รถล้ม แต่ใจไม่ล้ม


มันต้องเกิดอะไรที่มันต้องเกิด

เมื่อเวลา 12.50 น. วันจันทร์ที่ 14 ธันวาคม 2552   หลังจากที่รับประทานอาหารกลางวันเสร็จเรียบร้อยแล้ว ฉันหยิบกุญแจมอเตอร์ไซค์คู่ชีพ บึ่งรถด้วยความเร็วปกติ จากรพ. ไปร่วมการประชุมการยศาสตร์ ของ อ.ประเทือง จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ซึ่งจัดการประชุมที่ห้องประชุมที่ว่าการอำเภอแก่งคอย

ฉันขี่ไปเรื่อยๆ ด้วยความสำราญใจ จึงถึงทางขึ้นสะพานต่างระดับถนนแก่งคอย-บ้านนา มีรถเก๋งคันหนึ่งแซงหน้าไป ฉันขับด้วยความระมัดระวัง ชิดซ้ายตามทางเดินรถสองล้อ ตามกฎจราจรเป๊ะ ไม่ยอมให้ล้อรถข้ามเลนของรถยนต์  แต่เลนสำหรับรถสองล้อนี้ ระดับถนนจะต่ำกว่าเลนรถยนต์ประมาณสักครึ่งคืบเห็นจะได้

       ฉันนึกว่าช่องทางนี้มันจะอยู่ระดับนี้เรื่อยๆ ไปตั้งแต่ทางขึ้นจนถึงทางลง  แต่...........มันไม่ได้เป็นเช่นนั้น มันกลับมีรอยต่อเพื่อให้เป็นระดับเดียวกันทั้งหมด  ฉะนั้น มันจึงมีรอยต่อ ด้วยความสูงเช่นนี้ให้ฉันต้องขี่มอเตอร์ไซค์ปีนข้าม    ฉันเฉลียวใจอยู่แล้วว่ารถอาจแฉลบได้ จึงเพิ่มความระวังมากขึ้น มองดูกระจกหลัง มีมอเตอร์ไซค์ตามมาอีกคัน ระยะห่างประมาณ 20 เมตร 

       เมื่อขับปีนถนนไป รถของฉันเกิดแฉลบจริงๆ รถล้มลง ฉันคิดในใจ อุ้ย รถแฉลบ  แต่อุบัติเหตุที่เกิดขึ้นมันพริบตาเดียว สติของฉันคงมั่นคงน้อยไปหน่อย ช่วงที่ล้มลงเหมือนมีแรงกระแทกซ้ำ ตัวฉันไถลไปตามถนนเข้ากลางเลน กึก...... ฉันเจ็บจนพูดไม่ออก ขยับตัวไม่ได้เลย น้องผู้ชายคนหนึ่งจอดมอเตอร์ไซค์ถามระร่ำระลัก  " พี่ พี่ ทำไมพี่ล้มล่ะ"  ฉันตอบเบาๆแทบเปล่งเสียงออกมาไม่ได้ "รถแฉลบ"   "มาครับ ผมช่วยเกาะผมไว้นะ " ฉันเกาะไหล่น้องเขาไว้นิ่งๆ อย่างนั้น ขยับไม่ได้เลย   เหมือนหนังไทย ที่พระเอกมาช่วยนางมารร้ายที่เกาะไว้แน่นไม่ยอมปล่อย คิดจะอ่อยประมาณนั้น หารู้ไม่ที่ไม่ลุกเพราะฉันเจ็บจนขยับไม่ได้เลย "พี่ลุกสิครับ  ผมว่าลุกไปอยู่ขอบถนนดีกว่า กำลังมีคนเรียกรถร่วมมา"   ฉันยังคงร้องคราง "อืออออ.." ด้วยความเจ็บที่มิอาจขยับได้  

       ขณะนั้นเอง อาจารย์ติ๋ม จาก รร.วัดสองคอนกลาง เพื่อนร่วมลานกีฬาแอโรบิก รพ.ของฉัน ขับรถยนต์ผ่านมาพร้อมๆ กับอีกคันหนึ่งของ คุณมงคล สุขศิลา นายก อบต.ตาลเดี่ยว  อีกฝั่งของสะพาน ได้จอดรถไว้ และ ช่วยกันอุ้มฉันข้ามฝั่งสะพานกลับมาส่งที่ รพ.แก่งคอย

      เสียง อ.ติ๋มเรียกฉันด้วยความกังวลและปลอบฉันไปตลอดทาง "หมอจ๊ะ ทำใจดีดีนะ พี่อยากช่วยให้หายเจ็บแต่พี่ทำอะไรไม่เป็นเลย เดี๋ยวก็ถึงแล้วนะ  พ่อ ขับรถเบาๆนะ หมอเขาเจ็บ จะถึงแล้วนะ"

      ฉันถูกนำตัวส่งเข้าห้องฉุกเฉิน ทุกคน ณ ที่นั้นต่างกรูเข้ามา ฉันหลับตากัดฟันด้วยความเจ็บ พูดก็ไม่ออก ตอนนั้นฉันมีอาการคล้ายจะเป็นลม ฉันพูดเบาๆ บอกคนไกล้ตัว "พ่อ...... แม่จะเป็นลม"  เสียงพี่แจง หน.ห้องฉุกเฉินเรียกคนมาช่วยวัดความดัน เสียงพี่ปุ๊ เรียกชื่อฉันขออนุญาต ถอดเสื้อผ้า พี่วีร์ฯคนดีมาช่วยตรวจ เสียงใครต่อใครเต็มไปหมด  ฉันได้แต่กัดฟันข่มความเจ็บปวด คิดในใจว่า กระดูกซี่โครงฉันคงหักกระมัง ถึงได้เจ็บขนาดนี้ ฉันจับมือสามีไว้แน่น แล้วฉันก็เริ่มตั้งสติ กำหนดลมหายใจเข้าออก  และตามความคิดไป หากความเจ็บครั้งนี้จะทดแทนกรรมใดที่ฉันสร้างไว้ ฉันขอให้มันเจ็บจนถึงที่สุดและชดใช้ให้หมดด้วยเถิด หากจะตายตอนนี้ก็ไม่เป็นไร ฉันจึงได้แต่คิดถึงคุณพระรัตนตรัย  สามีฉันกระซิบเบาๆ ข้างหู "ทำสมาธิไว้นะ แม่ฝึกมาเยอะแล้ว ตอนนี้ได้ใช้จริงแล้ว กายเจ็บ แต่ใจอย่าเจ็บนะ" ฉันหลับตาพยักหน้ารับ ความเจ็บค่อยคลายลงเยอะแล้ว อาจด้วยยาที่ได้รับ หรือออกซิเจนที่เขาให้

        พี่เป็ด คู่ใจผอ.เกาะติดข้างเตียงคอยให้กำลังใจตลอดเวลา มีเพื่อนๆ พี่ๆหลายคนเวียนเข้ามาดูด้วยความเป็นห่วง พี่แหล่น พี่นิ พี่นอม เลิศชาย และอีกหลายคนที่ฉันไม่ได้เห็นหน้าเพราะหลับตาอยู่ ในนั้นก็มีพี่น้ำชาที่รักของฉันรวมอยู่ด้วย  มีคนพูดกับฉันว่าคงยังตกใจอยู่ ฉันนอนฟังนิ่งๆ อยากบอกว่า ฉันไม่ได้มีความกังวลไปข้างหน้า หรือย้อนหลังกลับไปเสียใจเลย ฉันแต่ให้นอนให้เจ็บน้อยที่สุดในตอนนี้  ตรงนี้เท่านั้น   

         เสียงพี่ปุ๊รายงานผลการเอ็กซเรย์เป็นภาษาแพทย์ ฉันรู้อย่างเดียว "กระดูกซี่โครงหัก 5 ซี่"  ฉันนึกในใจ อืม คงงั้น  แต่ไม่ได้คิดอะไรกังวลไปไกลเลย มันต้องเกิดอะไรที่มันต้องเกิด

         ฉันถูกส่งตัวไปรักษาต่อที่ รพศ.สระบุรี เพราะท่านผอ.ที่ไปประชุมที่ใหนสักแห่งได้รับรายงานผลจากภริยาคู่ใจด้วยความเป็นห่วง จึงส่งไปตรวจเช็คซ้ำ ว่าผลจากการหักของซี่โครงทำให้เครื่องในฉันเป็นยังไงบ้าง

        เป็นครั้งแรกที่ฉันได้ใช้บริการรถ Refer คันใหม่หรู โดยบริการนอนซะด้วย  แต่แหม ทำไมมันถึงไม่นิ่มเหมือนรถไฟฟ้ามาหานะเธอ เนี่ย  ฉันได้แต่นอนภาวนา ไอ้ที่หักอย่าไปทิ่มอะไรเข้าแล้วกันนะ  มีพี่เป็ด พี่วีร์ พี่ดวง พี่นิ พี่แหล่น เป็นพยาบาล refer กิตติมศักดิ์ น้องเป้ คงเป็นพลขับ ตอนขึ้นลงรถ ฉันเก็บมือเก็บเท้าเรียบร้อย ด้วยความกลัวจะเป็น Risk ได้รับบาดเจ็บขณะ Refer   (HA HA..) 

        มาถึง รพศ.สระบุรี มีทีมกัลยาณธรรม จาก สสอ. และสถานีอนามัย มารอรับและถามไถ่ด้วยความเป็นห่วง ทีมนี้ เรานัดหมายกันมาฟังธรรมะ ของ พระอาจารย์ปราโมทย์ ปราโมชโช ซึ่งถ้าไม่ติดประชุมฉันคงได้มาฟังกับเขาด้วย แต่อย่างว่า มันเป็นคิวของฉันที่ต้องนอนมาอย่างนี้นี่นา 

        ฉันได้รับกับช่วยเหลือเยียวยา อย่างดี จากทีมแพทย์พยาบาลเจ้าหน้าที่ทุกระดับที่เกี่ยวข้อง ทั้งจากโรงพยาบาลแก่งคอย โรงพยาบาลศูนย์สระบุรี และการเยียวยาใจ จากเจ้าหน้าที่สสอ. ,สอ. รวมทั้งกัลยาณมิตร จาก gotoknow ที่ส่งผ่านมา จนทำให้อาการของฉันดีขึ้นในทุกๆ วัน ฉันรับไมตรีไว้ด้วยความขอบคุณ ขอบคุณและขอบคุณอย่างซาบซึ้งใจ

จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมด ฉันไม่ได้นึกย้อนเสียใจ เสียดาย แม้แต่สักนิด ฉันได้แต่น้อมรับทุกสิ่งอย่างที่เกิดขึ้นจากการกระทำของฉันเอง และที่ดีใจยิ่งกว่าคือ ฉันล้มเองโดยไม่มีคู่กรณี ไม่ต้องมีคนลำบากใจเพราะฉัน และก็ไม่ได้เสียใจที่สามีต้องวุ่นวายดูแลทั้งฉันและลูก ฉันว่าทุกสิ่งอย่างต่างถูกกำหนดมาให้เป็น

มีหลายคนมาถามฉันว่า มีรถยนต์ทำไมไม่ใช้รถยนต์ ฉันว่าทุกสิ่งอย่างถูกกำหนดมาแล้ว ฉันหยิบกุญแจมอเตอร์ไซค์เพราะฉันมั่นใจ ตอนขี่รถไปสติฉันก็รู้ตัวตลอด ถ้าอะไรจะเกิดมันก็ต้องเกิด ก็ฟอร์ดเอเวอร์เรสต์ ฉันเคยขับเหิรข้ามถนน ซ่อมไปสองแสนเมื่อเดือนกุมภานี้เอง ตอนนั้นซ่อมรถ แต่คนไม่เป็นไรแม้แต่นิดเดียว แค่ตกใจเท่านั้นเอง แต่รอบนี้ รถมอเตอร์ไซค์ของฉันเริงร่า ส่วนฉันก็มานอนพักฟื้นในโรงพยาบาลเป็นสัปดาห์ที่สองแล้ว

         และรอบนี้ก็มีสิ่งดีดีเกิดขึ้นในมากมายรอบตัวฉัน ฉันได้พักงานระยะหนึ่ง ฉันได้ฝึกสติ ในยามเจ็บ และยามต้องอยู่คนเดียว ฉันได้รับไมตรีจิตจากเพื่อนๆ ฉันได้อ่านหนังสือธรรมมะของพี่น้ำชาจบไปตั้งสี่เล่ม ฉันได้ดูหนังเกาหลีที่ซื้อมาแล้วยังไม่มีเวลาเปิดดูด้วยล่ะ

          ฉันจิตไว้มั่น ไม่อยากให้หวั่นไหว ฉันจะขอพูดดี ทำดี และคิดแต่สิ่งดีดี ขออำนาจคุณพระรัตนตรัย ช่วยให้ฉันได้สมหวังในสิ่งที่ตั้งมั่นนี้เถิด  และโปรดได้ช่วยคุ้มครอง ทุกคนให้มีจิตใจที่ดีงาม และมีไมตรีต่อกันด้วยเถิด สาธุ

             

คำสำคัญ (Tags): #รถแฉลบ
หมายเลขบันทึก: 322363เขียนเมื่อ 23 ธันวาคม 2009 11:53 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 22:06 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (3)

วันนี้ขณะที่นั่งรถยนต์ออกจากโรงพยาบาล หลังจากที่นอนรักษาตัวเกือบสองสัปดาห์

ก่อนที่จะถึงจุดเกิดเหตุที่ฉันประสบ มีมอเตอร์ไซค์สองคันอยู่ข้างหน้า

ปรากฎว่า รถของหญิงวัยกลางคนที่ขี่อยู่ข้างหน้าเกิดอุบัติเหตุแบบเดียวกับฉันเมื่อวันนั้น

โชคดีที่เธอลุกขึ้นมาได้โดยไม่บาดเจ็บอะไรเลย

น้องผู้ชายที่ขี่ตามหลังมาช่วยพยุงเธอขึ้นมา

และคงตกใจไม่หาย จึงได้ยืนเท้าสะเอวมองจุดเกิดเหตุอย่างงงๆ

ฉันเองรู้สึกไม่ดีเลย เห็นใจเธอคนนั้นมาก

และอยากจะมีความสามารถแก้ไขรอยต่อถนนตรงนั้นให้เป็นระดับเดียวกัน

เพื่อไม่ให้ใครเจอเหตุการณ์แบบนี้อีก

และยินดีกับเธอที่ไม่บาดเจ็บหนักเหมือนฉัน

ชอบภาพนี้มาก ขอประทานอนุญาตนำมาไว้นะคะ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท