เส้นทางแห่งเกียรติยศนั้นไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ ต้องลำบากมาก่อนและทำตนเป็นตัวอย่าง
จึงจะถึงความสำเร็จได้อย่างภาคภูมิ ..
ผมขี่มอเตอร์ไซต์คู่ใจมาทำงานตามปกติ ในสถานที่ทำงานที่ใหญ่โต เต็มไปด้วยคนทำงานเกือบพันคนเห็นจะได้ เมื่อเดินผ่านไปก็จะพบกับพี่คนงานที่ทำความสะอาด ทักทายกันอย่างคุ้นเคย
ผมไปถึงตึกที่ให้บริการ ที่นี่จะเต็มไปด้วยผู้ที่รอรับบริการเนื่องจากป่วยไข้
นอนเรียงรายอยู่เต็มไปหมด
หลังจากผมสแกนนิ้วเพื่อรายงานตัวเข้าทำงานเรียบร้อย ก็เดินขึ้นไปห้องทำงาน
ผ่านชั้นสองก็มีผู้คน เข้าแถวรอวัดความดันซึ่งให้บริการด้วยเครื่องมือวัดแบบอัตโนมัติ
เมื่อถึงชั้นสามซึ่งเป็นชั้นทำงานของผู้บริหาร พลันสายตาของผมก็เหลือบไปเห็นชายคนหนึ่ง
อายุราว 50 ปี ซึ่งออกมาจากลิฟท์ ตัวเล็ก เดินเร็ว ที่สำคัญคือเดินคนเดียว ในชุดกางเกงสแลคเสื้อเชิตแขนยาวสีชมพู ผูกไท ท่าน ผอ.ของเรานั่นเอง
“สวัสดีครับ อาจารย์” ผมกล่าวทักทายตามธรรมเนียมของที่นี่
ท่านเคยเป็นผู้อำนวยการมีหลายแห่ง และที่นี่เมืองเล็กๆ คือที่ทำงานปัจจุบันของท่าน
นี่ก็ช่วงปีที่ 2 ของการบริหารงานของเจ้านายจากแดนไกล
“ท่านจับงานที่ท้าทายมาก” ..ผมคิด
ทุกท่านลองคิดดูนะครับว่า หากเป็นท่านผู้อ่าน มาเป็นผู้บริหาร โดยเดินทางมาคนเดียว
ไม่มีคนของเราสักคนเลย การบริหารจะทำได้สักแค่ไหน
เพราะการบริหารนี่ จริงๆ สำคัญมากก็เรื่องคน เราจะจัดการคนได้ง่ายๆ ได้อย่างไร
เมื่อเราไม่รู้จักเค้าเลย ...เห็นแล้ว พูดได้อย่างเดียวว่า “หนัก” ครับ
ช่วงไตรมาส 2 นี่ องค์กรของเราดูบรรยากาศเงียบเหงา ไม่คึกคักเป็นหลายปีที่ผ่านมา
อาจจะเป็นเพราะสไตล์การบริหารกระมัง หรือท่านกำลังใช้เวลาเป็นเครื่องรักษา
และศึกษาอุปนิสัยใจคอของคนในปกครอง
ท่านจึงปล่อยให้หลายกลไกดำเนินการกันไปตามภารหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย
พฤติกรรมของคนทำงานก็ปรับตัวกันเพื่อให้เข้ากันกับฟอร์มการขับเคลื่อนของเจ้านาย
หลายคนเคยมีบทบาทมากถูกเปลี่ยนบทบาทกันไป ก็คงเป็นช่วงในการจัดทัพอีกละมั้ง
หลายคนเสียใจ หลายคนได้โอกาสใหม่...
“ช่วงนี้ทำตามที่ผมบอกไปก่อนนะ” ..เสียงเจ้านายสั่ง
คนทำงานก็ต้องการกำหัวใจผู้บริหาร คลำทิศทางกันอยู่ ยังจับทางไม่ถูก!
“เค้าเป็นคนยังงัยนะ” ลูกน้องคิด
“คงต้องเขย่าสักพัก จึงจะนัวนะ”..เจ้านายคงคิดอย่างนี้นะ
หลังจากนั้น เมื่ออะไรๆ มันเข้าที่ ถึงตรงนี้ไม่รู้ว่าเจ้านายเอง จะต้องหวานอมขมกลืนมามากน้อยแค่ไหน กว่าภาพขององค์กรเราจึงค่อยๆ ปรากฏชัดขึ้น ชัดขึ้น ได้รู้ว่าเป็นรูปอะไร โดดเด่นอย่างไร ..
มาว่ากันเรื่องยุคสมัย
เมื่อยุคสมัยมันเปลี่ยนไป สิ่งโดยรอบก็เปลี่ยนไปให้รับกับสมัยที่เราอยู่
อยากจะให้ชีวิตการทำงานสบายเหมือนเมื่อครั้งก่อนตลอดไป หลายคนภาวนาตั้งใจให้เป็นเช่นนั้น ก็ไม่น่าจะเกิดกับทุกสรรพสิ่งบนโลกของเรานะ เพราะมันมีเกิด มีเสื่อม มีหมดสิ้นไปได้..
จึงจะเรียกได้ว่าเป็นความจริง เป็นชีวิตจริง
เจ้านายคนเดิมก็ต้องหมดวาระไปเจ้านายคนใหม่ก็มาแทน ...
ความสวยงามของโลกเรา ก็คือสิ่งที่ไม่เหมือนเก่า
เหมือนธรรมชาติก็รังสรรค์งานศิลปะชิ้นใหม่ในทุกขณะจิต ดั่งเช่น ความงามของแมกไม้ ใบหญ้าที่เราได้ปลูกไว้โดยรอบ จะเห็นว่าไม่เหมือนกันสักวัน ใช่หรือไม่
สังคมขององค์กร การบริหารขององค์กรก็เฉกเช่นเดียวกัน
ย่อมมีความงดงาม ไม่ซ้ำกัน แปรเปลี่ยนไปทุกขณะจิต..เป็นผลงานศิลปะที่น่าสนใจยิ่งเชียว
และการเดินบนเส้นทางแบบนี้ นี่ล่ะครับ ช่างคล้ายกับเส้นทางแห่งความสำเร็จของผู้บริหารหลายคนที่ผ่านมา หรือว่ามันคือบันไดทองที่จะก้าวขึ้นสู่ตำแหน่ง ผู้บริหารดีเด่นฯ ที่มีการจัดงานเพื่อประกาศเกียรติคุณขึ้นกันเป็นประจำ..
ท่านอาจ..จะเป็นคนคนนั้นก็ได้ ใครจะรู้!
ขอบคุณคุณพี่นงนาทมากๆ นะครับที่เป็นกำลังใจครับ