31.การหลีกเลี่ยงชีวิตที่สุขสบาย
ชัยคฺอับดุลลอฮฺ อัซฺซัม เคยกล่าวไว้ว่า “ความสุขสบายคือศัตรูของการญิฮาด”
แท้จริงภารกิจแห่งการญิฮาดนั้นยากลำบากและต้องการความเสียสละ ดังนั้นการหลีกเลี่ยงจากวิถีชีวิตที่สุขสบายจะช่วยขจัดอุปสรรคบางประการที่ อาจคั่นกลางระหว่างเรากับการญิฮาดได้ ท่านต้องสามารถที่จะนอนบนพื้นแข็งๆได้ สามารถที่จะทานอาหารนอกเหนือจากที่แม่และภรรยาทำให้ทานได้ สามารถใช้น้ำที่เย็นเฉียบอาบน้ำละหมาดและอาบน้ำยกหะดัษได้ และต้องไม่รู้สึกอะไรมากนักหากไม่สามารถจะอาบน้ำได้ทุกวัน
พี่น้องที่มีต้องการเป็นมูญาฮิดจำต้องมีความสามารถที่จะควบคุมความต้อง การของตนเองและไม่ปฏิบัติตามนัฟซูของตัวเองให้ได้ ท่านควรจะต้องเปลี่ยนแปลงนิสัยบางประการของตัวเองด้วย เป็นต้นว่านิสัยในการกินและการนอน โดยควรจะแทนที่มันด้วยการถือศีลอดซุนนะฮฺในวันจัทร์และวันพฤหัสฯ และการละหมาดกิยามุลลัยลฺ มูญาฮิดีนที่แท้จริงควรยอมสละทุกสิ่งทุกอย่างในโลกนี้เพื่อหนทางของอัลลอฮฺ
32.การเรียนรู้ทักษะที่จำเป็นสำหรับมูญาฮิด
สมรภูมิแห่งการญิฮาดนั้นช่างกว้างขวางยิ่งนัก และมันก็ต้องการทักษะในหลายๆด้าน
พี่น้องทั้งหลายจำต้องเรียนรู้ทักษะเหล่านี้ เพื่อที่จะใช้มันรับใช้ศาสนาอิสลาม ที่ฉันต้องเน้นว่า “จงใช้มันเพื่อรับใช้อิสลาม” ก็เพราะว่า กี่มากน้อยแล้วที่เราได้ยินบรรดามุสลิมอ้างว่า เหตุผลที่พวกเขาร่ำเรียนเพื่อให้ได้มาซึ่งปริญญานั้น ก็เพื่อรับใช้อัลลอฮฺ แต่ผลสุดท้ายพวกเขาก็ลงเอยด้วยการรับใช้ซึ่งกระเป๋า และผลประโยชน์ของตัวเองทั้งสิ้น
33.การเข้าร่วมญามาอะฮฺที่ทำงานเพื่อการญิฮาด
การทำงานเป็นญะมาอะฮฺนับเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับมุสลิมในวันนี้ เพราะการประกาศใช้กฏหมายของอัลลอฮฺซึ่งเป็นภารกิจของเรานั้นไม่อาจกลับคืนมา ได้โดยปราศจากญะมาอะฮฺ แต่เพราะทุกวันนี้มีกลุ่มทำงานเพื่ออิสลามมากมายเกิดขึ้น คำถามก็คือแล้วเราควรจะเข้าร่วมกับกลุ่มไหนดี?
เนื่องจากญิฮาดเป็นการงานอันสูงส่งที่สุดหลังจากการศรัทธาในอัลลอฮฺ มันจึงเป็นสิ่งที่เลี่ยงไม่ได้สำหรับท่านในการเข้าร่วมกับญะมาอะฮฺที่มีญิฮา ดเป็นเป้าหมายหลัก ญามาอะฮฺใดๆก็ตามที่ไม่ได้ทำงานเพื่อการญิฮาด ไม่มีค่าพอแก่การพูดถึงแม้แต่น้อย นั่นก็เพราะว่ายุคสมัยแห่งการญิฮาดได้มาถึงแล้วนับตั้งแต่มีการฮิจเราะฮฺของ ท่านรอซูลุลลอฮฺ(ศ็อลฯ) ญะมาอะฮฺที่บรรดาซอฮาบะฮฺได้เข้าร่วมก็ล้วนแล้วเป็นญะมาอะฮฺมีญิฮาดเป็นเป้า หมายหลักทุกครั้งไป ประวัติศาสตร์ได้แสดงให้เราเห็นแล้วว่า มีจำนวนถึง 9 ครั้งด้วยกันที่ท่านรอซูลุลลอฮฺ(ศ็อลฯ) ได้เข้าร่วมสงครามด้วยตัวของท่านเอง และอีก 55 ครั้งที่ท่านได้ส่งกองกำลังออกไป ทั้งหมดนี้ล้วนเกิดขึ้นในช่วงเวลาเพียงแค่สิบปี และเราสามารถพบปรากฏการณ์เช่นเดียวกันนี้อีกในสมัยของคุละฟาอฺอัรรอชิดีนภา ยหลังจากท่าน
34.การเตรียมพร้อมทางด้านจิตวิญญาน
ความปราชัยของมุสลิมไม่ได้มาจากความแข็งแกร่งของศัตรู หากแต่มันมาจากความอ่อนแอของพวกเราเอง ดังที่อัลลอฮฺได้กล่าวว่า “และเคราะห์กรรมอันใดที่ประสบแก่พวกเจ้า ก็เนื่องด้วยน้ำมือของพวกเจ้าได้ขวนขวายไว้ และพระองค์ทรงอภัย (ความผิดให้) มากต่อมากแล้ว” [42:30]
ดังนั้นการเตรียมความพร้อมด้านจิตวิญญาณจึงเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับภารกิจ อันยกลำบากของดีนนี้ เพราะท่ารอซูลุลลอฮฺ(ศ็อลฯ)ก็เคยแบกภารกิจอันหนักหน่วงนี้มาแล้ว อัลลอฮฺจึงได้สั่งใช้ให้ท่านจัดเตรียมความพร้อมด้านจิตวิญญาณ โดยตรัสว่า “โอ้ ผู้คลุมกายอยู่เอ๋ย ! จงยืนขึ้น(ละหมาด)เวลากลางคืน เว้นแต่เพียงเล็กน้อย ครึ่งหนึ่งของเวลากลางคืน หรือน้อยกว่านั้นเพียงเล็กน้อย หรือมากกว่านั้น และจงอ่านอัลกุรอานช้า ๆ เป็นจังหวะชัดถ้อยชัดคำ แท้จริงเราจะประทานวจนะ (วะฮียฺ) อันหนักหน่วงแก่เจ้า ” [73:1-5]
เมื่อญิฮาดเป็นภารกิจที่หนักหน่วงที่สุดจากบรรดาคำสั่งใช้ของอัลลอฮฺ มันก็ย่อมต้องการการเตรียมพร้อมที่มากมายนัก
35.การแนะนำอุลามาอฺแห่งสัจธรรมให้แก่ผู้อื่น
เราจำเป็นต้องรับรู้ด้วยว่า เรากำลังอยู่ในช่วงเวลาที่อุลามาอฺสามารถที่จะ “กุ” ขึ้นมาได้ บรรดาศัตรูของอิสลามรวมทั้งสื่อและรัฐบาลมุสลิมที่อยู่ในการควบคุมของมัน สามารถที่จะส่งเสริมผู้ใดก็ได้ที่พวกมันแน่ใจและผู้เห็นว่าเป็นเสมือนภาพ พจน์ที่ดีของอิสลาม โดยการทำให้พวกเขามีชื่อเสียง โดยเฉพาะในประเทศมุสลิมพวกเขาสามารถที่จะแต่งตั้งตำแหน่งมุฟตีใหญ่ให้แก่อุ ลามอฺใดก็ได้ และทำให้พวกเขาเป็นอุลามาอฺระดับโลกได้ในทันทีโดยการจัดรายการโทรทัศน์ให้ แก่พวกเขา เพื่อให้พวกเขามีชื่อเสียง ในทางตรงกันข้าม บรรดาอุลามาอฺแห่งสัจธรรมนั้นได้ถูกข่มขู่ ขังคุก หรือไม่ก็ถูกฆ่าเสีย บรรดาสื่อต่างๆ ก็ปฏิเสธพวกเขา เช่นนั้นแหละประชาชนหลายคนจึงไม่รู้จักพวกเขา หรือสิ่งเหล่านี้จะทำให้พวกเขามีความรู้น้อยกว่าอุลามาอฺของรัฐบาล เปล่าดอก อุลามาอฺที่พูดออกมานั้นคืออุลามาอฺที่ทรงความรู้อย่างแท้จริง เพราะพวกเขาตระหนักในสัจธรรมแล้วก็พูดออกมาอย่างนั้น ดังนั้นมันจึงเป็นหน้าที่ของเราในการแนะนำผู้อื่นให้รู้จักพวกเขา
36.การเตรียมพร้อมสำหรับการฮิจเราะฮฺ
บรรดามุสลิมที่อาศัยอยู่ท่ามกลางผู้ที่มิใช่มุสลิมและอยู่ภายใต้การ ปกครองของพวกกุฟฟารนั้น เมื่อรัฐอิสลามได้สถาปนาขึ้นที่มาดีนะฮฺ ท่านรอซูลุลลอฮฺ(ศ็อลฯ) จึงได้ประกาศว่า ไม่เป็นการเหมาะสมอย่างยิ่งที่จะอยู่ร่วมกับบรรดาผู้ปฏิเสธศรัทธา ดังนั้น มุสลิมควรเตรียมพร้อมทุกเมื่อที่จะแยกตัวออกเมื่อมีโอกาส
การเตรียมพร้อมสำหรับการฮิจเราะฮฺนั้นไม่ได้จำกัดเฉพาะแค่มุสลิมที่อยู่ ท่ามกลางผู้ที่มิใช่มุสลิมเท่านั้น หากแต่เป็นสิ่งที่มุสลิมทุกคนควรยึดถือปฏิบัติด้วย เพราะโดยปกติแล้วการญิฮาดนั้นต้องการการฮิจเราะฮฺ นั่นคือเหตุผลที่ว่าเหตุใดท่านรอซูลุลลอฮฺ(ศ็อลฯ) จึงได้กล่าวว่า “ฮิจเราะฮฺจะไม่มีวันหยุด ตราบใดที่ยังมีศัตรูให้ต่อสู้” (บันทึกโดย อะหมัด)
37.การให้คำตักเตือนแก่มูญาฮีดีน
อันเนื่องจากมูญาฮิดีนนั้นก็มีความผิดพลาดและข้อบกพร่องอยู่ และพวกเขาก็ต้องการคำตักเตือน ท่านสามารถที่จะตักเตือนพวกเขาได้โดยตรง หรือฝากส่ง หรือโพสต์มันลงในอินเตอร์เน็ต ไม่ว่าท่านจะเลือกทางไหน ก็จงให้มั่นใจเถิดว่า สิ่งที่ท่านทำนั้นก็เพื่อหนทางของอัลลอฮฺ ไม่ใช่เป็นการจับผิดพี่น้องของท่าน
การตักเตือนนั้น มิใช่เพียงแค่ตักเตือนถึงข้อบกพร่องของพวกเขา หากแต่ยังหมายรวมถึงการเสนอแนวคิดใหม่ๆให้แก่พวกเขา และการเตือนพวกเขาถึงภัยอันตรายที่อาจจะเกิดขึ้น
38.การศึกษาเกี่ยวกับหะดีษฟิตัน
หะดีษฟิตัน(พหูพจน์ของคำว่า ฟิตนะฮฺ) คือหะดีษที่ท่านรอซูลุลลอฮฺ(ศ็อลฯ) ได้พูดเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นกับประชาชาติของท่าน
คำว่า “ฟิตนะฮฺ” ณ ที่นี้ หมายถึง การทดสอบ
การศึกษาหะดีษฟิตันนั้นมีความสำคัญก็เนื่องจากเหตุผลดังต่อไปนี้ :-
ประโยชน์หลักๆสำหรับมูญาฮิดีนในการเรียนและสอนเกี่ยวกับหะดีษฟิตันมีดังนี้ :-
39.การเปิดโปงพวกฟิรเอาน์และนักมายากลของมัน
บรรดารัฐบาลต่างๆของโลกมุสลิมนั้นเปรียบเสมือนผู้ที่กำลังเล่นบทบาทเป็น ฟิรเอาน์กับมูซา และบรรดาอุลามาอฺประจบสอพลอเหล่านั้นก็กำลังเล่นบทบาทเป็นนักมายากลของ ฟิรเอาน์ที่หลอกลวงประชาชน บรรดารัฐบาลและอุลามาอฺประจบสอพลอเหล่านี้ คือศัตรูอันดับที่สามของประชาติที่คอยอยู่เคียงข้างพวกครูเสดและพวกไซออ นิสต์นั่นเอง
40.นาชีด
มุสลิมจำต้องได้รับการปลุกระดมเพื่อทำการญิฮาด
ในสมัยของท่านรอซูลุลลอฮฺ(ศ็อลฯ) ท่านมีบรรดานักกวีที่จะใช้กวีของพวกเขาปลุกระดมมวลชนมุสลิมและตัดขวัญกำลัง ใจของบรรดาผู้ปฏิเสธศรัทธา ในวันนี้ นาชีดสามารถเล่นบทบาทนี้ได้ นาชีดที่ดีนั้นสามารถที่จะแพร่ขยายไปอย่างกว้างขวาง มันสามารถที่จะเข้าถึงผู้ฟังอย่างที่ท่านไม่อาจเข้าถึงพวกเขาได้ด้วยการ บรรยายหรือหนังสือ นาชีดคือการปลุกระดมที่มุ่งเน้นไปยังเยาวชนและสถาบันแห่งการญิฮาดในทุกยุค ทุกสมัย นาชีดคือองค์ประกอบสำคัญในการสร้าง “สังคมญิฮาด” ขึ้นมา นาชีดเต็มไปด้วยภาษาอาหรับแต่ขาดแคลนซึ่งภาษาอังกฤษ ด้วยเหตุนี้มันจึงเป็นภาระที่สำคัญยิ่งสำหรับบรรดากวีและศิลปินที่มี พรสวรรค์ทั้งหลายในการตอบสนองซึ่งภารกิจนี้
นาชีดหนึ่งอาจจะครอบคลุมถึงหัวหัวข้อต่างๆดังต่อไปนี้
การตายชะฮีด ญิฮาดคือหนทางเดียวเท่านั้น การสนับสนุนมูญาฮิดีน การสนับสนุนผู้นำการญิฮาดในปัจจุบัน(เพื่อให้บรรดาเยาวชนรู้จักพวกเขา ) สถานการณ์ของประชาชาติ ภารกิจของเยาวชน ชัยชนะของอิสลาม และการปกป้องศาสนา
นาชีดควรพุ่งประเด็นไปยังความยุติธรรมมากกว่าสันติภาพ และประเด็นไปยังความเข้มแข็งมากกว่าความอ่อนแอ นาชีดควรมีความหนักแน่นและสามารถยกระดับจิตวิญญาณได้ มิใช่ยิ่งทำให้ขาดความเชื่อมั่นหรือมีความอ่อนโยน
41.การคว่ำบาตรเศรษฐกิจของศัตรู
เมื่อษุมามะฮฺ อิบนุอุษาล ได้เข้ารับอิสลาม เขาก็คว่ำบาตรชาวกุเรชโดยการขัดขวางกองคาราวานบรรทุกข้าวสาลีเข้าสู่มักกะ ฮฺที่ผ่านบริเวณของเขา เฉกเช่นเดียวกัน วันนี้มุสลิมควรคว่ำบาตรเศรษฐกิจของศัตรูโดยการไม่ซื้อสินค้าของพวกมัน
42.การศึกษาภาษาอาหรับ
ภาษาอาหรับเป็นภาษาสากลของการญิฮาด งานเขียนที่เกี่ยวกับญิฮาดส่วนใหญ่มักจะเป็นภาษาอาหรับและสำนักพิมพ์ต่างๆก็ ไม่กล้าที่จะเสี่ยงเพื่อแปลมัน องค์กรเดียวเท่านั้นทุ่มเททั้งเวลาและเงินทองเพื่อแปลงานเขียนเกี่ยวกับญิฮา ดนั่นก็คือ หน่วยข่าวกรองของตะวันตก แต่แย่ตรงที่พวกเขาจะไม่แบ่งปันข้อมูลให้พวกท่าน
ภาษาอาหรับยังเป็นภาษาที่แพร่หลายในบรรดาหมู่ญาฮิดีนต่างชาติของทุกๆสมร ภูมิญิฮาด ดังนั้นหากท่านพูดมันไม่ได้ ท่านก็คงจะทำได้แต่เพียงพูดคุยกับตัวเองเท่านั้น มันเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับมุญาฮิดีนที่จะต้องมีภาษากลางในการสื่อสารซึ่งกัน และกัน และภาษาอาหรับก็คือภาษาที่ถูกเลือกมาแล้วสำหรับการนั้น
43.การแปลงานเขียนเกี่ยวกับญิฮาดเป็นภาษาต่างๆ
ดังที่กล่าวไปแล้วว่า งานเขียนเกี่ยวกับญิฮาดส่วนใหญ่จะเป็นภาษาอาหรับ พี่น้องท่านใดที่สามารถใช้ภาษาอาหรับได้ จึงควรแปลงานเขียนที่สำคัญเหล่านั้นออกมาในภาษาของตน
ทุกการเคลื่อนไหวสู่การเปลี่ยนแปลงนั้น มักจะเริ่มจากการเปลี่ยนแปลงทางปัญญาก่อนเป็นลำดับแรก กล่าวกันว่า ในยุคสมัยของซอลาฮุดดีนนั้นเกิดขึ้นได้ก็เพราะการแพร่หลายอย่างรวดเร็วของ งานเขียนที่เกี่ยวกับการญิฮาด และเราก็กำลังมองเห็นปรากฏการณ์นี้เกิดขึ้นอยู่ในยุคปัจจุบัน เช่นนั้นแหละ การกลับมาของญิฮาดจำต้องได้รับการกล่าวขานในหมู่มุสลิมทุกคน
44.การสอนผู้อื่นเกี่ยวกับคุณลักษณะของ อัฏฏออิฟะฮฺ อัลมันศูเราะฮฺ
ท่านรอซูลุลลอฮฺ(ศ็อลฯ)กล่าวว่า “กลุ่มหนึ่งจากประชาชาติของฉัน จะดำรงไว้ซึ่งการต่อสู้ การปฏิบัติตามคำสั่งใช้ของอัลลอฮฺ การพิชิตศัตรูของพวกเขา และพวกเขาจะไม่ประหวั่นพรั่นพรึงต่อบรรดาผู้ที่ต่อต้านพวกเขา จนกระทั่งเวลานั้นได้มาถึง(วันแห่งการตัดสิน) (บันทึกโดย อัลหะกีม และเป็นหะดีษที่ศอเฮียะฮฺ)
นี่คือกลุ่มชนที่ได้รับชัยชนะ พวกเราทุกคนควรที่จะแข่งขันเพื่อที่จะได้มาอยู่ร่วมกับกลุ่มนี้
ท่านสามารถรู้จักกลุ่มนี้ได้ โดยคุณลักษณะเหล่านี้ :-
ฉันเคยฟังอนาชีดอยู่บทหนึ่ง ที่ถึงแม้ว่าผู้ร้องจะเป็นผู้ชาย แต่เสียงร้องและเนื้อหานั้น ช่างเหมือนสตรีจนน่าประหลาดใจ ในสิ่งที่เขาร้องมาทั้งหมดนั้น มีอยู่ท่อนหนึ่งที่บอกว่า “ พวกเขาคือผู้ที่ไม่หวั่นไหว แม้กับบรรดาผู้ที่ทรยศพวกเขา” นั่นก็หมายความว่า พวกเขาอาจจะภูกทรยศจากมุสลิมหลายต่อหลายคน แต่นั่นไม่ได้ทำให้พวกเขาหวั่นไหวเลย
การสอนผู้อื่นเกี่ยวกับ อัฏฏออิฟะฮฺ อัลมันศูเราะฮฺ จะสามารถช่วยให้พวกเขาค้นพบกับสัจธรรมได้
มุสลิมคนใดก็ตามที่มีความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับอิสลาม มีเหตุมีผล และเต็มใจทิ้งการตักลีด(การตามอย่างมืดบอด)ของกลุ่มหรือชูยูคฺ และไม่มีความคิดที่อคติ พวกเขาจะสามารถแยกแยะได้อย่างง่ายดายว่า กลุ่มไหนที่มีลักษณะดังกล่าวในปัจจุบัน เอกลักษณ์เหล่านี้จะอยู่กับพวกเขาอย่างไม่อาจแยกจากกันได้
ดังนั้น พี่น้องที่รักทั้งหลายเหล่านี้คือข้อแนะนำบางประการสำหรับพวกท่านในการสนับ สนุนญิฮาดที่เกิดขึ้นในทุกวันนี้ มันไม่ได้หมายความว่าท่านจักต้องทำทุกอย่างตามนี้ แต่ขอให้ท่านจงทำเท่าที่ตัวของท่านจะสามารถกระทำได้ และจงแนะนำให้ผู้อื่นทำอย่างที่ท่านทำด้วย
สุดท้ายนี้ เราขอต่ออัลลอฮฺ โปรดชี้ทางที่เที่ยงตรงแก่เรา และโปรดให้เราอยู่ในหมู่ที่สดับฟังโองการของพระองค์ และทำตามในสิ่งที่ดีที่สุด ขอพระองค์ทรงโปรดให้เราอยู่ในหมู่มูญาฮิดีนด้วย และโปรดประทานแก่เราซึ่งชัยชนะเหนือบรรดาศัตรูของพระองค์ด้วยเถิด อามีน !
อันวารฺ อัลเอาลากี
ไม่มีความเห็น