โอวาทและพรปีใหม่ จาก ดร. อาณัติ อาภาภิรม ปรึกษาคณะกรรมการบริษัทรถไฟฟ้า BTS


ทำงานอย่างมีความสุข ทำงานเพื่องาน / นิพพาน = จุดสูงสุดสุดท้ายของชีวิต

เมื่อถึงช่วงที่ปีเก่ากำลังจะผ่านไป ปีใหม่กำลังจะมาถึงเป็นประเพณีของทุกๆ ปี  เราคนไทยทุกคนจะต้องอวยพรให้แก่กันและกัน ผมคิดว่าการอวยพรนี้ ผู้น้อยไม่ควรอวยพรให้แก่ผู้ใหญ่  แต่ควรจะเป็นการแสดงความยินดีและขอพรจากผู้ใหญ่ มากกว่า  เพราะดูเหมือนเป็นการไม่ให้ความเคารพนับถือ และผู้ใหญ่ก็ควรให้โอวาทให้แก่ผู้น้อยเพื่อเป็นแนวทางการดำเนินชีวิตแก่ผู้น้อยต่อไป

 

 

 

การอวยพรปีใหม่ปีนี้เป็นปีที่ผมประทับใจเป็นพิเศษ เพราะเมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา ส่วนงานของผม (ส่วนฝึกอบรม) ได้เข้าไปอวยพรให้แก่ผู้หลักผู้ใหญ่ของรถไฟฟ้า BTSหลายท่าน ไม่ว่าจะเป็นคุณ คีรี  กาญจนพาสน์ CEO ประธานกรรมการบริหาร คุณสุรพงษ์  เลาหะอัญญา COO ผู้อำนวยการใหญ่สายปฏิบัติการ และ  ดร. อาณัติ  อาภาภิรมย์ ที่ปรึกษาคณะกรรมการบริษัท สองท่านแรกใช้เวลาพูดคุยอวยพรกันไม่นานเท่าใดนัก แต่ท่านที่สามนี้ ค่อนข้างพิเศษ เนื่องจากท่าน ดร. อาณัติ  อาภาภิรม นอกจากจะเคยดำรงตำแหน่งสำคัญๆ จากทั้งภาครัฐ,เอกชน และตำแหน่งทางการเมืองแล้ว ท่านยังเคยมีประสบการณ์เกี่ยวกับอาชีพครูมาก่อน ประสบการณ์ของท่านจึงได้ตกผลึกทางความคิดอย่างสวยงาม ดังนั้นท่านจึงให้โอวาทแก่พวกเราได้ค่อนข้างนานและน่าประทับใจ กินเวลากว่าครึ่งชั่วโมง เลยทีเดียว

 

 

 

การพูดคุยในวันนั้นเป็นการถามสารทุกข์สุกดิบว่าการทำงานเป็นอย่างไรบ้าง ท่านได้ให้แนวคิดไว้ว่า การสอนคนแบ่งออกได้เป็น 3 ระดับ คือ สอนให้รู้ สอนให้เชื่อ สอนให้ทำ ซึ่งตรงกับหลักการสอนของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าบรมครูผู้ยิ่งใหญ่ของพวกเราชาวพุทธนั่นเอง นั่นคือ การสอนให้รู้และเข้าใจอย่างแจ่มแจ้ง เมื่อรู้และเข้าใจแล้วต้องจูงใจให้เกิดความเชื่อความศรัทธา เมื่อเกิดความเชื่อความีศัทธา ต้องปลุกใจให้เขาเกิดความกล้าที่จะทำ ในทางพุทธท่านมีแนวทางเสริมเพิ่มมาอีก 1 เรื่อง คือต้องให้เกิดความบันเทิงเริงใจด้วย  สอนอย่างไรให้ชื่นบาน สบายใจ สรุปเป็น Keyword ง่าย 4 คำ คือ “แจ่มแจ้ง จูงใจ แกล้วกล้า ร่าเริง” ท่านได้ให้กำลังใจแก่ส่วนของพวกเราที่ทำงานปิดทองหลังพระ อยู่เบื้องหลังความสำเร็จขององค์กร เป็นผู้ให้ความรู้แก่พนักงานในองค์กร ท่านบอกว่าอาชีพที่เป็นบุญทานบารมีอยู่แล้วในทุกอาชีพ (สัมมาอาชีวะ) แต่ที่โดดเด่นชัดเจน เห็นจะเป็นอาชีพหมอและครู เพราะเป็นการช่วยเหลือผู้คน ให้พ้นจากความทุกข์ และความโง่เขลา ทั้งทางกายและทางใจ คนส่วนใหญ่จึงศรัทธากับอาชีพนี้ เราควรภูมิใจกับอาชีพของเรา ทำงานอย่างมีความสุข ทำงานเพื่องาน ไม่ต้องกังวลว่าทำดีแล้วไม่ได้ดี ไม่ต้องน้อยใจผู้บังคับบัญชา เพื่อนร่วมงาน หน่วยงานอื่น หรือลูกค้า เราต้องเป็นนายตัวเอง อย่าให้คนอื่นมาบงการ ครอบงำความคิดของเรา อย่าตกเป็นทาสของความคิด ได้ไม่ได้ ดีไม่ดี เรารู้อยู่แก่ใจของเราเอง สุขหรือทุกข์อยู่ที่ใจ

 

 

 

ท่านเล่าประสบการณ์จากการฟังเทศน์ในงานสวดอภิธรรมของ คุณสมัคร  สุนทรเวช โดย ท่านพระศรีญาณโสภณ หรือ ปิยโสภณ ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดพระรามเก้ากาญจนาภิเษก ว่า ชีวิตคนเราก็เหมือนคอมพิวเตอร์ คือ มีทั้ง Hardware และ Software โดย Hardware เปรียบเสมือนร่างกาย และ Software เปรียบเสมือนจิตใจ Software มีโอกาสถูกทำลายโดยไวรัสคอมพิวเตอร์ ซึ่งเปรียบเสมือนกิเลส ดังนั้นจิตใจต้องมีโปรแกรมต่อต้านไวรัสไว้ นั่นก็คือศาสนานั่นเอง เรื่องเหล่านี้ไม่ใช่เรื่องใหม่ สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ได้ค้นพบมากว่า 2,500 ปี มาแล้ว แม้แต่เรื่อง DNA ที่นักวิทยาศาสตร์ค้นพบ พระพุทธองค์ก็ทรงทราบมาก่อนแล้ว และยังค้นพบลึกก้าวไกลไปกว่านักวิทยาศาสตร์ด้วย  DNA ที่นักวิทยาศาสตร์ค้นพบเป็นเพียงแค่รหัสพันธุกรรมทางร่างกายเท่านั้นเอง แต่พระพุทธองค์สามารถถอดรหัสพันธุกรรมทางรจิตใจได้แล้ว นั่นก็คือ กรรม นั่นเอง กรรม หมายถึง การกระทำ ซึ่งมีทั้งกรรมขาว กรรมดำ และกรรมที่เป็นกลางๆ ไม่ขาวไม่ดำ กรรมขาวหรือกรรมดีคือ สิ่งที่กระทำแล้วจะมีผลตอบแทนทางด้านบวก เช่น การทำบุญ ทำทาน เป็นต้น กรรมดำหรือกรรมชั่ว สิ่งที่กระทำแล้วจะมีผลตอบแทนทางด้านลบ เช่น การทำบาป เบียดเบียนผู้อื่น เป็นต้น กรรมที่เป็นกลาง คือ สิ่งที่กระทำแล้ว ไม่มีผลตอบแทนใดๆ กลับมาไม่ว่าจะเป็นบวกหรือลบ พระพุทธองค์ไม่ทรงสรรเสริญเรื่องกรรมแม้จะเป็นกรรมดีก็ตาม เพราะถ้ามีผลตอบแทน ก็จะมีการเกิดเป็นวัฏจักร เป็นภพ เป็นชาติ ตอบแทนไม่มีที่สิ้นสุด ดังนั้นเราต้องหลุดออกจากวงล้อแห่งกรรมนี้ให้ได้ ไปยังจุดๆ หนึ่ง ที่ซึ่งเรียกว่า “นิพพาน” ไม่มีเกิด ไม่แก่ ไม่เจ็บ ไม่ตาย ไม่สุข ไม่ทุกข์ ไม่ดี ไม่ชั่ว จุดนี้จะเป็นจุดสูงสุดสุดท้ายของชีวิตคนเราตามหลักพุทธศาสนา

 

หมายเลขบันทึก: 323653เขียนเมื่อ 28 ธันวาคม 2009 14:32 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 22:08 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (2)

สุดยอดอ่ะ พี่หนึ่ง

นำมาเผยแพร่แบบนี้ เป็นประโยชน์อย่างมาก เยี่ยมเลยค่ะ

สวัสดีปีใหม่ครับ

ขออาราธนาคุณพระรัตนตรัยอำนวยพรให้พี่อรรถวุฒิมีสุขภาพกายแข็งแรง สุขภาพใจแจ่มใส มีพระสติเป็นปิยมิตรตลอดปี ๒๕๕๓ ครับ

---

หนังสือปรัชญามดแดง ก็เป็นผลงานของท่านปิยโสภณครับ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท