HR Transformation - แปลงร่าง HR


ช่วงนี้กระแสที่ผม ได้ยินได้รับมาเยอะก็คือเรื่องของ HR Transformation เพราะทางสมาคมการจัดการงานบุคคลแห่งประเทศไทยกำลังจะจัดงานใหญ่นี้ขึ้นในปี 2553 ที่จะมาถึงนี้ ซึ่งหลายท่านอาจจะทราบอยู่แล้ว แต่สิ่งที่ผมจะเขียนในวันนี้นั้น ไม่ได้มาโฆษณาเรื่องนี้นะครับ เพียงแต่มีคำถามคาใจอยู่ว่า เรื่องของ HR Transformation นั้นจะเป็นเพียงกระแสแฟชั่นที่ผ่านมาแล้วก็ผ่านไปเหมือนหลายๆ เรื่องหรือเปล่า 

คำว่า Transformation นั้น ตามพจนานุกรมภาษาอังกฤษ เขียนไว้ว่า “To transform something or someone means to change them completely and suddenly so that they are much better or more attractive.” มันคือการแปลงร่างอย่างสิ้นเชิงจากสิ่งหนึ่งไปอีกสิ่งหนึ่งในทางที่ดีขึ้น

ดังนั้น HR Transformation ก็คือ การแปลงร่าง HR ใหม่นั่นเอง คงเคยดูหนังเรื่อง Transformer กันมาบ้างนะครับ นั่นน่าจะเป็นตัวอย่างที่ดีของการแปลงร่างจากรถยนต์คันหรู มาเป็นหุ่นยนต์ที่เก่งกาจ แล้ว HR เราจะแปลงร่างเป็นอะไรดีล่ะครับ

กูรูทางด้าน HR Transformation ก็เขียนไว้เยอะครับ แต่สิ่งที่ผมพอจะสรุปได้ก็คือ HR จะต้องเริ่มเข้ามามีบทบาทในการกำหนดกลยุทธ์ของบริษัทด้วย และทำแผนงานของ HR ให้สอดคล้องกับแผนกลยุทธ์ของบริษัท และต้องทำให้ผู้บริหารทุกระดับเข้าใจความสำคัญของ HR และทำหน้าที่ในการบริหารคนอย่างจริงจัง พูดง่ายๆ ว่า HR ไม่ใช่งาน Admin อีกต่อไป จะต้องก้าวเข้ามาเป็น Business Partner กันเลย เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับธุรกิจ

สิ่งที่กูรูท่านนี้ได้เขียนไว้ ผมมีความรู้สึกว่า เคยได้ยินได้อ่านมาตั้งแต่สมัยที่ผมเรียนปริญญาตรี เมื่อสักเกือบ 20 ปีที่ผ่านมา ที่เริ่มเปลี่ยนจากคำว่า Personnel มาเป็นคำว่า Human Resource ก็บอกว่าเน้นคุณค่าของคนมากขึ้น และจะต้องเข้ามามีส่วนร่วมในการกำหนดกลยุทธ์ขององค์กรด้วย โดยเฉพาะกลยุทธ์ทางด้านการบริหารทรัพยากรบุคคล และจากนั้นมาอีกไม่กี่ปี ก็เกิดคำว่า Human capital ขึ้น บอกว่าทรัพยากรบุคคลมีความสำคัญในการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับองค์กร และเป็นสิ่งที่เราต้องรักษาไว้ เพื่อการเพิ่มมูลค่าทางธุรกิจของเรา

และต่อจากนั้นอีกไม่กี่ปีก็เกิดคำว่า HR Transformation ขึ้นมาอีก สิ่งที่ผมค่อนข้างจะกังวลก็คือ กลัวว่ามันจะเป็นแค่แฟชั่นที่ฮือฮาขึ้นมาชั่วข้ามคืน แล้วก็หายไป เพราะอะไรหรือครับ ก็เพราะว่า บ้านเรานั้น เรื่องของ HR แบบเน้นๆ คือเป็น HR มืออาชีพจริงๆ นั้น ส่วนใหญ่ก็เกิดขึ้นกับบริษัทใหญ่ๆ หรือบริษัทข้ามชาติ ที่เขามองเห็นความสำคัญของทรัพยากรบุคคล แต่องค์กรขนาดกลางและขนาดเล็กอีกมากมายในบ้านเราที่ผมคิดว่ายังมองไม่ค่อย เห็นความสำคัญของทรัพยากรบุคคสักเท่าไรเลย

สิ่งที่ผมพบเจอมาส่วนใหญ่ก็เน้นเรื่องของผลประกอบการ ผลกำไร คิดแต่ว่า จะทำอย่างไรให้บริษัทได้กำไร โดยไม่ได้มองคือพนักงานด้วยซ้ำไป ทั้งๆ ที่พนักงานก็นั่งทำงานให้เห็นอยู่ทุกวัน ผลงานที่ออกมาแต่ละวัน ก็ล้วนแล้วแต่ออกมาจากตัวพนักงานทั้งสิ้น แต่ผู้บริหารกลุ่มนี้กลับเห็นพนักงานเหมือนเป็นเครื่องจักรเท่านั้น ที่ช่วยปั้มเงินให้กับเจ้าของ

หาคนเข้ามา ก็เอาแบบถูกๆ นะ เพราะต้นทุนมันจะสูง พอเข้ามาแล้วจะอบรมมั้ย ก็ตอบว่า ไม่ต้องหรอกเสียเวลา ให้เขาทำงานดีกว่า อบรมไปก็ไม่เห็นจะมีอะไรดีขึ้นมา พอคุยเรื่องค่าจ้างเงินเดือน ก็มีนโยบายออกมาว่าให้จ่ายทัดเทียมกับตลาดนะ แต่พอเอาเข้าจริงๆ ก็เป็นคนกำหนดอัตราค่าจ้างเองตามใจฉันซะงั้น

ในความเห็นผมการที่เราจะแปลงร่าง HR ใหม่นั้น คนสำคัญที่จะต้องซื้อความคิดนี้ก็คือ ผู้บริหารระดับสูงที่กุมอำนาจทุกอย่างในมือนี่แหละครับ ที่จะต้องเห็นด้วย และไม่ใช่แค่เห็นด้วยแค่คำพูดนะครับ ต้องเห็นด้วยแบบว่าเข้าไปถึงจิตใจในส่วนลึกๆ เลย พูดง่ายๆ ว่า เชื่ออย่างบริสุทธิ์ใจเลยว่า ทรัพยากรบุคคลเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด และจะต้องลงทุนลงแรง ในการสรรหา รักษา และพัฒนากันอย่างจริงจัง ถ้าผู้บริหารเชื่อแบบนี้แล้ว การที่ HR จะเข้ามามีส่วนร่วมในการกำหนดกลยุทธ์ของบริษัท และเป็น partner ในการทำธุรกิจเหมือนกับฝ่ายขาย ฝ่ายการตลาด ก็จะเกิดขึ้นอย่างแน่นอนครับ


ในความเห็นผม ผมเชื่อเสมอว่า งาน HR ไม่ใช่งานเอกสารแบบไปวันๆ จริงๆมั้ยครับ พวกเราชาว HR

คำสำคัญ (Tags): #hr transformation
หมายเลขบันทึก: 323578เขียนเมื่อ 28 ธันวาคม 2009 08:03 น. ()แก้ไขเมื่อ 15 เมษายน 2012 02:49 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท