ธรรมบรรยาย "จดหมายถึงลูก" แด่หนูๆ และลูกๆ ทุกคน (ตอนที่ ๑)


เมื่อล้มกลิ้งใครหนอวิ่งมาช่วย แล้วปลอบด้วยคำหวานกล่อมขวัญให้ พร้อมจูบที่เจ็บชมัดปัดเป่าไป ผู้นั้นไซร้ที่แท้แม่ฉันเอง
ขอความสุขความเจริญในธรรม จงมีแก่เยาวชนคนดีที่รักทั้งหลาย ธรรมะบรรยายต่อไปนี้ ได้ถูกจัดบันทึกขึ้นมา เพื่อจะได้น้อมรำลึกนึกถึงบุพการีชน ผู้เป็นที่รักของลูก ๆ ทั้งหลาย เพื่อความทรงจำของลูก ๆ ทุกคน เพื่อยกย่องเทิดทูนสถาบันพ่อแม่ของลูก พ่อแม่ของปวงชนชาวไทย ที่มีบทบาทต่อครอบครัวและสังคม เพื่อเน้นให้ลูก ๆ ทั้งหลาย ได้รำลึกนึกถึงภาระหน้าที่ความรับผิดชอบต่อตนเอง ต่อครอบครัวต่อสังคม (โดยมีสถาบันพ่อแม่เป็นแกนนำในการทำความดี) เพื่อเน้นให้คุณพ่อคุณแม่ทั้งหลาย ได้คำนึงในการส่งเสริมให้สมาชิกในครอบครัวมีคุณภาพ มีคุณธรรม ไม่เป็นภาระของสังคมส่วนรวม หากแม้นคุณความดีที่เกิดจากธรรมะบรรยาย ในคราว ครั้งนี้ จะพึงมีอยู่บ้าง พวกเราทั้งหลายขออุทิศคุณความดีทั้งหมดนี้ แด่พ่อแม่ของปวงชนชาวไทย แด่ดวงใจแม่และดวงวิญญาณของแม่ทุกดวงที่อยู่ในสังคมนี้ ในพื้นแผ่นดินนี้ ลำดับต่อไปนี้ ขอเชิญพวกเธอทั้งหลาย จงนั่งอยู่ในอันสงบนิ่งแล้ว จงตั้งใจสดับธรรมะบรรยาย เพื่อจะได้น้อมรำลึกนึกถึงใครสักคนหนึ่งที่มีพระคุณและมีคุณค่าต่อชีวิตของเรามากที่สุด เมื่อล้มกลิ้งใครหนอวิ่งมาช่วย แล้วปลอบด้วยคำหวานกล่อมขวัญให้ พร้อมจูบที่เจ็บชมัดปัดเป่าไป ผู้นั้นไซร้ที่แท้แม่ฉันเอง ลูกลูกที่รักทั้งหลาย คงจะจำความครั้งเก่าในอดีตได้ดี ถ้าหากว่าไม่มีบุคคลนี้แล้วชีวิตเราคงไม่มีวันนี้ เป็นบุคคลที่รักเรามากที่สุดในโลก เป็นห่วงใยเรามากที่สุดในโลก เป็นบุคคลที่รักเราด้วยดวงใจอันบริสุทธิ์และสะอาดที่สุด ใครหนอรักเราเท่าชีวี ใครหนอปราณีไม่มีเสื่อมคลาย ใครหนอรักเราใช่เพียงรูปกาย รักแล้วไม่หน่ายไม่คิดทำลายใครหนอ จะนำเอาโลกมาทำปากกา นำเอานภามาแทนกระดาษ นำน้ำมหาสมุทรมาเป็นหมึกวาด ประกาศพระคุณของท่านไม่พอ ในขณะที่ลูก ๆ ก้าวเท้าออกจากประตูบ้าน ลูกเคยทราบบ้างไหมว่า ได้มีสายตาคู่หนึ่งกำลังเฝ้ามองลูก ๆ ด้วยความรัก ด้วยความห่วงใย วันนี้ลูกของแม่จะมาถึงที่โรงเรียนหรือเปล่า วันนี้ลูกจะกลับบ้านมืดค่ำหรือเปล่า เป็นคำถาม เป็นความห่วงใย ที่มีอยู่ในใจของแม่เสมอ และในขณะที่ลูก ๆ กำลังสนุกสนานเพลิดเพลินอยู่ขณะนี้ ลูกทราบบ้างไหมว่ามีบุคคลหนึ่งกำลังเหงื่อไหลไคลย้อย คร่ำเครียดอยู่กับงานเพื่อหาเงินมาเลี้ยงลูก ในขณะที่ลูก ๆ กำลังใช้จ่ายเงินที่ท่านหามาด้วยความยากลำบากจากสองมือสองเท้าอย่างฟุ่มเฟือย ลูกเคยมองย้อนกลับหลังไปที่บ้านของตัวเองบ้างหรือไม่ว่า มีบุคคลคนหนึ่งกำลังอดเพื่อให้เราอิ่ม มีบุคคลคนหนึ่งกำลังทุกข์เพื่อให้เราได้สุข มีบุคคลคนหนึ่งยอมลำบาก เพื่อให้ลูกได้สบาย มีบุคคลคนหนึ่งกำลังนอนเอามือก่ายหน้าผากรำพึงรำพันอยู่ในใจว่า พรุ่งนี้ ลูกเราจะกินอะไร ? พรุ่งนี้ เราจะเอาเงินที่ไหนให้ลูกไปโรงเรียน ? จากวันนั้นถึงวันนี้ จากวันที่ทุกคนได้ถือกำเนิดเกิดขึ้นมาลืมตาดูโลกจนถึงขณะนี้ และเดี๋ยวนี้ ลูกเคยถามตัวเองบ้างไหมว่า ชีวิตและร่างกายที่ ครบอาการ ๓๒ นี้ ใคร คือผู้ให้? และเราอยู่รอดมาได้เพราะใคร ? ลูกเคยถามตัวเองบ้างหรือเปล่าว่า เราได้ใช้จ่ายเงินของคุณแม่หมดไปกี่บาทแล้ว ? ลูกเคยถามตัวเองบ้างไหมว่า กินข้าวของคุณแม่หมดไปกี่คำแล้ว ลูกทราบหรือไม่ว่า เสื้อผ้าชุดแล้วชุดเล่าใครเป็นผู้จัดหามาให้ ใครเป็นผู้ให้ลมหายใจ ใครให้เลือด ใครให้เนื้อ ใครให้อาหาร ใครให้การกำเนิด ใครให้เสื้อผ้า ใครให้ที่พักพาอาศัย ใครให้ยารักษาเราเมื่อยามป่วยไข้ ใครให้ความรักและความห่วงใยเรามากที่สุดในโลก ถ้าผู้นั้นไม่ใช่แม่ แม่คือผู้ให้ทุกสิ่งทุกอย่างแม้กระทั่งชีวิต แม่คือผู้ที่พลีเลือดเนื้อและชีวิตให้ลูกได้สุขสมบูรณ์ ทุกวันนี้ลูกอยู่กับใคร ลูกเคยถามตัวเองบ้างไหมว่า เราทำอะไรให้ท่านชื่นใจกับตัวเราบ้างหรือยัง ? เราเคยคิดที่จะตอบแทนพระคุณของท่านแล้วหรือยัง ? ในฐานะที่ท่านเลี้ยงเรามาตั้งแต่เล็กจนโต เราเคยทำอะไรให้ท่านได้เบาใจบ้าง หรือเคยแต่ทำให้ท่านเสียใจ จนกระทั่งน้ำตาแม่ตกในครั้งแล้วครั้งเล่าเพราะลูก ลูกรักคุณแม่หรือยัง ลูกจงรักคุณแม่ ก่อนที่จะไม่มีคุณแม่ให้รัก ลูกตอบแทนคุณของท่านหรือยัง จงตอบแทนท่านก่อนที่จะไม่มีให้ตอบแทน วันนี้เราพร้อมแล้วหรือยัง ? ที่จะตอบแทนพระคุณของท่าน ถ้าพร้อมแล้ว ขอจงตั้งใจฟังเรื่องราวต่อไปนี้ แม่ลำบากตรากตรำทุกค่ำเช้า หนักก็เอาเบาก็สู้มิรู้หนี แม่เหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้าทั้งตาปี แม่ยอมพลีชีวิตอีกจิตใจ ก็เพื่อลูกผูกพันกระสันรัก แม้ดวงตาที่แม่รักควักให้ได้ เมื่อลูกโศกแม่เล่ายิ่งเศร้าใจ ทั่วแดนไตรไม่มีใครดีเกิน รักใดเล่ารักแน่เท่าแม่รัก ผูกสมัครรักมั่นไม่หวันไหว ห่วงใดเล่าเท่าห่วงดังดวงใจ ที่แม่ให้กับลูกอยู่ทุกครา ยามลูกขื่นแม่ขมตรมหลายเท่า ยามลูกเศร้าแม่โศกวิโยคกว่า ยามลูกหายแม่ห่วงคอยดวงตา ยามลูกมาแม่หมดลดห่วงใย คำว่า "แม่" เป็นคำที่ไพเราะที่สุดในโลก คำว่าแม่เป็นคำที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สุดในโลก คำว่า "แม่” เป็นคำที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก คำว่าแม่..แม่นี้ฟังแล้วเรารู้สึกอบอุ่นใจที่สุด ฟังแล้วรู้สึกปลอดภัยที่สุด ไพเราะจับใจยิ่งนักยากที่จะหาสิ่งใดมาเปรียบเทียบได้ คำว่าแม่แม่นี้มีความหมาย ขอขยายสรรพนามตามนุสนธิ์ เป็นประตูที่กำเนิดเกิดเป็นคน สาธุชนเรียกแม่มาตุคาม สายนทีแท้แท้เรียกแม่น้ำ ข้าวทุกคำเรียกแม่พระโพสพ สองนิ้วมือนิ้วลูกเข้าสมทบ แผ่นพิภพเรียกแม่ธรณี (แม่ คือ ผู้ที่ให้ชีวิต แม่ คือ มิตรแท้ที่ถาวร แม่ คือ ครูผู้สั่งสอน แม่ คือ ผู้อาทรและเที่ยงธรรม แม่ คือ ผู้เสียสละ แม่ คือ พระผู้เลิศล้ำ แม่ คือ ผู้ให้อารยธรรม แม่ คือ ผู้ให้ดื่มน้ำอมฤต แม่ คือ ผู้ให้ซึ่งความรัก แม่ คือ ผู้ที่ศักดิ์สิทธิ์ แม่ คือ ผู้ให้ทรัพย์ดั่งเนรมิต แม่ คือ ผู้ให้ชีวิตลูกทุกคน) พวกเราทั้งหลาย พอจะทราบบ้างหรือไม่ โบราณกล่าวไว้ว่ขาดพ่อเหมือนถ่อหัก ขาดแม่เหมือนแพแตก ต่างคนต่างไป จะหาความสุขที่ไหนเหมือนอ้อมอกแม่ไม่มีอีกแล้วในโลกนี้ (แต่...มีลูกบางคนเติบโตมามีแต่สร้างความชั่วล้างผลาญ พูดจากับแม่ด้วยคำหยาบคายไม่น่าฟัง ลูกอย่างนี้เขาเรียกว่า ลูกชั่ว) แม่ของเรานั้น ท่านมีความทุกข์ใหญ่ ๆ อยู่ ๓ ประการ พวกเราได้แต่สุข แต่ไม่เคยรู้เลยว่าท่านมีทุกข์ ทุกข์ประการที่ ๑ ท่านทุกข์เพราะไม่มีลูก ไม่สามารถจะให้การกำเนิดเกิดลูกได้ อยากจะมีลูก แต่มีไม่ได้ พระวัดไหนดี หลวงพ่อวัดไหนดัง ก็ไปบนบานสานกล่าว เพื่อให้ได้ลูก ทุกข์ประการที่ ๒ ท่านทุกข์เพราะลูกของท่านตาย ลูกน้อยของแม่กำลังอยู่ในวัยน่ารัก แต่ต้องมาชิงตัวตายจากแม่ไปเสียก่อน แต่ทุกข์ประการที่ ๑ และทุกข์ประการที่ ๒ นั้น มันยังไม่แสนสาหัสเท่าทุกข์ประการที่ ๓ ทุกข์ประการที่ ๓ ท่านทุกข์เพราะลูกของท่านชั่ว มีลูกทั้งที ก็มีลูกชั่ว ลูกเลว ลูกล้างลูกผลาญ ลูกไม่เชื่อพ่อแม่ พูดจากับแม่ด้วยคำหยาบคาย ลูกดื้อรั้น ลูกทำลายวงศ์ตระกูล หรือกระทั่งเรียกว่า เลือดชั่ว ลูกกี่คนทนเลี้ยงได้ไม่ทุกข์หนัก เท่าลูกรักประพฤติตนเป็นคนชั่ว ลูกกี่คนทนเลี้ยงได้ไม่หมองมัว ไม่โศกเศร้าเท่าลูกตัวชั่วระยำ ลูกคนใดกระทำกรรมแก่แม่ สุดเลวแท้ชั่วช้าสิ้นราศี ลูกด่าแม่ลูกตีแม่ลูกกาลี ลูกไม่ดีทำมารดาน้ำตาริน น้ำตาแม่รินไหลเมื่อลูกร้าย น้ำตาแม่เป็นสายเมื่อลูกหมิ่น น้ำตาแม่หลั่งลงรดพื้นดิน เมื่อได้ยินลูกเสเพลเนรคุณ ลูกคนใดก็แล้วแต่ ทำให้แม่น้ำตาไหลเพียงหยดเดียว ท่านผู้รู้ท่านกล่าวไว้ว่า เขาผู้นั้นจะบาปตั้งแต่ปลายเส้นผมจรดเล็บเท้า ไม่มีใครทำให้แม่น้ำตาตกได้นอกจากลูก แต่น้ำตาของแม่ที่ไหลออกมาแต่ละหยดนั้น เธอเคยรู้บ้างไหมว่า น้ำตาของแม่แต่ละหยดนั้นร้อนสักเพียงใด น้ำตาของแม่ที่เผาหัวใจของแม่ ไม่ได้เผาลูกด้วยเลย แต่เผาใจของแม่ตลอดเวลา ไม่เคยรู้ได้เลยว่า น้ำตาของแม่นั้นร้อนมากขนาดไหน เธอคนหนึ่งใช้ไหมที่ละเลยหน้าที่อันดีงามของลูก แถมยังนำความไม่ดีไปมอบให้ท่านวันแลัววันเล่า เดือนแล้วเดือนเล่า ปีแล้ว ปีเล่า เธอเป็นคนหนี่งใช่ไหมที่หาความสุขบนความทุกข์ของคุณพ่อคุณแม่ ขณะที่เรากินขนม กินน้ำอย่างอิ่มหน่ำสำราญยังมีบุคคลหนึ่งยอมอดเพื่อให้เราได้อิ่ม ยังไม่สายเกินไปที่เราจะปรับตัว เพื่อครอบครัวของเรา ฉะนั้น เธอทั้งหลาย พอที่จะให้ความหวังต่อคุณพ่อคุณแม่ได้บ้างหรือเปล่าท่านมีความหวังต่อลูก ๆ ทั้งหลายว่า ยามแก่เฒ่าหวังเจ้าเฝ้ารับใช้ ยามป่วยไข้หวังเจ้าเฝ้ารักษา ยามเมื่อถึงวันตายวายชีวา หวังลูกช่วยปิดตาคราสิ้นใจ ยามแก่เฒ่าหวังเจ้าเฝ้ารับใช้ คนแก่ลูก มันจะเดินไปข้างหน้า มันก็เซมาข้างหลัง มันจะเดินไปข้างซ้ายมันก็เซมาข้างขวา หูตาก็ฟ้าฟาง ก็หวังลูกหวังหลานเป็นหูเป็นตาให้ ยามป่วยไข้หวังเจ้าเฝ้ารับใช้ ยามป่วยไข้ก็หวังลูกป้อนหยูกป้อนยา ป้อนข้าวป้อนน้ำ ท่านป้อนข้าวเรามากี่คำแล้ว เราเคยป้อนท่านคืนสักคำบ้างหรือเปล่า เด็กบางคนแม้แต่จะคิดก็ยังไม่เคยเลยสักนิดเดียว ๒ บรรทัดสุดท้าย ฟังดูแล้วชั่งกินใจเหลือเกิน ยามเมื่อถึงวันตายวายชีวาหวังลูกช่วย ปิดตาคราสิ้นใจ แต่ก่อนตาย แม่ยอมรับสภาพอันหนักหน่วง ทุกข์ทรมานในการหาเลี้ยงลูก เป็นห่วงลูก แม่ยอมให้ลูกได้ทุกอย่าง ไม่ว่าหนัก ไม่ว่าเบา ลูกจะเอารัดเอาเปรียบแม่สักปานใด กอบโกยเอาผลประโยชน์จากแม่สักแค่ไหน แม่ไม่เคยทวงถามจากลูกเลย การปิดตาของคุณพ่อคุณแม่นั้น ทำให้ท่านรู้ว่า เราสามารถบังคับตัว บังคับใจตัวเองได้ล้วเรารู้ว่า อันไหนดี อันไหนชั่ว วันนั้นท่านจะนอนตายตาหลับ แม่หวังเพียงลูกน้อย่ล่าเรียนดี แม่หวังเพื่อกมทรัพยิ์สินใช้ แม่หวังลูกสุขีทั้งกายใจ ลูกแม่อย่าทำให้ผิดหวังทรมาน แม่สุขใจลูกจบการศึกษา แม่หรรษาลูกทำงานเป็นหลักฐาน แม่ปลื้มใจเห็นลูกสุขสำราญ แม่ชื่นบานก่อนชีพดับหลับตาตาย เราสุขเราสนุก แต่ท่านกับทุกข์ ลูกโตพอที่จะรู้ว่าอะไรเป็นอะไรแล้ว กลับไป คราวนี้ ลองไปดูดวงตาของท่านสิ ท่านมีความสุขหรือความทุกข์ เรากำลังแสวงหาความสุขอยู่บนความทุกข์ของคุณแม่หรือเปล่า เรากำลังผลาญหยาดเหงื่อแรงงานของคุณพ่อคุณแม่อยู่หรือเปล่า คงไม่สายเกินไปที่เราจะกลับเนื้อกลับตัว วันนี้ยังมีคุณพ่อคุณแม่อยู่ เราอาจจะยิ้มได้ แต่ใครจะกล้ายืนยันได้ว่า หลังจากกลับไปคราวนี้ คุณแม่ยังจะมีชีวิตรอเราอยู่ เราทำให้ท่านบอบช้ำมานานแสนนานแล้ว ไม่เคยเชื่อ ไม่เคยฟังท่าน ถ้าเรารักคุณแม่ อยากจะให้คุณแม่มีชีวิตอยู่กับเราและเป็นที่พึ่งของเราไปนาน ๆ ขอให้ลูกลูกทุกคนสงบจิตใจ จัดตัวให้ดี พระอาจารย์มีบทเพลงที่จะให้ลูก ๆ ได้ฟังเนื้อหาว่าเป็นอย่างไร ? ลูกเอ๋ยรู้ไหมยายคนนั้น ถึงงกงันงุ่มง่ามตามประสา ถึงยากจนเข็ญใจวัยชรา เขาก็เป็นมารดาของบางคน กว่าที่ลูกจะสำนึกคุณของท่าน ชั่งเนิ่นนานบ้างก็สิ้นอายุขัย บ้างก็ป่วยจนแทบสิ้นหฤทัย ลูกจึงห่วงเอาใจใส่ในกายา อย่ารอให้ท่านตายจึงกราบใกล้ เป็นศพไปจึงรู้คุณบุญท่านหนา ยามท่านอยู่ควรรู้ชัดสร้างศรัทธา ตอบแทนคุณบิดามารดาตน วันไหนถ้าลูกลูกสำเร็จการศึกษา ได้รับใบประกาศ ได้รับปริญญา ประสบ\ความสำเร็จในชีวิต ยังมีคุณพ่อคุณแม่คอยให้กำลังใจอยู่ข้างหลัง แสดงความภูมิใจอยู่เงียบ ๆ นำความสำเร็จไปฝากท่าน พร้อมกับกราบเท้าท่าน แลดู ดวงตาของท่านซิ ว่าท่านมีความปลื้มใจขนาดไหน (เพลง) ลืมมือแม่อุ้มแอบลูกแนบอก เคยกอดกกเกลียวกลมเอานมป้อน ลืมเสียงแม่กล่อมขับให้หลับนอน ยามลูกอ้อนใส่เปลแม่เห่ไกว ลืมเสียงเพลงเก่าแก่ของแม่สิ้น นกขมิ้นเหลืองอ่อนจะนอนไหน ลืมสายเปลสายสวาทขาดเยื้อใย เหมือนสายใจแม่ลูกที่ถูกลืม
หมายเลขบันทึก: 325833เขียนเมื่อ 8 มกราคม 2010 11:22 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 มิถุนายน 2012 19:10 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท