run_hadyai
นาย สรัญ รัน โชติสัมพันธ์เจริญ

ชีวิตหลังความตาย


"ความตาย"..เรื่องที่ทุกคนต้องเจอ



http://www.thummada.com/public_html/images/toop.jpg



 
ชีวิตหลังความตาย เรื่องที่ ๑
ตายหลอกตายจริง
~
หลวงปู่พุทธอิสระ ~

มีคนหนึ่งเคยบวชเป็นลูกศิษย์หลวงปู่ แล้วสึกออกไปเลี้ยงดูพ่อแม่ วันหนึ่งเขามาหาหลวงปู่ ขอให้ช่วยต่อชีวิตให้กับหลานชายเขา เมื่อสองเดือนที่แล้วหลานชายเขาที่ชื่อ
สมชาย ไปผ่าตัดสมองที่โรงพยาบาลจุฬาฯ พอกลับมาบ้านนอนอยู่ดี ๆ เลือดก็ไหลออกมาจากแผล ซึ่งเย็บสนิทแล้ว พ่อแม่เด็กก็รีบพาส่งโรงพยาบาลอาการค่อนข้างโคม่า หลวงปู่ถามไปว่าเด็กอายุเท่าไร เขาบอก 10 ขวบ พอถามวันเดือนปีเกิดหลวงปู่ก็เลยรู้ว่า เด็กคงจะไม่รอดแล้ว แต่ก็บอกว่าให้เขาลองไปเอาผมเอาเล็บของเด็กมาให้ดูหน่อย เขาก็รีบไปจัดการมา พอหลวงปู่ดูผมกับเล็บแล้วก็บอกเขาไปว่า เด็กคนนี้ตายไปแล้วตายตั้งแต่วันแรก ที่เข้าโรงพยาบาล แต่ที่ยังหายใจอยู่ เพราะหมอเขาปั๊มหัวใจให้มันเต้น แต่วิญญาณน่ะหลุดจากร่าง แล้วเร่ร่อนไปทั่วแต่อีก 3 วันจากนี้ ครบวันเกิดของมัน มันจะตายจริง ๆ เลยบอกให้เขาเตรียมโลง เตรียมจองศาลาไปเลย แม่เด็กก็ร้องไห้ไม่ยอมเชื่อหาว่าหลวงปู่ไปแช่งลูกเขา

แต่พออีก
3 วันต่อมาหัวใจก็หยุดเต้นปั๊มไม่ได้แล้วทีนี้ก็ตายจริง ๆ เพราะตายหลอกน่ะตายตั้งแต่วันแรกแล้ว แม่เด็กเล่าให้ฟังว่าเมื่อคืนวันที่สองที่ลูกเข้าโรงพยาบาล ลูกยังมาเรียกแม่ตอนตี 3

"
แม่แม่เปิดประตูรับชายหน่อยชายอยากเข้าบ้าน"

ฝ่ายแม่ซึ่งเป็นแม่ค้าขายผัก ต้องตื่นแต่ตี
3 - ตี 4อยู่แล้ว ตอนนั้นกำลังเตรียมจัดผักเพื่อไปขาย ได้ยินเสียงลูกหันมาเห็น ก็ตกใจร้อง

"
ตายแล้วใครปล่อยลูกเราออกมาหรือว่าหมอเขามาส่ง" เพราะลูกสวมชุดคนป่วยและ มีผ้าโพกศีรษะอยู่เลยร้องบอกลูกไปว่า

"
เดี๋ยวนะแม่จะเปิดประตูให้" ความที่มัวแต่ถอดกลอนประตู ก็ไม่ได้ดูลูกพอเปิดประตูไป ปรากฎว่าไม่เห็นลูกแล้วมองหาเท่าไหร่ ๆ ก็ไม่เห็น ก็เลยคิดว่าตัวเองตาฝาดไปหรือเปล่า แต่ก็ไม่น่าใช่ พอตอนสาย ๆ ลูกศิษย์หลวงปู่คนหนึ่งซึ่งเป็นพี่ชายของแม่สมชาย ก็กดโทรศัพท์มาบอกว่า

เมื่อคืนนี้สมชายไปหาลูกของเค้า ไปนอนเล่นกันอยู่จนถึงเที่ยงคืน เพราะลูกชายมาบอกว่า


"
พ่อ ๆ เมื่อคืนนี้สมชายมาเล่นกับหนูด้วยล่ะ" พ่อก็แปลกใจเพราะว่ากลับบ้านดึก เลยไม่รู้ว่าน้องสาวเอาหลานมาทิ้งไว้ตั้งแต่เมื่อไหร่ ถามใคร ๆ ก็บอกว่าไม่มีใครเห็น ทราบภายหลังว่าสมชายเข้าโรงพยาบาลเลยรีบมาหาหลวงปู่เพื่อขอให้ช่วยชีวิตของหลาน

หลวงปู่เลยใช้เลือดของตัวเองเขียนยันต์สวัสดิกะติดไว้ที่เทียน และเขียนคาถาที่แผ่นใบไม้ ให้แม่เอาไปอ่านให้ลูกฟัง บอกกับแม่เด็กว่าพรุ่งนี้ลูกจะมาหาอีก ให้เอาเทียนไปจุดไว้ที่หัวนอนเด็กที่บ้าน

แม่ก็ไปทำตามพอเทียนที่จุดไว้ดับ ลูกก็มา แม่ก็ถามสารทุกข์สุขดิบ ลูกบอกว่าสามวันที่ต้องตกระกำลำบาก ไม่ได้กินอะไร ยืนอยู่หน้าโรงพยาบาลแต่ไม่มีใครเห็นขอน้ำใครกินก็ไม่มีใครใส่ใจ กลางคืนฝนตกก็หนาวมาก ไม่มีใครเรียกเข้าบ้าน แม่ฟังแล้วน้ำตาไหลจึงอ่านคาถาให้ลูกฟัง เด็กฟังแล้วก็ไปเจอพระองค์หนึ่งมาจูงมือหนูตอนที่หนูนั่งร้องไห้อยู่ที่หน้าโรงพยาบาล พระองค์นี้จูงมือเดินขึ้นฟ้าไปเลยแล้วพระองค์นั้นก็บอกว่า

ไปลาแม่ซะก่อนหนูก็เลยมาหาแม่
"แม่ ๆ หนูไปแล้วนะ"

ที่เป็นอย่างนี้เพราะสมชายมันยังไม่หมดกรรม เพราะยังไม่ถึงเวลาตายจริงๆร่างกายมันยังไม่สิ้น มันยังมีชีวิตอยู่อีก
3 วัน แต่วิญญาณมันออกจากร่างเร็ว พอออกมาเร็วก่อน 3 วันมันก็เลยไม่ได้กินอะไร เพราะยังไม่มีใครรู้ว่ามันตายมันจึงอด ๆ อยาก ๆ ไปเคาะประตูเรียกแม่ แม่ก็ไม่ได้ยินแม่ต้องตื่นขึ้นมาเห็นเองและถ้าแม่ไม่เรียกเข้าบ้านก็เข้าไม่ได้
 



ชีวิตหลังความตาย เรื่องที่ ๒
ตายทรมาน
~
หลวงปู่พุทธอิสระ ~



 



http://www.thummada.com/public_html/images/candle.gif



สถาปนิกคนหนึ่งเรียนจบแล้วพึ่งทำงานได้
2 เดือน ไปตรวจงานที่กำลังก่อสร้างอยู่ ขณะที่กำลังยืนดูเขาตอกเสาเข็ม หัวน๊อตที่ขันปั้นจั่นหลุดลงมาโดนกระหม่อมสมองยุบ ต้องนอนเป็นเจ้าชายนิทราอยู่ 3 เดือน พ่อแม่ไม่รู้จะทำอย่างไรเลยมาขอให้หลวงปู่ช่วย หลวงปู่ก็เลยบอกให้เอาเทียนที่ให้ไว้ไปจุดไว้ที่ปั้นจั่นอันนั้น แล้วนำเทียนกลับมาที่โรงพยาบาลที่ลูกนอนอยู่ พยายามอย่าให้เทียนดับเพื่อนำวิญญาณลูกมาเข้าร่าง เขาก็ทำตามที่บอกจนเรียบร้อย พอรุ่งเช้าลูกก็ฟื้นลืมตาปริบๆ เรียก "แม่" แล้วบอกว่า "ผมไปเฝ้าเสาเข็มอยู่ 3 เดือน" แค่นั้นแหละแล้วก็ตาย แม่เขาบอกว่าทำใจได้แล้ว เพราะเห็นสภาพลูกเป็นอย่างนั้นก็ขอให้ลูกตายสบายเถอะ

เห็นมั๊ย นี่คือเรื่องจริง ลูกพูดเพื่อจะเตือนให้แม่รู้ว่า ที่เขาไม่ฟื้นเพราะเขาไม่ได้อยู่ในร่าง แต่ไปเฝ้าเสาเข็มพอหัวน๊อตที่ปั้นจั่นหล่นมาโดนศรีษะปั๊บ ความตกใจบวกกับความเจ็บปวดและความกลัว เป็นพลังผลักดันฉุดกระชากวิญญาณให้หลุดออกไปจากร่าง

 
 



ชีวิตหลังความตาย เรื่องที่ ๓
วิญญาณข้างถนน
~
หลวงปู่พุทธอิสระ ~



 



http://www.thummada.com/public_html/images/night_road.jpg



คนนี้ทำงานธนาคารไปประสบอุบัติเหตุที่สระบุรี รถที่เขานั่งมาขับไปชนรถคนอื่น ตัวเขานั่งเบาะหลัง คอไปกระแทกด้านหลังเบาะแล้วสลบไปเลย
2 - 3 วัน หมอบอกว่าไม่ตาย แต่ว่าข้อกระดูกคอเคลื่อนไปกดทับเส้นเลือดที่ไปเลี้ยงสมอง ไม่มีโอกาสจะรักษา ผ่าตัดก็ไม่ได้ หลวงปู่สงสาร เพราะเขามีลูกเล็ก ๆ คนหนึ่ง บ้านก็เช่า และเมียก็รับจ้างซักเสื้อผ้า หลวงปู่ก็เลยช่วยเขา พอฟื้นขึ้นมาเขาก็เล่าให้เมียฟังว่า ช่วง 2 - 3 วันที่สลบไปนี้เขาอยู่บริเวณที่เกิดเหตุ เห็นพวกที่โดนรถชนตาย รถคว่ำตาย รถแข่งแซงกันตายมากมายยั้วเยี้ยะนั่งร้องห่มร้องไห้อยู่ข้างถนน ทรมานอยู่อย่างนั้น ไม่ว่าฝนตก ฟ้าร้อง หิวก็ไม่ได้กิน ไปไหนก็ไม่ได้ดูน่าสมเพช ฝ่ายพวกญาติๆก็ไม่รู้ ทั้งๆที่เผาไปแล้ว แต่วิญญาณก็ยังอยู่ตรงนั้นจนกว่าจะหมดกรรม แล้วจึงจะพ้นจากตรงนั้นไป

อย่างนี้เขาเรียกว่าสัตว์ทั้งหลายเป็นไปตามกรรม

 



ชีวิตหลังความตาย เรื่องที่ ๔
วิญญาณวนเวียน
~
หลวงปู่พุทธอิสระ ~


http://www.thummada.com/public_html/images/candle3.jpg



 

หมอปัญญาที่เป็นลูกศิษย์หลวงปู่เขาเล่าว่า ขับรถไปส่งเพื่อนที่สนามบิน กลับจากสนามบิน ประมาณตีหนึ่งกว่า ขากลับรถมาติดไฟแดงแถววิภาวดีรังสิต ตอนนั้นฝนตกพรำ ๆ มีเด็กคนหนึ่งมาเคาะกระจกรถเรียก พอไขกระจกลงเด็กบอกว่า
"น้าๆช่วยซื้อพวงมาลัยหนูหน่อยซิ พวงสุดท้ายแล้วหนูจะกลับบ้าน" หมอปัญญาสงสารจึงควักสตางค์ส่งให้เด็กก็ยื่นพวงมาลัยส่งให้ พอดีไฟเขียวก็เตรียมออกรถ หันมาอีกทีเด็กหายไปไหนไม่รู้ มารู้ทีหลังเมื่อ 2 อาทิตย์ที่ผ่านมาว่า มีเด็กขายพวงมาลัยโดนรถชนตายแถวนั้น ขณะที่ในมือเหลือพวงมาลัยพวงสุดท้าย
 
 



http://www.thummada.com/public_html/images/death_1.jpg





ทุกคนตายแล้วตกอยู่ในสภาพเดียวกัน


เห็นไหมว่าชีวิตหลังความตายไม่ใช่เรื่องตลก ไม่ใช่เรื่องที่หัวเราะกันได้ง่าย ๆ มันทรมาน อย่านึกว่าที่ทำ ๆ อยู่นี้พอแล้ว มีครอบครัว มีสมบัติ มีรถคันใหญ่ มีบ้านหลังโต มีเงินใช้ พอเราตายก็ไม่มีอะไรติดตัวไปได้ แม้แต่เงินใส่ปากสัปเหร่อยังงัดเอาไป

เพราะฉะนั้นบอกให้ฟังว่า ถ้าพวกเราเห็นว่าชีวิตหลังความตายเป็นอย่างไร พวกเราคงไม่กล้าเหลวแหลกเป็นแน่ คงไม่กล้าทำอะไรที่เป็นเหตุให้เมาประมาทขาดสติพวกเราทั้งหลายนี้ตายไปแล้วมีสภาพเดียวกัน


คือเป็นวิญญาณที่จะต้องล่องลอยไปตามยถากรรม คือกรรมนำไป


การมีชีวิตขอให้คิดว่ามันเป็นเรื่องยาก เพราะกว่าจะได้มาต้องต่อสู้ฝ่าฟันผ่านกระบวนการถือกำเนิดเกิดขึ้น อีกทั้งยังชักนำให้สรรพชีวิต สรรพสิ่ง สรรพธรรมชาติรอบข้างได้รับผลกระทบทั้งโดยตรง และโดยอ้อม สุขทุกข์ เจ็บปวด เปลี่ยนแปลงเจริญเติบโต สมหวัง ผิดหวัง

นอกจากนี้แล้วชีวิตที่ได้มายังเป็นภาระธุระให้ต้องบริหารจัดการ ซึ่งก็เริ่มต้นจากเรื่องเล็ก ๆ ใกล้ตัว และเรื่องใหญ่ ๆ ที่อยู่ไกลตัว ทั้งเรื่องเล็ก และเรื่องใหญ่ จะกลับกลายเป็นแรงกดดัน ที่ทำให้ชีวิตนี้มีปัญหา และเป็นภาระอันหนักอึ้ง ที่ต้องแบกรับเอาไว้จนบางขณะทำให้ผู้ที่เป็นเจ้าของชีวิตเองมีความรู้สึกว่า ทรมานเหลือเกิน หนักเหลือเกิน ลำบากเหลือเกิน เหนื่อยเหลือเกิน เจ็บปวดเหลือเกิน เศร้าเหลือเกิน และทุกข์เหลือเกิน สุดท้ายสิ่งที่ได้รับก็คือ
ความตาย

อีกทั้งไม่มีอะไรติดตัวเราไป แม้กระทั่งลูก เมีย ผัว ทรัพย์สมบัติ ญาติมิตร และศัตรู ข้าทาสบริวารหญิงชาย ฐานะหน้าที่การงาน ยศถาบรรดาศักดิ์

เมื่อตายไปในที่สุด ทำได้อย่างดีก็แค่มานอนให้เขาไหว้เรา แล้วก็ไม่แน่ใจว่าเขามาไหว้เราจริงหรือเปล่า เราจะได้อะไรจากการไหว้ครั้งนี้บ้าง

 
 
 



http://www.thummada.com/public_html/images/death_2.jpg





มีชีวิตเพื่ออะไร


ที่กล่าวมาแล้วนี้ เพื่อให้ท่านที่รักทั้งหลาย ได้ย้อนกลับมาทบทวนที่มาที่ไปของชีวิตว่า
อะไรกันแน่คือแก่นสารสาระของชีวิต
อะไรกันแน่คือสิ่งที่ได้จากการมีชีวิต
อะไรกันแน่คือสิ่งที่ชีวิตต้องการ
อะไรกันแน่คือค่าตอบแทนที่เราควรจะได้ต่อการทำงานหนักมาตลอดชีวิต อะไรกันแน่คือสิ่งที่ชีวิตนี้ แสวงหาอย่างแท้จริง

แล้วการที่เราหายใจเข้า หายใจออก พร้อมกับขวนขวายดิ้นรนให้ได้มาซึ่งทรัพย์สมบัติ ข้าทาสบริวาร เราทำไปเพื่ออะไร เราได้อะไรจากสิ่งที่ทำนี้ ใครตอบแทนต่อการกระทำอย่างนี้กับเราบ้าง

ลูกที่เรารักที่สุด ผัวที่เรารักที่สุด เมียที่เรารักที่สุด พ่อที่เรารักที่สุด แม่ที่เรารักที่สุด และตัวเราที่เรารักที่สุด ได้ให้อะไรต่อชีวิตเราบ้าง ทรัพย์สมบัติที่เราขวนขวายดิ้นรนหา เพื่อบำรุงบำเรอความสุขสมบูรณ์ให้เกิดขึ้นกับตัวเรา ผัวเรา เมียเรา ลูกเรา และพ่อแม่ของเรา เขาให้อะไรตอบแทนเราบ้างเมื่อเราตาย ดูมันช่างไม่ยุติธรรมเอาเสียเลย สำหรับชีวิตที่สู้อุตส่าห์ดิ้นรนขวนขวาย ดูมันช่างไม่ยุติธรรม เอาเสียเลยสำหรับชีวิตที่เหนื่อยมาตลอด เพื่อผู้อื่นต้องบอกว่าเหนื่อยเพื่อผู้อื่นเพราะเราไม่เคยทำอะไร ให้ตัวเองที่แท้อย่างจริงจังตลอดเวลาเราได้ทำงานทำหน้าที่เหล่านี้แล้วสิ่งเหล่านี้ให้ประโยชน์อะไร กับชีวิตหลังความตายของเราบ้าง อีกทั้งยังเป็นทาสให้กับคนอื่นตลอดมา แม้แต่เราประกอบอาชีพ ก็บอกว่าทำเพื่อลูก เพื่อพ่อแม่ บางคนค้านว่าทำไมจะไม่ใช่เพื่อตัวเอง เพราะถ้าผมไม่ประกอบอาชีพ ผมจะไม่มีกิน แล้วผมจะอยู่รอดได้อย่างไร หลวงปู่เลยบอกไปว่า แน่ใจแล้วหรือว่าอยู่รอด

คำว่าอยู่รอดนี้แสดงว่าไม่ตายสิ แต่ถ้าเรายังต้องแก่ ต้องเจ็บ ต้องตาย ต้องทรมาน ด้วยการกระทำของเรา จะเรียกว่าอยู่รอดได้อย่างไร ที่ถูกแล้วต้องพูดว่า อยู่ไปวัน ๆ เพื่อเป็นขี้ข้ากิเลส ขี้ข้าตัวเราเอง ขี้ข้าลูกเมีย อยู่ไปเพื่อจะเลี้ยงกิเลสให้เติบโตขึ้น เพื่อหล่อหลอมความทะยานอยากให้เจริญขึ้น พูดอย่างนี้มิใช่ว่าจะสนับสนุนให้มีชีวิตโดยไม่ต้องทำอะไร คิดอะไร พูดอะไรเลย แต่จะเป็นการทำพูดคิด ที่วิเคราะห์ใคร่ครวญ ทบทวนพิจารณาดูอย่างถี่ถ้วนแล้วว่า เราทำเพียงเพื่อหน้าที่ หน้าที่มีเพื่อพัฒนาจิตวิญญาณให้ได้ดี และเพื่อสาระที่จะมีหลังความตาย



http://www.thummada.com/public_html/images/Her1.jpg





กรรมนี้มีผล


ที่พูดมาทั้งหมดนี้ ก็เพื่อจะเตือนพวกเราว่า จงอย่าประมาทกรรมนี้มีผล โลกหลังความตายมีจริง จงพยายามสร้างพฤติกรรมที่เป็นกุศล อย่าเอารัดเอาเปรียบใคร มีจิตใจโอบอ้อมอารี มีไมตรีเอื้ออาทร ช่วยเหลือเผื่อแผ่อุดหนุนจุนเจือเขา เมื่อเราตกระกำลำบากจะได้มีคนช่วยเราบ้าง

การที่หลวงปู่ช่วยคนนั้นคนนี้ เพราะในอดีตพวกนี้เคยช่วยคนอื่นไว้ แต่ถ้าพวกเราไม่เคยช่วยใครเขาเลย ก็คงไม่มีใครมาช่วยเรา ผู้ไหว้ย่อมได้รับการไหว้ตอบถ้าเราไม่เคยไหว้ใคร ใครที่ไหนก็ไม่ไหว้เรา เราไม่เคยให้ใคร ใครก็จะให้เราไม่ได้ เราไม่เคยช่วยใคร พอเราลำบากยากแค้นแสนเข็ญ เลือดตาแทบกระเด็นอย่างไรก็นอนตายเหมือนหมาอย่างนั้น แล้วจะมาพูดว่าคนรอบข้างช่างไม่มีเมตตาไม่ได้

พระพุทธเจ้าทรงบอกว่านั่นเป็นกรรมของเขาช่วยไม่ได้

เพราะฉะนั้น พยายามช่วยตัวเองให้มาก ๆ ก็แล้วกัน อย่ามาหวังเกาะชายจีวรหลวงปู่เลย ถ้ามาเกาะกันเป็นพรวนอย่างนี้ หลวงปู่คงขึ้นสวรรค์ไปแบบไม่น่าดู เพราะจีวรยิ่งเปื่อย ๆ อยู่ พยายามสร้างที่พึ่งที่บริสุทธิ์พึ่งได้ตลอดเวลา
จากตัวเอง ด้วยตัวเอง
ความดีเท่านั้นที่ติดตัว


เมื่อทำความเข้าใจรู้จักสนิทสนมจนยอมรับได้ว่า
มีเกิด ก็ต้องมีตาย

ความตายเป็นสิ่งที่ตามมาตั้งแต่เกิด ญาติที่แสนสนิทใกล้ชิดกับเรามากที่สุด ยิ่งกว่าญาติอื่นใดก็คือ
ความตาย คราใดที่เราเห็นความตายเกิดขึ้นต่อครอบครัวเรา ต่อญาติพี่น้อง พ่อแม่ ลูกหลาน เราจะรู้สึกว่ามันเป็นเรื่องธรรมดา พอคิดว่าเป็นเรื่องธรรมดาแล้ว ความรู้สึกเศร้าโศก โศกาอาดูร ก็จะไม่เกิด เมื่อสิ่งเหล่านี้ไม่เกิด อำนาจ สมาธิ สมอง กำลังใจ และความสามารถที่เรามีอยู่ ก็มีพลังที่จะบริหารกิจการงานได้อย่างปกติ

หลวงปู่อยากฝากไว้ให้พวกเราทั้งหลาย ได้เพียรพยายามทำดี พูดดี คิดดี สลัด ตัดให้หลุด และห่างไกลความอัปรีย์ อย่าปล่อยให้ชีวิตมัวเมาประมาทขาดสติ เพราะสิ่งที่เอาไป ได้ตอนตายก็คือความดี คุณธรรมความดีที่เราบำเพ็ญมาชั่วชีวิต จะติดตัวเราไป ถ้าจะมา รอจนแก่แล้วค่อยทำความดี เราอาจจะไม่มีโอกาสทำดีก็ได้ เพราะความตายจะมาหาเมื่อ ไหร่ก็ไม่รู้ เพราะสิ่งที่ติดตัวตามเราไปได้หลังความตาย มีอยู่ด้วยกัน
2 อย่างคือ ความดี กับความไม่ดี คนฉลาดที่มีใจอารีย่อมปรารถนาทำพูดคิดดี ให้มีผลแก่ตัวเอง
~
หลวงปู่พุทธอิสระ ~
 
 
จงอยู่อย่างมีประโยชน์



http://www.thummada.com/public_html/images/buddha_death.gif



พระพุทธเจ้าพระองค์ทรงตรัสวาจาสุดท้ายก่อนจะดับขันปรินิพานว่า


"
ดูกรภิกษุทั้งหลาย จงยังประโยชน์ตนและประโยชน์ท่านให้ถึงพร้อม ด้วยความไม่ประมาทเถิด"

ประโยชน์ก็คือ ทำส่วนที่ดีให้แก่ตนเอง ทำให้ตัวเองลุถึง
ความฉลาด สะอาด สว่าง และสงบ แม้ในขณะที่กำลังประกอบกิจกรรมการงานทั้งส่วนตน และคนอื่นอย่างสันติสุข

ส่วนประโยชน์ตนก็คือ การทำหน้าที่อย่างไม่บกพร่องถูกต้องในสถานะที่มี เป็นผัวก็ทำหน้าที่ผัวให้ดี เป็นพ่อก็ทำหน้าที่พ่อให้ดี เป็นเมียก็ทำหน้าที่เมียให้ดี เป็นแม่ก็ทำหน้าที่ให้เหมาะสมกับเป็นแม่ที่ดีของลูก เป็นลูกก็เป็นลูกที่ดีของพ่อแม่ เชื่อถ้อยฟังคำ ซื่อสัตย์ กตัญญูรู้คุณ และตอบแทนคุณของบิดามารดา เป็นครูก็ต้องทำตัวให้น่าเคารพศรัทธา เป็นศิษย์ก็ขวนขวายแสวงหาวิชาให้มีปัญญารักษาตัวรอด

เมื่อบุคคลทุกผู้ทุกนามในสังคมนี้ถูกต้อง ไม่บกพร่องต่อหน้าที่ ทำพูดคิดมีแต่เรื่องดี เช่นนี้ถือได้ว่ากำลังด

หมายเลขบันทึก: 322181เขียนเมื่อ 22 ธันวาคม 2009 16:06 น. ()แก้ไขเมื่อ 12 กุมภาพันธ์ 2012 11:32 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (1)

สวัสดี ครับ

ชีวิตหลังความตาย...เป็นสิ่งที่....ตัวเองคิดเสมอมา

ทุกครั้งที่คิด...สิ่งที่คิดตาม และมักปฎิบัติอยู่บ่อย ๆ คือการทำบุญ

บุญ...เป็นสิ่งที่อยู่ทั้งขณะที่ตัวเองยังมีชีวิตอยู่  และล่องลอยไปกับเราเมื่อ ถึงเวลาที่เราละจากโลกนี้ไปแล้ว

.....

ขอบพระคุณ บันทึก ที่นำมาให้อ่าน นะครับ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท