Orn
น.ส. กนกอร ตั้งกุลบริบูรณ์

ขอทำงานหนัก แต่เงินเดือนเท่าเดิม !


ของานอะไรที่มันต้องใช้สมองมากกว่านี้ได้ไหมคะ !!

สวัสดีค่ะ

วันก่อนดิฉันได้โทรศัพท์คุยกับเพื่อนที่เคยเรียน ป.ตรี ที่ Abac มาด้วยกันพวกเราจบคณะบริหาร สาขาบัญชี มาด้วยกัน เพื่อนดิฉันคนนั้นถือได้ว่าเป็นคนเรียนเก่งเลยทีเดียวคุยกันได้สักพักก็เลยถามไปเรื่องงานที่เค้าเคยทำว่าเป็นไงบ้าง เค้าก็เล่าว่าตอนแรกที่จบมาเค้าอยากลองทำงานนอกบ้านดูเพื่อหาประสบการณ์ แล้วเค้าก็ได้งานที่สำงานใหญ่ Toyota ที่แผนกบัญชี ( AP = Account Payment ) ส่วนงานที่เค้าต้องรับผิดชอบก็คืองานที่ต้อง Key ข้อมูลทั่วๆไปใส่โปรแกรมบัญชี ซึ่งเค้าบอกว่ามันเป็นงานที่ น่าเบื่อ จำเจ ไม่ท้าทาย เค้าเลยเข้าไปคุยกับหัวหน้าแผนก

ขอ ให้หัวหน้าช่วยย้ายเค้าไปทำงานที่แผนกอื่นที่มันต้องใช้ความสามารถมากกว่านี้ เพื่อนดินฉันบอกหัวหน้าไปว่า "งานปัจจุบันที่หนูทำอยู่ไม่จำเป็นต้องจ้างนักศึกษาที่จบปริญญาตรีด้านบัญชีมาทำเลยค่ะ หนูคิดว่ามันสิ้นเปลืองเปล่าๆ ให้พนักกงานชั่วคราว พนักงาน sub contract มาทำแทนก็ได้ เพราะมีแต่งานที่ต้องคีย์ข้อมูลแค่พิมพ์ๆตัวเลขใส่เข้าไปในคอมพิวเตอร์ตามใบเสร็จเท่านั้นเอง...."

ในที่สุดหัวหน้าก็ยอมรับฟังความคิดเห็นของเค้า ก็เลยยอมย้ายเค้าไปทำงานที่แผนก Budget แทนซึ่งงานที่แผนกนั้นๆ เพื่อนดิฉันบอกว่าหนักกว่า ยากกว่า ต้องใช้ความคิดมากกว่าแผนกเดิมที่คอยแต่นั่ง Key ตัวเลขเข้าคอมตามใบเสร็จ แถมเงินเดือนที่ได้ก็ได้เท่าเดิมด้วย แต่เพื่อนดิฉันคนนั้นก็บอกว่าเค้าชอบที่จะทำงานที่แผนก Budget มากกว่าแถมยังบอกอีกว่าพอไปทำงานที่แผนกใหม่ก็ได้เจอรุ่นพี่ที่ดีๆหลายคน ด้วยความที่ว่าแผนกที่ย้ายไปนั้นมีคนน้อย ทำให้ทุกคนในแผนกค่อนข้างสนิทกัน มีอะไรก็ช่วยเหลือซึ่งกันและกันอีกด้วย แถมได้เรียนรู้งานอะไรใหม่ๆหลายๆเรื่องเพิ่มขึ้นอีกด้วย

ส่วนทางด้านหัวหน้าแผนกก็ยอมรับฟังความคิดเห็นของเพื่อนดิฉันโดยให้พนักงานชั่วคราว sub contract มาทำงานคีย์ข้อมูลแทน ซึ่งก็เป็นการช่วยประหยัดค่าจ้างให้กับทางบริษัทที่ต้องจ่ายให้พนักงานวุฒิปริญญาตรี หรือพนักงานประจำที่มีเงินเดือนสูงกว่า

สิ่งที่ได้เรียนรู้จากเรื่องนี้ก็คือ

1 ขอ โดยการที่บอกเหตุผลไปว่าทำไมถึงขอเช่นนี้

2 บางครั้งคนเราก็ ขอ ให้ตัวเองลำบากทางแรงกายเพิ่มขึ้น แต่ว่ามีความสุขทางใจมากกว่า

หมายเลขบันทึก: 325671เขียนเมื่อ 7 มกราคม 2010 15:40 น. ()แก้ไขเมื่อ 18 พฤษภาคม 2012 00:11 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (14)

ดีมากครับ ผมได้แรงบันดาลใจไปเขียนต่ออีก

ขอบคุณค่ะ อาจารย์

เขียนเรื่องๆแนวๆนี้ ok หรือเปล่าคะอาจารย์ มีอะไรช่วยแนะนำหนูเพิ่มเติมด้วยนะคะ

เคสนี้เป็นตัวอย่างที่ดีครับ กรณีแบบนี้เกิดขึ้นเยอะครับ โดยเฉพาะกับบริษัทใหญ่ๆ

ซึ่งมาลองคิด่อนะครับ ว่าถ้าหัวหน้าแผนกไม่ยอมที่จะย้ายเพื่อนของคุณให้ไปทำงานในแผนกที่ท้าทายกว่า

บริษัทจะเสีย 2 เด้งเลยครับ

1.บริษัทต้องเสียพนักงานที่มาความสามารถ เพราะถ้าไม่ยอมย้ายให้สุดท้ายผมคิดว่าเธอคงตัดสินใจลาออกครับ

2.แผนก Budget เสียโอกาสที่จะได้พนักงานที่มีความสามารถไปช่วยงาน

แล้วด้วยสาเหตุนี้ละครับ บริษัทใหญ่ๆต้องเสียคนเก่งไปแล้วมากมาย ถ้าผู้บริหารยังไม่เล็งเห็นตรงจุดนี้

ผมว่าคนเก่งเรื่องเงินไม่สำคัญเท่า การได้แสดงความสามารถหรอกครับ เค้าจะแคร์ตรงจุดนี้มากกว่า

แล้วที่ร้ายไปกว่านั้นสิ้นเปลืองโดยใช้เหตุครับ พนีกงานคีย์ข้อมูล จบ ม.ต้น ใช้คอมเป็น ผมว่าก็ทำได้แล้วครับ

ขอบคุณสำหรับเคสดีๆแบบนี้ครับ ^^

เหมือนคำโบราณที่ว่า คับที่อยู่ได้ คับใจอยู่ยาก สินะ

น่ายินดี และดีใจ บวกภูมิใจกับเพื่อนของคุณ ที่กล้าบอกหัวหน้า แล้วก็น่าชื่นชมหัวหน้าที่ใจกว้างพอที่ยอมรับฟังความเห็นและให้โอกาศค่ะ

เขียนบันทึกเรื่อยๆนะค่ะ

จะคอยติดตามอ่านค่ะ

เป็นกำลังใจให้ค่ะ

ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ

ขอบคุณค่ะ

ยินดีที่ได้รู้จักเช่นกันค่ะ จะเขียน up date เรื่อยๆค่ะ ขอบคุณที่เข้ามาอ่านนะคะ มีอะไรแนะนำติชมได้ค่ะ

ชอบครับชอบๆๆ ตอนนี้ ผมเองก็เป็นประมาณนี้อยู่ครับ ทำงานที่บ้าน ขายของไปวันๆ เป็นงานที่ดีครับ แต่ผมคิดว่าน่าจะมีงานที่ ท้าทายกว่านี้ แต่ต้องจำใจครับ เพราะ "ขอ" อะไร คุณพ่อก็ปฏิเสธท่าเดียว บอกจะเอาคอมมาลอง สต๊อก เพราะมัวแต่นั่งเช๊ก ของขาดก็ยุ่ง พ่อก็ว่า แล้วถ้าลื้อไม่อยู่ หรือไฟดับ ก็ไม่ต้องทำอะไรกินสิ บอกจะจัดของให้เข้าที่เข้าทาง พ่อก็ว่า มันเป็นอย่างงี้มาตั้งแต่พ่อเปิดร้านแล้ว มันจำเข้ากระแสเลือด เดี๋ยวลื้ออยู่ไปก็คุ้นเองแหล่ะน่า ก็เข้าใจครับว่า Learning by Doing แต่ผมก็ไม่อยากทำงานหนักเหมือนพ่อนี่นา ที่บ่นเนี่ยะ ก็ได้แค่บ่นหล่ะครับ ทำชมรม ABC Club ให้ Work ช่วยน้องๆที่ตั้งใจและขยันๆทุกๆคน ไปพร้อมๆกันดีกว่านะครับ อ้อ น้องๆคนไหนสนใจ ฝึกงานด้านการอบรม ติดต่อผมได้ครับ เพราะผมได้งานเป็นที่ปรึกษาบริษัทประกันแห่งหนึ่งในขอนแก่น เผื่อเขาจะต้องการมือดีไปอบรมให้ตัวแทนของเขาบ้าง เราจัดกันไปเป็นทีม ดูดีกว่านะครับ ติดต่อผมได้ตลอด 081-965-4832

ปัญหาของพี่ม่อน ผมว่าพี่ม่อนต้องค่อยๆนำเทคโนโลยี่เข้าหาคุณพ่อครับ

มันเป็นเรื่องยากส์มากที่จะเปลี่ยนทัศนคติของผู้สูงอายุ ให้รับกับสิ่งใหม่ๆและการเปลี่ยนไปของโลก

เพราะท่านจะคิดว่าสิ่งที่ทำอยู่นั้นก็โอเคอยู่แล้ว แต่ในความคิดเรามันสามารถพัฒนาให้ดียิ่งขึ้นไปอีกได้

ผมว่าพี่ม่อนน่าจะใช้วิธี.. "ขอนิดนึง" น่าจะได้ผล... คือก็ยังให้พ่อใช้วิธีเช็ค Stock แบบเดิมควบคู่ไปกับ

ระบบที่พี่ม่อนจะใช้ไปก่อนครับในช่วงแรกๆ ( คือเอาคอมพิวเตอร์ไปช่วยบ้างสัก 10% อะไรแบบนั้น )

ค่อยๆแสดงให้คุณพ่อเห็นว่ามันดีกว่ายังไง เราต้องพิสูจน์ครับ ( แล้วค่อยๆเพิ่มน้ำหนักให้กับเทคโนโลยีขึ้นเรื่อยๆ )

ซึ่งถ้าระบบเราดีจริงนานๆไป พ่อของพี่ก็จะเปิดใจยอมรับเทคโนโลยีใหม่นี้ครับ ผมเชื่อว่าอย่างงั้น ^^

เดี๋ยวผมจะหาโอกาสเขียนเคสในกรณี ขอนิดนึง มานำเสนอครับ... ^^

เป็นการขอที่ดีมาก ๆ ค่ะ ... เพราะอนาคตเรา ต้องรู้จักสร้างเอง

บางคนเลือกทำงานสบาย เหมือนนั่งหายใจทิ้งไปวัน ๆ

ในขณะที่บางคน เลือกที่จะลำบาก แต่ได้กำไรชีวิตมากมาย

ความสุขของคนเรามันต่างกันนะคะ อยู่ที่ว่าจะมองชีวิตอย่างไร

บางคนไม่เลือกที่จะไม่ขวนขวาย เพราะกลัวการร้องขอ

ในขณะที่บางคนยอมที่จะร้องขอ เพื่อแลกกับบางสิ่งเพื่อมาเติมเต็มในชีวิต

ดิฉันเชื่อว่า หากขออะไรใคร แล้วไม่ได้ทำให้ใครเดือดร้อน และยิ่งถ้าการขอนั้นเป็นสิ่งที่ดี เป็นสิ่งที่ช่วยส่งเสริมให้ตัวเองและผู้อื่นมีความเจริญก้าวหน้าขึ้นจงอย่ากลัวที่จะขอ :)

เป็นการขอที่ดีมาก ๆ ค่ะ ... เพราะอนาคตเรา ต้องรู้จักสร้างเอง

บางคนเลือกทำงานสบาย เหมือนนั่งหายใจทิ้งไปวัน ๆ

ในขณะที่บางคน เลือกที่จะลำบาก แต่ได้กำไรชีวิตมากมาย

ความสุขของคนเรามันต่างกันนะคะ อยู่ที่ว่าจะมองชีวิตอย่างไร

บางคนเลือกที่จะไม่ขวนขวาย เพราะกลัวการร้องขอ

ในขณะที่บางคนยอมที่จะร้องขอ เพื่อแลกกับบางสิ่งเพื่อมาเติมเต็มในชีวิต

ดิฉันเชื่อว่า หากขออะไรใคร แล้วไม่ได้ทำให้ใครเดือดร้อน และยิ่งถ้าการขอนั้นเป็นสิ่งที่ดี เป็นสิ่งที่ช่วยส่งเสริมให้ตัวเองและผู้อื่นมีความเจริญก้าวหน้าขึ้นจงอย่ากลัวที่จะขอ :)

ขอบคุณทุกความคิดเห็นค่ะ วันนี้ไปสอบเพิ่งกลับมา

อ่านข้อความของพี่ม่อนแล้ว เข้าใจเลยค่ะเหมือนกับที่บ้านเลยค่ะ บอกว่าให้เอาคอมมาทำ stock ซื้อ ขาย ป๊ากับแม่พูดเหมือนกันเลยว่าถ้าลูกไม่อยู่แล้วใครจะทำล่ะ !

เป็นการขอที่ดีมาก เลย ค่ะ

กล้า ที่จะพูด ในสิ่งที่คนส่วนมากไม่กล้าพูด ค่ะ

เริ่มแรกเลย เขาเป็นคนมีจุดมุงหมายในใจ

ต่อมา รู้ว่าตัวเองชอบอะไร (เข้าใจตัวเอง)

สิ่งสำคัญคือ เขารู้ว่าเขาอยู่ ณ จุดไหน มีตำแหน่งมีอำนาจอะไรเท่าไหร่ จะไปต่ออย่างไร 

เมื่อทุกอย่างเขาแจ้งใจแล้ว เขาก็เหลือเพียงทำให้ตัวเองไปอยู่ ณ จุดๆนั้น 

เขาหาตัวเองเจอ ได้ทำในสิ่งที่ใจรักหัวสมองความคิดความอ่านไปได้ 

(ผมว่าเขาช่างเป็นคนมีความสุข ค้นพบตัวตนของตัวเอง)

ดั่งคำกล่าวที่ว่า: จงทำในสิ่งที่ตัวเราเองรัก เพราะแม้เราจะล้ม เราก็ล้มด้วยความเต็มใจและท่ามกลางความรัก

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท