เรื่องร้าย


เธอเกิดมาเป็นส่วนหนึ่งของธรรมชาติ ไม่มีอะไรติดตัวมา ตายไปก็กลับคืนสู่ธรรมชาติโดยไม่มีอะไรติดตัวไป แล้วเธอจะเป็นเจ้าของอะไรได้เล่า

14.เรื่องร้าย

 

            “ฟอง !” พู่กลิ่นตะโกน วิ่งเข้าไปหาฟองทะเลที่ริมขุมเหมือง

            “พู่กลิ่นมีอะไรหน้าตาตื่นมาเชียว” ฟองทะเลลุกขึ้น ปัดก้น

            “ไหลน้ำกับวาหว่านะสิ กำลังทะเลาะกัน” พู่กลิ่นละล่ำละลัก

            “เกิดอะไรขึ้น ?”

            “สวนร้างนั่นแหละ”

            “ทำไมหรือ ?”

            “วาหว่ากั้นอาณาเขตสวนร้าง ไหลน้ำโกรธใหญ่เลย  เขาชวนดอกหมากกลับบ้านไปเอาปืน” พู่กลิ่นพูดเสียงสั่น

            “ตายละยุ่งละสิ ! เอาอย่างนี้นะ พู่กลิ่นคอยห้ามไหลน้ำกับดอกหมากไว้ ส่วนฟองจะไปคุยกับวาหว่าเอง”

            “ตกลง”

            ก่อนถึงปากทางเข้าเนินดิน ฟ้าครามเดินทอดน่อง ผิวปาก ฮัมเพลง ใช้กิ่งไม้กวัดไกวต้นหญ้าข้างทาง

            “ฟ้าครามมานี่ก่อน” ฟองทะเลตะโกนเรียก

            เขาหยุดกึก สาวเท้ามาหาเธอ

            “เห็นวาหว่าบ้างไหม ?”

            “ไม่ ! มีอะไรหรือ ?”

            “ไหลน้ำกับดอกหมากไปเอาปืน ฟองสงสัยว่าเขาจะเอาไปยิงวาหว่า”

            “เธอพูดเล่นหรือเปล่า”

            “ไม่เชื่อตามพู่มา” พู่กลิ่นฉวยข้อมือฟ้าคราม ฉุดเขาผ่านเนินดิน มุ่งสู่ทางเข้าสวนร้าง

            สายลมกระโชก เชือกฟางสั่นพลิ้ว ฟ้าครามก้มหน้าอ่านแผ่นกระดาษ

            “วาหว่าเอาจริงวุ้ย” ฟ้าครามทำเสียงทะเล้น

            “ทำเป็นตลกไปได้ ฟองจะไปห้ามวาหว่า”

            “ที่ไหน ?”

            “บ้านเขา ฟองไปละ”

            “ไปด้วย” ฟ้าครามชูมือขึ้น

            “เดี๋ยวสิ อยู่กับพู่ คอยห้ามไหลน้ำและดอกหมากที่นี่” พู่กลิ่นเอื้อมมือรั้งเขา

            แสงตะวันยามสายทอดตัวลอดพุ่มไม้ยางพารา ทิ้งกายเป็นม่านระย้า น้ำยางสีขาวขุ่นเกาะตามรอยเปลือกไม้เป็นเทือก กะลามะพร้าวตัวเมียเต็มไปด้วยคราบเหลืองปนดำแห้งเกรอะกรังแขวนห้อยกับโคนต้นยางพารา บางอันเก่าคร่ำคร่าหล่นสู่พื้นกลิ้งหลุน ๆ นอนนิ่งระหว่างทางเดิน

            ฟองทะเลวิ่งเข้ามาในสวนยาง ร้องเรียก “วาหว่า ! วาหว่า !”

            “ใครนะ ?” หญิงวัยกลางคนโผล่หน้าจากกระท่อม เอ่ยถาม

            “ฟองทะเลคะ วาหว่าอยู่มั้ยค่ะ ?”

            “ไม่อยู่แล้วหนู ออกไปตั้งแต่เช้า”

            “ขอบคุณคะ”

            ฟองทะเลวิ่งออกไปสะดุดกะลามะพร้าว มันกระดอนไปแอบอิงใต้ต้นยางพารา เธอวิ่งมายังขุมเหมือง กระหืดกระหอบ “แม่วาหว่าว่า ‘เขาออกมาจากบ้านแล้ว’”

            “ไปไหนละทีนี้” ฟ้าครามหงุดหงิด

            “พู่ว่า วาหว่าต้องมาที่นี่แน่ ๆ”

            “อยู่ด้านใน ตามฟองมา” ฟองทะเลดีดนิ้ว

            ฟองทะเลนำพู่กลิ่นและฟ้าครามเดินลัดเลาะเลียบตามริมขุมเหมือง พากระโดดขึ้นฝั่ง รอดกิ่งต้นมะม่วงหิมพานต์ มุ่งตรงไปที่บ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์

            “วาหว่า  วาหว่า”

            “ยูฮูๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ! อยู่ไหน”

            “เงียบ...ไม่มีเสียงตอบ”

            “วาหว่า...”

            “สงสัยไม่มาแถวนี้ ไปหาที่อื่นเถอะ” ฟ้าครามเสนอ

            “เดี๋ยวหลง” พู่กลิ่นฉุดแขนฟองทะเล

            “ตามฟองมาอย่าเดินคลาดกัน”

           “แต่...” พู่กลิ่นลังเล

            “เชื่อฟอง ฟองโตแถวนี้”

            ฟ้าครามหันหน้ายิ้มให้พู่กลิ่น เธอแลบลิ้นออกมา เขาใช้นิ้วมือดึงลิ้น เธอหดลิ้นทันพลัน ฟาดฝ่ามือเขา “ทะลึ่ง !”

            “แลบทำไมละ ?”

            “เวลาหน้าสิ่วหน้าขวาน ยังเล่นกันอีก รีบมาเถอะ” ฟองทะเลหันมาดุ

            พู่กลิ่นหันมายิ้มให้ฟ้าคราม เขาแลบลิ้นใส่ ทั้งสามเดินไปสุดชายป่าที่แนวเชือกฟาง เดินลัดเลาะ คอยหลบกิ่งไม้ไปตามแนวเส้นเชือก

            “โอ้โห ! วาหว่าผูกเชือกยาวขนาดนี้เชียว กี่กิโลเมตรนี่” พู่กลิ่นประหลาดใจ

            “ลองวัดดูซี่จ๊ะ” ฟ้าครามยั่วล้อ

            “ไว้วันหลัง วันนี้ต้องหาวาหว่าให้พบ และหยุดไหลน้ำกับดอกหมาก” ฟองทะเลปราม

            ปัง !

            “โอ๊ย !”

            “มาทางนี้เร็ว” ฟองทะเลวิ่งไปตามเสียง พู่กลิ่น ฟ้าครามตามหลังติด ๆ

            “ยิงกันแน่ ๆ เลย ใครตายบ้างไม่รู้” ฟ้าครามว่า

            “บ้าเหรอ พูดเป็นลาง สาปแช่งเพื่อนตัวเอง” พู่กลิ่นเอ็ด

            มดแดงฝูงหนึ่งไต่ขึ้นบนคาคบไม้เป็นแถวตอนเรียงเดี่ยว ตัวล่างเหยียบตัวบนคลานขึ้นไป ใช้ปากคาบปลายใบไม้ม้วนขึ้น อีกตัวรี่เข้ามาช่วยงับขอบใบ ม้วนใบเข้ามาเรื่อย ๆ กระรอกสีดำวิ่งขย่มบนกิ่งไม้ แรงสะเทือนส่งให้มดแดง ณ ปลายใบตัวสุดท้ายห้อยต่องแต่งร่วงสู่พื้น ลอยลิ่วลงกลางกระหม่อมไหลน้ำ เขากุมหัวเหลียวซ้าย แลขวา หน้าตาเหรอหรา ทรุดตัวลง

            “ลูกผู้ชายอย่าลอบกัด ออกมาสู้ตัวต่อตัว” ดอกหมากเอ็ดตะโรลั่น

            ฟองทะเลวิ่งหน้าตาตื่น “ไหลน้ำเป็นอย่างไรบ้าง ใครทำร้ายเธอ”

            “วาหว่า”

            “ไหนขอดูหัวหน่อย”

            ไหลน้ำปล่อยมือ ฟองทะเลลูบศีรษะ หงายดูฝ่ามือ งงงัน “ไม่มีเลือด”

            “สงสัยกระสุนปืนปลอม ไม่ใช่กระสุนจริงหรอก” ดอกหมากตั้งข้อสังเกต

            “ทีผมบ้าง” ไหลน้ำสไลด์ปืน เป็ก ! ชูขึ้นฟ้า

            “เธอจะบ้าเหรอ” ฟองทะเลคว้าแขนไหลน้ำ ดึงลง

            “ใช่ !”

            “อย่าเลย พอเถอะ” พู่กลิ่นขอร้อง

            “กระสุนเทียมไม่ตายหรอก อย่างมากตาบอด” ดอกหมากโพล่งขึ้น

            “นั้นแหละ ไม่ว่าจะจริงหรือไม่ ไม่ดีทั้งนั้น” ฟองทะเลเน้นเสียง

            “มันยิงผมก่อน” ไหลน้ำสวนควัน

            “จะยิงกันไปยิงกันมาได้อะไรเล่า เจ็บทั้งคู่” ฟองทะเลเสียงเครียด

            กึกๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ! เสียงเล็ดลอดจากกอหญ้า พู่กลิ่นกระโดดหนีเกาะแขนฟ้าครามแน่น

            “มีอะไรพู่ ?”

            พู่กลิ่นชี้ไปที่กอหญ้า รถถังขนาดยาวหนึ่งฟุต สูงครึ่งฟุต แล่นออกมา ส่ายกระบอกปืนไปมา

            “ฮา ! ฮา ! ฮา !” ฟ้าครามหัวเราะลั่น

            ดอกหมากโยกคันบังคับ กระบอกปืนรถถังขยับ เล็งมายังฟ้าคราม ดอกหมากกดปุ่มบังคับ ปุ้ง ! กระสุนจากรถถังพุ่งทะยาน ฟ้าครามก้มหลบ โวยวาย “บ้าเหรอ ! เดี๋ยวโดนลูกกะตา”

            “อยากหัวเราะทำไม”

            รถถังแล่นทะยานทับกองใบไม้ ขยับกระบอกปืน ยิง ปุ้ง ! กระสุนพุ่งกระทบหมวกกันน็อควาหว่า แก๊ง ! วาหว่ายิงสวนกลับ ปัง ! แต่ละคนวิ่งก้มตัว กระสุนพุ่งปะทะแก้มฟองทะเล

             “โอ้ย !” ฟองทะเลร้องลั่น ทรุดลง น้ำตาคลอเบ้า

            วาหว่าวิ่งออกมา “ฟอง ผมขอโทษ”

            ไหลน้ำใช้ปืนจ่อหัววาหว่า พู่กลิ่นปัดปืนกระแทกเสียง “พอกันที เกมบ้า ๆ”

            “ผู้หญิงไม่เกี่ยวถอยไป” ไหลน้ำผลักพู่กลิ่น แผดเสียง เขายกปืนขึ้นเล็ง

            ฟองทะเลลุกขึ้นยืนบังร่างวาหว่า ปากกระบอกปืนประชิดทรวงอกเธอ ฟ้าครามยืนนิ่งตะลึง หน้าถอดสี ดอกหมากทิ้งคันบังคับ กระโดดจับวาหว่า เขาไหวตัว พุ่งหนี

            “ฝากไว้ก่อน” วาหว่าตะโกนลับหลัง

            ฟองทะเลยืนนิ่งจ้องตาไหลน้ำเขม็ง ดวงตาเธอแดงกล่ำ น้ำตารื้น “วางปืนลงเถอะ ฟองขอร้องอย่ายิงกันเลย ค่อย ๆ พูดจากันนะ”

            “กลับ” ไหลน้ำลดปืนลง พูดเบา ๆ

            “เราจะทำอย่างไรดี เรื่องไม่จบลงง่าย ๆ แน่” ฟ้าครามเปิดปาก

            “ข้างนั้นก็เพื่อน ข้างนี้ก็เพื่อน” พู่กลิ่นเสริม

            “ต้องไม่ให้พวกเขาทำร้ายกัน ยุติต้นเหตุของเรื่อง” ฟองทะเลยกแขนซับน้ำตา

            “เราจะทำได้หรือ ?” พู่กลิ่นข้องใจ

            “ได้สิ” ฟองทะเลมั่นใจ

            “ไม่ง่าย” ฟ้าครามพึมพำ

            “แต่จะลองดู” ฟองทะเลกล่าว

            “งั้น ! ไปกันเถอะ ไปหาไหลน้ำกับดอกหมาก” ฟ้าครามเน้นเสียง

            มดแดงฝูงนั้นเกาะเกี่ยวเป็นแถวยาวเรียงหนึ่งห้อยโตงเตงกลางเวหา ขาหลังมดแดงตัวล่างสุด กระดุบ กระดิบ สายลมพัดแถวมดแดงแกว่งไกว มดแดงตัวล่างหลุดลอยเคว้งคว้างหล่นสู่พื้น ตัวถัดไปเหยียดขาสุดแรงเกิด ตีลังกาม้วนหน้าไต่ตัวบนขึ้นยอดไม้ มดตัวอื่นไต่เรียงแถวขึ้นบนรังรูโบ๋วบนง่ามไม้

            “ตั้งแต่ที่นี่มีแสงสีเขียวพุ่งใส่ ใครรู้บ้างว่ามีอะไรเกิดขึ้น ?” ฟ้าครามสงสัย

            “ไม่มี ทุกอย่างเป็นเหมือนเดิม” ฟองทะเลส่ายหน้า

            “เธอรู้ได้ไง ?”

           “ฟองสำรวจทั่วแล้ว ตั้งแต่เมื่อวาน”

            “ไม่มีอะไรจริง ๆ หรือ ?” ฟ้าครามย้ำ

            “สาบานได้” ฟองทะเลแบมือ ชูขึ้นระดับสายตา

            จากข้างในสวนร้าง พวกเขายกขบวนออกมาทางปากทางเข้าด้านหน้า อ้อมผ่านบ้านฟองทะเลไปด้านหลัง เดินแถวตอนเรียงเดี่ยวบนท่อนซุงข้ามลำคลองเล็ก ๆ ลัดเลาะไปตามพื้นเฉอะแฉะสู่ถนนดินแดง ดาหน้าขึ้นเนิน เลี้ยวลงจนถึงบริเวณนากุ้งกุลาดำบ้านของไหลน้ำ

            ใต้ต้นยางพารา ดอกหมากหยิบดินเหนียวปั้นเป็นเส้นยาว ดึงออกมาเป็นท่อน ใช้ฝ่ามือคลึงดินเหนียวเป็นก้อนกลม วางตากแดดเต็มพรืด

            ไหลน้ำสาวเท้า หยิบขวดพลาสติกตั้งเรียงแถวหน้ากระดานบนโต๊ะหินขัดสีขาว เขาเดินถอยออกมาสไลด์ลำเลื่อนเหนี่ยวไก ยิงขวดพลาสติกทีละขวด ๆ

            “ดอกหมากปั้นกระสุนไปทำไม ?” ฟ้าครามเลียบเคียง

            “เอาไปยิงวาหว่า” ดอกหมากหยิบหนังสติ๊กไม้สองง่าม ฉวยดินเหนียวก้อนกลมใส่แผ่นหนังสี่เหลี่ยมเล็ก ๆ เหนี่ยวสายยางสุดแรงเกิด ปล่อยลูกกระสุนพุ่งชนขวดพลาสติก ขวดกระเด็นล้มลง กลิ้งบนพื้น เขายิ้มน้อยยิ้มใหญ่ “แม่นมั้ย”

            “แม่น...แต่จะได้ประโยชน์อะไร ?” ฟองทะเลขัดจังหวะ

            “ศัตรูจะได้บาดเจ็บ”

            “วาหว่านั้นหรือ ?”

           “ช่าย !” ไหลน้ำลากเสียง ลดปืนลง

            “เขาเป็นเพื่อนเรา เป็นศัตรูตั้งแต่เมื่อไร ?” ฟ้าครามติง

            “เมื่อวานตอนเที่ยง เพราะเขาไม่ยอมทำตามคำพูด” ไหลน้ำตอบชัดถ้อยชัดคำ

           “แต่ไม่ใช่ เหตุที่จะทำร้ายกัน” ฟองทะเลท้วง

             “เธอไม่รู้อะไร นั่งก่อนสิ ผมจะเล่าแผนการสร้างสวนเด็กเล่นให้ฟัง” ไหลน้ำปัดขวดพลาสติกบนโต๊ะสี่เหลี่ยมหล่นพื้น

            สายลมโชยชาย ใบยางพาราบนยอดพลิ้วไหว แสงตะวันส่องก่อเงาวิบวับ ไหลน้ำนั่งตรงข้ามกับฟ้าครามและพู่กลิ่น ใกล้ฟองทะเลกับดอกหมากซึ่งนั่งตรงข้ามกัน

            “เมื่อค่ำวันก่อนมีดาวหางพุ่งเข้าไปในสวนร้าง ทำให้พวกเราต่างเข้าไปโดยมิได้นัดหมาย ผมคิดว่าที่นั้นจะเป็นที่ดึงดูดเด็ก ๆ ให้เข้ามาเที่ยว มาเล่น เพราะมีเหตุการณ์ประหลาดเกิดขึ้น ผมคิดจะเก็บค่าเข้าชมมาปรับปรุงสนามเพื่อทุก ๆ คน” ไหลน้ำเล่าตะล่อมฉะฉาน

            “ทำเพื่อทุก ๆ คน” พู่กลิ่นแดกดันเสียงใส ปรบมือ

            “เหรอ” ฟองทะเลพูดยานคาง

            ไหลน้ำผุดลุกผุดนั่ง ลุกยืน วาดมือม้วนไปมา ละล่ำละลัก “ใช่ ๆ เพื่อเด็ก ๆ และพวกเราทุกคน”

             ดอกหมากยิ้มแป้น ลุกลี้ลุกลนขึ้นโอบไหล่ไหลน้ำแน่น

            “ผมและดอกหมากจะเข้าไปครอบครองที่นั้น” ไหลน้ำสรุป ดอกหมากพยักหน้าหงึก ๆ

            “นี่พวกเธอในสวนร้างไม่มีอะไรหรอก” ฟองทะเลชี้แจ้ง

            “มีดาวหางพุ่งชน” ไหลน้ำโต้ลั่น

            “ไม่มี” ฟ้าครามแย้ง

            ไหลน้ำผินหน้ามองดอกหมาก

            “เห็นมั้ย ผมบอกแล้ว สวนร้างไม่มีอะไรหรอก ป่าช้าดี ๆ นี่เอง” ดอกหมากบ่นอุบอิบ

            “นั้นแหละ ที่นั่นจึงไม่เหมาะแก่การยึดครอง ไม่ว่าจะมีเหตุการณ์ประหลาดหรือไม่” ฟองทะเลพูดชัดถ้อยชัดคำ

            พู่กลิ่นเอามือป้องใบหู ใช้นิ้วชี้ทั้งสองใส่ในรู เงยหน้ามองไหลน้ำที ฟองทะเลครั้ง

            “ปล่อยให้สวนร้างเป็นอยู่อย่างนั้นเช่นเดิม ไม่จำเป็นต้องครอบครอง เปลี่ยนแปลง สวนร้างก็สามารถเป็นที่ให้เด็ก ๆ มาเล่นได้ ถ้าสวนร้างจะเปลี่ยนไปก็ให้เป็นไปตามกฎของธรรมชาติ มิใช่เกิดจากน้ำมือของเรา” ฟองทะเลพูดยาวยืด

            “ถ้าผมไม่เข้าไปครอบครอง เด็กจะเข้าไปเล่นได้อย่างไร ?” ไหลน้ำซัก

           “เมื่อวานเธอเข้าไปในสวน ไม่ใช่เป็นการเข้าไปเล่นหรือ ?” พู่กลิ่นย้อนถาม

            “มันไม่เหมือนกัน ถ้าผมเป็นเจ้าของ ผมจะเข้าไปเล่น ทำอย่างไรกับสวนก็ได้” ไหลน้ำหงุดหงิด

            “เจ้าของ” พู่กลิ่นพึมพำ

            “ตลก เธอเกิดมาเป็นส่วนหนึ่งของธรรมชาติ ไม่มีอะไรติดตัวมา ตายไปก็กลับคืนสู่ธรรมชาติโดยไม่มีอะไรติดตัวไป แล้วเธอจะเป็นเจ้าของอะไรได้เล่า” ฟองทะเลหัวเราะลั่น

            ไหลน้ำหน้าถอดสี สาวเท้าเข้าบ้าน ฉวยรถบังคับสีแดงออกมา ฟัดลงกับพื้น ดอกหมากชะงัก ถอยหลังกรูด ทรุดตัวนั่งข้าง ๆ ฟ้าคราม ฟองทะเลสะดุ้งโหยง นั่งเงียบ

            “นี่ไงการกระทำอย่างการเป็นเจ้าของ” ไหลน้ำกระฟัดกระเฟียด เตะรถบังคับกระเด็น แตกเป็นเสี่ยง

            “ไหลน้ำใจเย็น ๆ” ฟ้าครามปลอบ

            “ผมใจเย็นอยู่แล้ว ที่ผมทำเพื่อแสดงให้เห็นว่าการเป็นเจ้าของ ได้ทำอะไรตามอำเภอใจนั้นเป็นอย่างไร” ไหลน้ำรู้สึกตัว แก้เกี้ยว

            “แต่ธรรมชาติไม่ใช่สิ่งของ” พู่กลิ่นแสดงความเห็นทันควัน ส่งสายตาไปยังฟองทะเล เธอพยักหน้า

            “เราไม่รู้อะไรชัดแจ้งเกี่ยวกับธรรมชาติเลย ดังนั้นเราจึงไม่มีสิทธิที่จะทำอะไรตามอำเภอใจ โดยไม่เคารพธรรมชาติ” พู่กลิ่นเสริม

            “วาหว่าก็เหมือนกัน เขาไม่มีสิทธิ์” ดอกหมากทะลุกลางปล้อง

            “พวกเรารู้” ฟ้าครามทอดเสียง

            “แล้วทำไมไม่ไปบอกเขา ?”

            “เดี๋ยวไป พวกเรามาหยุดเรื่องที่เธอก่อน แล้วจะไปคุยกับวาหว่า”

            “ได้ ! แต่เขาต้องออกไปจากที่นั้น เขาไม่มีสิทธิ์เท่า ๆ กับที่ผมไม่มีสิทธิ์”

            “แล้วเธอละดอกหมาก ?”

             “ตกลง !”

 

*      *      *

หมายเลขบันทึก: 319772เขียนเมื่อ 12 ธันวาคม 2009 14:16 น. ()แก้ไขเมื่อ 12 กุมภาพันธ์ 2012 11:18 น. ()สัญญาอนุญาต: สงวนสิทธิ์ทุกประการจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท