ฟ้าทลายโจรเป็นพืชสมุนไพรที่รู้จักกันมานานและมีชื่อเรียก กันหลายอย่างตาม แต่ละท้องถิ่น เช่น น้ำลายพังพอน ชวงซิมน้อย เจ็งเกี้ยงฮี่ ฟ้าสาง หญ้ากันงู สามสิบดี เขยตายายคุม ฟ้าทลายขุนโจรห้าร้อย ฟ้าสะท้าน เป็นต้น บางทีชาวจีนก็เรียกฟ้าทลายโจรว่า " ซิปังกี่โขว่ เช่า" ซึ่งหมายถึงพืชที่มีลำต้นสี่เหลี่ยม มีรสขม อันเป็นความหมายที่ชัดเจนและตรงกับ ลักษณะเด่น ของพืชสมุนไพรชนิดนี้มากกว่าคำว่า "ฟ้าทลายโจร" และทุกส่วนของต้นฟ้าทลายโจรนั้นจะมีรสขมถึงกับมีการขนานนามพืชชนิดนี้ว่า "เจ้าแห่งความขม" (King of the bitterness)
ฟ้าทลายโจรมีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Andrographis paniculata Wall.ex nees จัดอยู่ในวงศ์ Acanthaceae จัดเป็นไม้พุ่มเตี้ยตระกูลเดียวกับ กะเพรา โหระพา ต้อยติ่ง และทองพันชั่ง ลำต้นเป็นสี่เหลี่ยมสูงประมาณ 70 เซนติเมตร ลักษณะใบเรียวยาว ปลายใบแหลม สีเขียวเข้มเป็นมัน ขอบใบมีรอยหยัก เล็กน้อย ใบเป็นใบเดี่ยวออกตรงข้ามกัน ดอกเป็นดอกเดี่ยวเล็ก ๆ สีขาว ด้านในมีรอยกระสีม่วงแดง ฝักคล้ายฝักต้อยติ่ง ฝักแก่จะเป็นสีน้ำตาล เมื่อแตกออกจะมีเมล็ดเล็ก ๆ นำไปขยายพันธุ์ได้ พบได้ทั่วไป ในเขตร้อน เช่น อินเดีย จีน ไทย สำหรับทางภาคใต้ของประเทศไทยนั้นนิยมปลูกตามบ้าน และยังพบขึ้นตามป่าดงดิบ ป่าสน ป่าก้อ และป่าเต็งรัง
สนใจข้อมูลเพิ่มเติม สามารถศึกษาได้ที่ http://www.elib-online.com
ฟ้าทลายโจรมีฤทธิ์ลดไข้ ต้านการอักเสบ ลดอาการจากการหวัด ลดการแบ่งตัวของเชื้อไวรัส จึงทำให้เชื้อไวรัสเข้าสู่เซลล์ได้ยากขึ้น ยังกระตุ้นภูมิคุ้มกัน ทำให้มีร่างกายสามารถต่อสู้กับเชื้อไวรัสได้ดีขึ้น
ฟ้าทลายโจรเป็นยาจากสมุนไพรในบัญชียาหลักแห่งชาติของประเทศไทย มีข้อบ่งใช้ในการบรรเทาอาการของโรคหวัด (Common cold) เช่น เจ็บคอ ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ น้ำมูกไหล และบรรเทาอาการท้องเสียไม่ติดเชื้อ
คำถาม: ฟ้าทะลายโจรมีความปลอดภัยมากน้อยเพียงใดในการใช้เพื่อการรักาอาการเนื่องจากหวัด
คำตอบ: ฟ้าทะลายโจรมีการทดสอบความเป็นพิษที่ครบถ้วนทั้ง 3 ระยะ กล่าวคือ พิษเฉียบพลัน พิษกึ่งเรื้อรังและพิษเรื้อรัง พบว่าฟ้าทะลายโจรมีความปลอดภัยในการรับประทานในระยะยาว
............................................
คำถาม: ฟ้าทะลายโจรควรใช้เมื่อใด
คำตอบ: ฟ้าทะลายโจรควรใช้เมื่อมีอาการของหวัดอาการใดอาการหนึ่ง เช่น เจ็บคอ ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ หรือมีน้ำมูก โดยอาการเจ็บคอรับประทานครั้งละ 3-6 กรัมวันละ 4 ครั้ง ส่วนการบรรเทาอาการหวัดให้รับประทานครั้งละ 1.5-3 กรัมวันละ 4 ครั้ง โดยแนะนำให้รับประทานติดต่อกันไม่เกิน 7 วัน หากอาการไม่ดีขึ้นควรรีบไปพบแพทย์
...........................................
คำถาม: ฟ้าทะลายโจรออกฤทธิ์อย่างไรในการต้านหวัด
คำตอบ: ฟ้าทะลายโจรมีกลไกการออกฤทธิ์ 3 กลไกล่าวคือ ฟ้าทะลายโจรมีฤทธิ์ลดไข้ ต้านการอักเสบ (Ant-inflammation) และลดอาการจากการหวัด มีฤทธิ์ลดการแบ่งตัวของเชื้อไวรัสและทำให้ความสามารถของเชื้อไวรัสในการเกาะ ติดกับผนังเซลล์ลดลง จึงทำให้เชื้อไวรัสเข้าสู่เซลล์ได้ยากขึ้น และสุดท้ายฟ้าทะลายโจรมีฤทธิ์กระตุ้นภูมิคุ้มกัน ทำให้มีร่างกายสามารถต่อสู้กับเชื้อไวรัสได้ดีขึ้น
.......................................................
คำถาม: ฟ้าทะลายโจรสามารถใช้ป้องกันการเกิดหวัดได้หรือไม่
คำตอบ: ฟ้าทะลายโจรมีการใช้เพื่อการป้องกันหวัดมาอย่างยาวนานในประเทศจีน และมีรายงานการวิจัยว่าฟ้าทะลายโจรช่วยกระตุ้นภูมิคุ้มกันได้ทั้งแบบจำเพาะ คือ การสร้างแอนตี้บอดี้ (Antibody) เพื่อต่อต้านสิ่งแลกปลอมที่เข้ามาในร่างกาย และภูมิคุ้มกันแบบไม่เฉพาะเจาะจง คือ การกระตุ้นให้เม็ดเลือดขาวชนิดแมคโคฟาจ (Macrophage) ให้จับกินเชื้อโรคได้ดีขึ้น มีการวิจัยในต่างประเทศที่ทำในเด็กนักเรียน 107 ราย ให้รับประทานฟ้าทะลายโจรที่ควบคุมสารสำคัญ คือ แอนโดรกราฟโฟไลด์ (Andrographolide) ให้มีความเข้มข้น 4% ต่อวัน ในฤดูหนาวนาน 3 เดือน พบว่าอัตราการเกิดหวัดในกลุ่มที่ได้รับฟ้าทะลายโจรน้อยกว่ากลุ่มควบคุมอย่าง มีนัยสำคัญ (30%) เทียบกับ 62% ในกลุ่มยาหลอก ดังนั้นจึงแนะนำให้รับประทานฟ้าทะลายโดยเทียบกับปริมาณสารสำคัญคือ แอนโดรกราฟโฟไลด์ (Andrographolide) ประมาณ 8% ต่อวัน หรือประมาณ 1-2 แคปซูลต่อวัน
คำถาม: ฟ้าทะลายโจรมีข้อห้ามหรือข้อควรระวังในการใช้อะไรบ้าง
คำตอบ: ห้ามใช้ในสตรีตั้งครรภ์และให้นมบุตร เนื่องจากมีการศึกษาในหนูทดลองพบว่าน้ำต้มฟ้าทะลายโจรมีผลทำให้หนูแท้งได้ และห้ามใช้ในการบรรเทาอาการไข้หรือเจ็บคอจาการติดเชื้อแบคทีเรีย Streptococcus group A ซึ่งมีอาการรุนแรง ซึ่งการติดเชื้อแบคทีเรียกลุ่มนี้อาจทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนตามมา เช่น ไข้รูห์มาติค โรคหัวใจรูห์มาติคและไตอักเสบ
.......................................
คำถาม: รับประทานฟ้าทะลายโจรและทำให้กล้ามเนื้ออ่อนแรง หรือทำให้โลหิตจางจริงหรือไม่
คำตอบ: ตามทฤษฏีการแพทย์แผนไทยและแผนจีนจัดฟ้าทะลายโจรเป็นยารสเย็น หมายถึง เมื่อรับประทานฟ้าทะลายโจรแล้วทำให้อุณหภูมิในร่างกายลดลง จึงนำมาใช้เป็นยาลดไข้ ซึ่งเมื่อรับประทานยาเย็นติดต่อกันนาน ๆ (แต่นานเท่าใด ในทางการแพทย์ไม่สามารถระบุได้เนื่องจากขึ้นกับธาตุพื้นฐานของร่างกาย ถ้าร่างกายมีความเย็นมากก็อาจเกิดได้เร็ว แต่ถ้าร่างกายมีความร้อนสะสมมากก็อาจจะเกิดช้า) ก็อาจจะทำให้เกิดภาวะความดันโลหิตต่ำ แขนขาชา กล้ามเนื้ออ่อนแรง หรือความเข้มข้นของเลือดลดลง อาการต่าง ๆ เหล่านี้สามารถกลับมาสู่ปกติได้เมื่อหยุดรับประทานยารสเย็น ซึ่งจากรายงานการวิจัยต่าง ๆ ของฟ้าทะลายโจรก็ไม่พบผลข้างเคียงดังกล่าว แต่อย่างไรก็ตามเพื่อความปลอดภัยของผู้บริโภคจึงขอแนะนำให้รับประทานฟ้า ทะลายโจรดังนี้
การรับประทานเพื่อการป้องกันหวัดให้รับประทานเพียงวันละ 1-2 แคปซูลเท่านั้น และรับประทานได้ติดต่อกันไม่นานเกิน 3 เดือน
การ รับประทานเพื่อ บรรเทาอาการเจ็บคอรับประทานครั้งละ 3-6 กรัมวันละ 4 ครั้ง ส่วนการบรรเทาอาการหวัดให้รับประทานครั้งละ 1.5-3 กรัมวันละ 4 ครั้ง โดยรับประทานติดต่อกันไม่เกิน 7 วัน
.........................................................
ที่มาศูนย์ข้อมูลสมุนไพร โรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร
ต.ท่างาม อ.เมือง จ.ปราจีนบุรี
ฟ้าทลายโจรหน้าบ้านผมนี้ไม่ได้เอามาปลูกหรอกครับ เท่าที่จำได้มันติดกระถางต้นไม้มา เห็นมันเข้าเลยเอาไปขุดฝังไว้ ไม่นานนัก มันก็งอกงามเป็นดงเป็นกอ ตัวเองไม่ได้นำมาทานเลย เพราะมีแต่คนขอ
แค่อยากเอารูปมาให้ชมแหละครับ เห็นว่ามันสวยดี
แต่คิดอีกทีเอาสาระใส่ไปนิดน่าจะดีกว่า
แต่..โปรดศึกษาเพิ่มเติมให้รู้ถึงคุณและโทษก่อนใช้นะครับ
ดอกของฟ้าทลายโจร สวย น่ารักดีนะครับ ผมเพิ่งเห็นชัดๆก็วันนี้
หลายท่านบอกว่า รักษาอาการของไข้หวัดได้อย่างชะงัด
ขอบคุณครับสำหรับภาพสวยๆครับ
ขอให้สุข สดชื่น สมหวัง ตลอดปี ๒๕๕๓ และตลอดไปค่ะ
มีผู้รู้ท่านหนึ่งเป็นวิทยากรบรรยายบ่อยๆ ท่านบอกว่าอมใบฟ้าทลายโจรสดหรือแห้งก็ได้ไว้ในกระพุ้งแก้มเวลาพูด จะไม่เจ็บคอครับ
*สวัสดีปีใหม่ครับ*
เพิ่งเคยเห็นดอกฟ้าทะลายโจร กระจุ๋มกระจิ๋ม น่ารักจังค่ะ
ชมดอกไม้งาม ฝีมือเซียนจับภาพมาครบปีแล้ว ขอถือโอกาสอวยพรส่งความสุขเทศกาลปีใหม่ ให้สุข สดชื่น แจ่มใส ดั่งดอกไม้บาน นะคะ
นำข้อมูลฟ้าทะลายโจรภาคปฏิบัติมาเสริมค่ะ
สวัสดีปีใหม่ค่ะ
มีความสุขเยอะนะค่ะ
ที่บ้านมีปลูกด้วยค่ะ
แต่ขมมากเลยค่ะ
เลยไม่กล้ากิน