2553 ครับ.

สวัสดี ครับ ผมอ่านแล้วเห็นสภาพเลย ครับ ผมเคยรู้สึกว่าที่บ้านผมเองเงียบ เวลาผ่านไปทุกอย่างยังคงเป็นเหมือนเดิม แต่วันนี้ผมไม่รู้สึกเงียบมากมายเหมือนเมื่อก่อน อาจเป็นเพราะ ผมชินแล้วมั่งครับ 55555

หากว่ามีแนวทางที่ช่วยให้ ไม่เงียบอีก ช่วยบอกด้วยนะครับ ผมชอบแนวความคิดแบบนี้ ครับ

เคยไปเที่ยวชุมพร...เป็นเมืองน่าท่องเที่ยวค่ะ....

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท