ได้รับมอบหมายจากผู้จัดการสำนักงานพัฒนาองค์กรและนวัตกรรม ให้ไปช่วยเป็น Faciltator workshop หน่วยงาน R&D เพื่อค้นหาวิธีคิด วิธีทำงานที่ตอบโจทย์องค์กร
ผู้ประสานงานหลัก คือ ผู้จัดการบุคคลที่ดูแลพนักงานกลุ่มนี้ ให้ข้อมูลว่า พนักงานกลุ่มนี้เป็น hard core จะทำกิจกรรมไร้สาระไม่ได้ เคยได้ยินมาว่า ไม่ชอบเล่นเกม ไม่ชอบดูหนัง ฟังเพลง อยากได้อะไร ก็มุ่งสู่เป้าหมายตรงๆ
เมื่อก่อน หากได้ยินข้อมูลแบบนี้ ก็คงกังวลใจว่า จะหากิจกรรมอะไรมาสร้างบรรยากาศการเรียนรู้ และทำอย่างไรที่จะดึงความคิดออกมาแบบ slow mode และใช้กระบวนการที่แนบเนียนที่สุด
การดำเนินกิจกรรมครั้งนี้ สร้างความหนักใจที่ ต้องเป็นผู้นำคนเดียว คนที่มาช่วยไม่เคยทำงานเข้าขากันมาก่อน และไม่เคยเป็น facilitator เลย แรกทีเดียว จะชวนน้องจากธุรกิจอื่นมาช่วยกัน
แต่สุดท้าย เขาไม่ว่าง ประกอบกับ ผู้เข้าร่วม workshop จำนวนลดลงเหลือเพียง 15 คน ความยากจึงเปลี่ยนไปอีกอย่าง ในที่สุด ธรรมะจัดสรรมาให้ ก็ดีเหมือนกัน ถ้ามากันมากๆ อาจจะวุ่นวายจนยากจะจัดการได้
เมื่อลงมือคิดได้โครงคร่าว ส่วนรายละเอียดตามมาแบบปิ๊งแว๊บ ตอนนั่งสมาธิ หรือ ฝึกชี่กง หรือตอนอาบน้ำ ทำให้กิจกรรมทั้งหมดมีมาก จนผู้ประสานงานบอกว่า มากเกินไป ดูแน่นไปหมด ก็เลยบอกไปว่า เตรียมไปมากดีแล้ว ตัดออกน่ะง่าย แล้วก็ใช้วิธี improvise ดูหน้างานอีกที
กิจกรรมใน 1 วันประกอบด้วย
จากกิจกรรมทั้งหมดใน 1 วัน สุดท้ายให้ทำ reflection หลายคนบอกว่า เป็นการเรียนรู้กระบวนการที่ดึงความคิด ความรู้สึกของคนออกมาได้ดีมาก และไม่เคยผ่านกระบวนการแบบนี้มาก่อน ได้เห็นตัวอย่างดีๆ จาก IDEO และเรื่องเล่าของพี่ สร้างแรงบันดาลใจ
เมื่อฟัง reflection แล้ว ก็หายเหนื่อย และเป็นไปอย่างที่คาดไว้
ในความเป็นมนุษย์ ไม่ว่าจะทำงานด้านใด hard core ขนาดไหน ก็หนีไม่พ้นความต้องการที่เหมือนๆ กัน คือ ต้องการให้คนเห็นคุณค่า ความสำคัญ มีคนมารับฟัง ต้องการการยอมรับ ต้องการความรัก และมีความเมตตา กรุณา อยู่ในจิตใจ เพียงแต่ทุกวันนี้ ความเครียด ความกดดัน ความเร่งรีบในชีวิต มาบดบังสิ่งเหล่านั้นไว้
ถ้าเราต้องการเข้าถึงใจใคร ต้องหาให้พบว่า อะไรคือจุดที่ sensitive สำหรับเขามากที่สุด ถ้าเขาได้รับความเข้าใจจากเรา เขาก็จะเป็นมิตรกับเราเกิด connection กันได้ไม่ยาก
คนเก่งคนขยัน ต้องยกให้น้องส้ม สบายดีนะค่ะไม่ได้เจอเสียนาน ตอนงานร่มธรรมเมื่อ19-20 กย.แอบหวังไว้เล็กๆ ว่าจะได้เจอส้มที่นั่นค่ะ