รสช.ตันหยงลุโละ
ค่ายเรียนรู้ร่วมกันสร้างสรรค์ชุมชน 2548 รสช.48

44 วิธีสนับสนุนญิฮาด 1


44 วิธีสนับสนุนญิฮาด


1.การมีเจตนาที่ถูกต้อง

2.การขอต่ออัลลอฮฺให้ประทานรางวัลแก่ท่านด้วยชะฮีด

3.การญิฮาดด้วยทรัพย์สินของท่าน

4.การรวบรวมเงินทุนแก่มูญาฮิดีน

5.การสนับสนุนมูญาฮิด

6.การดูแลครอบครัวของมูญาฮิด

7.การอุปการะครอบครัวของชะฮีด

8.การดูแลครอบครัวของผู้ที่ถูกคุมขัง

9.การจ่ายซากาตให้แก่มูญาฮิดีน

10.การให้ความช่วยเหลือทางการแพทย์แก่มูญาฮิดีน

11.การให้การสนับสนุนทางจิตใจและกำลังใจแก่มูญาฮิดีน

12.การปกป้องมูญาฮิดีนและยืนหยัดเคียงข้างพวกเขา

13.การต่อสู้กับความหลอกลวงของสื่อตะวันตก

14.การเปิดโปงพวกมุนาฟิก

15.การส่งเสริมให้ผู้อื่นออกไปต่อสู้ในหนทางแห่งญิฮาด

16.การปกป้องมูญาฮิดีนและรักษาความลับของพวกเขา

17.การขอดุอาอฺแก่มูญาฮิดีน

18.การติดตามข่าวสารของการญิฮาดและเผยแพร่มัน

19.การเผยแพร่งานเขียนของมูญาฮิดีนและอุลามาอฺของพวกเขา

20.การออกฟัตวาที่สนับสนุนมูญาฮิดีน

21.การให้ข้อมูลแก่อุลามาอฺและบรรดาอิหม่าม

22.การเตรียมพร้อมทางด้านร่างกาย

23.การฝึกฝนอาวุธ

24.การฝึกปฐมพยาบาลเบื้องต้น

25.การศึกษาฟิกฮุลญิฮาด

26.การปกป้องมูญาฮิดีนและการสนับสนุนพวกเขา

27.การพัฒนาอากีดะฮฺเกี่ยวกับ อัลวาลาอฺ วัลบารออฺ

28.การทำหน้าที่ของเราที่พึงมีต่อพี่น้องมุสลิมที่ถูกคุมขังให้สมบูรณ์

29.การสร้างเว็บไซต์เกี่ยวกับการญิฮาด

30.การเลี้ยงดูลูกๆของเราให้มีความรักต่อการญิฮาดและมูญาฮิดีน

31.การหลีกเลี่ยงชีวิตที่สุขสบาย

32.การเรียนรู้ทักษะที่จำเป็นสำหรับมูญาฮิด

33.การเข้าร่วมญามาอะฮฺที่เกี่ยวกับการญิฮาด

34.การเตรียมพร้อมทางด้านจิตวิญญาน

35.การแนะนำให้ผู้อื่นรู้จักอุลามาอฺแห่งสัจธรรม

36.การเตรียมพร้อมสำหรับการฮิจเราะฮฺ

37.การให้คำนาซีฮะฮฺแก่มูญาฮิดีน

38.การศึกษาเกี่ยวกับหะดีษฟิตัน

39.การเปิดโปงพวกฟิรเอาน์และนักมายากลของมัน

40.นาชีด

41.การคว่ำบาตรเศรษฐกิจของศัตรู

42.การศึกษาภาษาอาหรับ

43.การแปลงานเขียนเกี่ยวกับญิฮาดเป็นภาษาต่างๆ

44.การสอนผู้อื่นเกี่ยวกับคุณลักษณะของ อัฏฏออิฟะฮฺ อัลมันฮฺศูเราะฮฺ

 

 

 

44 วิธีสนันสนุนญิฮาด โดยอิหม่ามอันวารฺ อัลเอาลากี

คำนำ

ญิฮาดเป็นอิบาดะฮฺที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในศาสนาอิสลาม และทางรอดเดียวสำหรับประชาชาตินี้ก็คือการปฏิบัติมัน ในเวลาเช่นนี้  เวลาที่ดินแดนมุสลิมถูกยึดครองโดยกุฟฟาร เวลาที่คุกของทรราชเต็มไปด้วยนักโทษมุสลิม เวลาที่กฎหมายของอัลลอฮฺถูกทำให้หายไปจากโลกใบนี้ และเวลาที่อิสลามถูกโจมตีเพื่อที่จะถอนรากถอนโคน  “ญิฮาด” จึงเป็นฟัรฎูเหนือมุสลิมทุกคน ญิฮาดควรได้รับการฝึกฝนจากบรรดาเด็กๆ ภรรยา และลูกจ้าง ถึงแม้บิดามารดาของเขาจะปฏิเสธ สามีของเขาจะไม่พอใจ และหัวหน้าของเขาจะไม่เห็นด้วยก็ตาม

พี่น้องผู้ศรัทธาที่รักทั้งหลาย ประเด็นนี้เป็นสิ่งที่เร่งด่วน ตั้งแต่วันที่ศัตรูของเรามีประเทศและมีชนชาติ มันคือระบอบกุฟรฺที่เกิดจากการหนุนหลังของคนทั่วโลก พวกกุฟฟารฺในทุกวันนี้มันร่วมมือกันต่อต้านพวกเรา อย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน เช่นนั้นแหละ เราจะสามารถเผชิญหน้ากับอภิมหาสงครามระหว่างโรมันและมุสลิม   - อัลมัลฮามะฮฺ – อย่างที่ท่านรอซูลุลลอฮฺ(ศ็อลฯ) เคยกล่าวไว้หรือไม่?

อนึ่ง สิ่งที่จะต้องย้ำ ณ ที่ตรงนี้ก็คือ : ญิฮาดในวันนี้ได้ถูกกำหนดแล้วเหนือมวลมุสลิมทุกคนที่มีความสามารถ ดังนั้น ในฐานะมุสลิมผู้มุ่งหวังความพอพระทัยจากอัลลอฮฺ มันย่อมเป็นหน้าที่ของท่านในการแสวงหาหนทางที่จะดำเนินการและมีส่วนร่วมใน ภารกิจนี้

ต่อไปนี้ คือ 44 วิธี สำหรับพี่น้องผู้ที่ต้องการสนับสนุนญิฮาด ฟีสะบีลิลลาฮฺ

1. การมีเจตนาที่ถูกต้อง 

ท่านควรมีเจตนาที่จะเข้าร่วมเป็นมูญาฮิดีน ท่านรอซูลุลลอฮฺ(ศ็อลฯ) กล่าวว่า “ผู้ใดก็ตามที่ตายโดยไม่ต่อสู้หรือไม่ได้คิดที่จะต่อสู้ เขาได้ตายในสภาพของมุนาฟิก” ( บันทึกโดย มุสลิม )

สัญญานหนึ่งที่จะบ่งบอกว่าเจตนาของบุคคลหนึ่งจริงจังหรือไม่นั้น ก็คือ การที่เขามีความเตรียมพร้อมสำหรับการญิฮาดหรือไม่ อัลลอฮฺ ตรัสว่า “และหากพวกเขาต้องการออกไป แน่นอนพวกเขาต้องเตรียมสัมภาระสำหรับการออกไปนั้นแล้ว…” (9 : 46)  ปัจจัยของญิฮาดดาฟิอฺ(ญิฮาดเชิงรับ) มีห้าประการ ตามที่ได้ระบุไว้โดย อุลามาอฺ อย่าง อบูกุดามะฮฺ ได้แก่ อิสลาม บรรลุศาสนภาวะ มีสติสัมปชัญญะ มีความสามารถทางการเงิน และเป็นอิสระ  หากบุคคลใดไม่มีความสามารถทางการเงิน และไม่สามารถหาใครมาจุนเจือเขาได้หรือ ประสบกับความเจ็บไข้ได้ป่วย หรือทุพพลภาพอันเป็นเหตุให้เขาได้รับการยกเว้นจากการญิฮาด ดังนั้น สัญญานหนึ่งของการมีเจตนาที่จริงจังของบุคคลเช่นนั้นก็คือ การที่เขาเสียใจที่เขาถูกยกเว้นจากการญิฮาด อัลลอฮฺ ตรัสเกี่ยวกับผู้หนึ่งที่ไม่อาจเสียสละในการเข้าร่วมสงครามตะบูกว่า “และไม่มีบาปใด ๆ แก่บรรดาผู้ที่เมื่อพวกเขามาหาเจ้าเพื่อให้เจ้าจัดให้พวกเขาขี่ เจ้าได้กล่าวว่า ฉันไม่พบพาหนะที่จะให้พวกท่านขี่บนมันได้ พวกเขาก็ผินหลังกลับโดยที่นัยน์ตาของพวกเขาท่วมท้วนไปด้วยน้ำตา เพราะเสียใจที่พวกเขาไม่พบสิ่งที่พวกเขาจะบริจาค” (9 : 92)

2. การขอต่ออัลลอฮฺให้ประทานรางวัลแก่ท่านด้วยชะฮีด 

ท่านรอซูลลุลลอฮฺ(ศ็อลฯ) กล่าวว่า “ผู้ใดก็ตามที่ขอต่ออัลลอฮฺอย่างบริสุทธิ์ใจให้ประทานรางวัลแก่เขาด้วยชะฮีด อัลลอฮฺจะทรงประทานรางวัลนั้นแก่เขา ถึงแม้ว่าเขาจะตายบนเตียงก็ตาม” (บันทึกโดย มุสลิม) การขอต่ออัลลอฮฺเพื่อที่จะตายอย่างชะฮีดนั้นจะสร้างความพึงพอพระทัยต่ออัล ลอฮฺ เพราะมันเป็นการแสดงว่าท่านเต็มใจที่จะมอบชีวิตของท่านแด่พระองค์ แต่ท่านต้องระวังจากการพูดเพียงแต่ลมปากเท่านั้น บุคคลที่ขอต่ออัลลอฮฺอย่างจริงจังเพื่อชะฮีดนั้น เขาจะตอบสนองเสียงเรียกร้องของญิฮาดเมื่อใดก็ตามที่เขาได้ยินมัน และเขาจะกระตือรือร้นขวนขวายการตายในหนทางของอัลลอฮฺ

เหตุผลที่ศัตรูของอัลลอฮฺประสบความสำเร็จในการกำจัดมุสลิมและยึดครองดิน แดนของเขาเหล่านั้น ก็เพราะว่ามุสลิมเหล่านั้นสูญเสียความรักต่อการชะฮีด ท่านรอซูลุลลอฮฺ(ศ็อลฯ) กล่าวว่า “ใกล้มาแล้วที่ประชาชาติทั้งหลายจะรุมกินโต๊ะพวกท่าน ประหนึ่งแย่งอาหารในถาด ศอฮาบะฮฺถามว่า เป็นเพราะพวกเรามีจำนวนน้อยกระนั้นหรือ? ท่านกล่าวว่า เปล่าดอก พวกท่านมีจำนวนมาก แต่จะเปรียบเสมือนฟองน้ำที่อยู่ในทะเล และอัลลอฮฺจะเอาความกลัวที่มีต่อพวกท่านออกจากหัวใจของศัตรู และจะทรงขว้าง วะฮัน เข้าไปในหัวใจของพวกท่าน พวกเขากล่าวว่า อะไรคือ วะฮัน โอ้ ท่านรอซูลุลลอฮฺ? ท่านกล่าวว่า ความรักต่อโลกนี้และกลัวต่อความตาย” (บันทึกโดย อบูดะวูด)

สังคมแห่งชะฮีดของเราจำต้องได้รับการฟื้นฟูอีกครั้ง เพราะศัตรูของอัลลอฮฺไม่ได้กลัวสิ่งใดมากไปกว่าความรักของเราที่มีต่อความตาย

3. การญิฮาดด้วยทรัพย์สินของท่าน

การญิฮาดด้วยทรัพย์สินนั้น มาก่อนการญิฮาดด้วยร่างกายในทุกๆกรณียกเว้นในบางกรณีเท่านั้น นี่คือสิ่งที่ชี้ให้เราเห็นถึงความสำคัญของการญิฮาดด้วยทรัพย์สิน อาจจะกล่าวได้เลยว่า ไม่มีเงิน ก็ไม่มีการญิฮาด และการญิฮาดก็ต้องการมันอย่างมากมาย นั่นคือเหตุผลที่ว่าทำไม อัลกุรฏุบี ได้กล่าวในตัฟซีรของเขาว่า ผลบุญของเงินที่ให้ศอดาเกาะฮฺนั้นคือสิบเท่า แต่สำหรับผลบุญของเงินที่ใช้จ่ายในการญิฮาดนั้รคือ 700 เท่า !

อัลลอฮฺ ตรัสว่า “การบริจาคของบรรดาผู้ใช้จ่ายทรัพย์สินของพวกเขาในหนทางของอัลลอฮ์ อาจเปรียบได้ดังเมล็ดพืชที่งอกออกมา 7 รวง และแต่ละรวงมี 100 เมล็ด ในทำนองเดียวกัน อัลลอฮ์ทรงทบทวีทาน ของผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์ เพราะอัลลอฮ์เป็นผู้ทรงไพบูลย์ ผู้ทรงรอบรู้” (2 : 261)

น่าจะเป็นสิ่งที่มีความสำคัญอย่างยิ่งสำหรับมุสลิมในตะวันตกที่สามารถ กระทำเพื่อการญิฮาดด้วยกับการญิฮาดด้วยทรัพย์สินของพวกเขา  เพราะมีหลายกรณีที่มูญาฮิดีนมีความต้องการทางการเงินมากกว่าความต้องการทาง บุคลากรเสียอีก อย่างที่ท่านชัยคฺ อับดุลลอฮฺอัซฺซัมได้พูดว่า “บุคลากรนั้นต้องการญีฮาด แต่ญีฮาดนั้นต้องการเงิน”

4. การรวบรวมเงินทุนแก่มูญาฮิดีน 

นอกเหนือไปจากการใช้จ่ายเงินของท่าน ท่านควรส่งเสริมให้ผู้อื่นกระทำอย่างท่านด้วย ท่านรอซูลุลลอฮฺ(ศ็อลฯ) กล่าวว่า “บุคคลหนึ่งบุคคลใดที่แนะนำให้ผู้อื่นสู่การทำความดี จะได้รับผลบุญเท่ากับผู้ที่กระทำความดีนั้นด้วย” โดยการรวบรวมทุนแก่มูญาฮิดีนท่านได้เติมเต็มซุนนะฮฺของท่านรอซูลุลลอฮฺ (ศ็อลฯ)ด้วย อย่างที่ท่านรอซูลฯจะทำเป็นบ่อยครั้งก่อนออกสู่สมรภูมิรบ

5. การสนับสนุนมูญาฮิด 

ท่านรอซูลุลลอฮฺ(ศ็อลฯ) กล่าวว่า “ผู้ใดก็ตามที่ส่งเสริมผู้ที่ต่อสู้ในหนทางของอัลลอฮฺ เขาก็ได้ต่อสู้ด้วย” (มัจมัวะอฺ อัลฟาวาอิด)

สิ่งนี้ได้รวมถึงการใช้จ่ายทุกอย่างของมุญาฮิด รวมทั้งการเดินทางของเขาด้วย ทั้งยังเป็นโอกาสสำหรับคนรวยและคนจนในการได้รับผลบุญของการญีฮาด โดยที่คนจนนั้นออกต่อสู้และคนรวยนั้นให้การสนับสนุนพวกเขา

6. การดูแลครอบครัวของมูญาฮิด 

การดูแลครอบครัวของมูญาฮิดสามารถกระทำได้โดยการปกป้องพวกเขา เลี้ยงดูพวกเขา จัดหาทุนแก่พวกเขาและปกป้องเกียรติยศของพวกเขา

ท่านรอซูลุลลอฮฺ(ศ็อลฯ) กล่าวว่า :

  • ผู้ใดในหมู่พวกท่านที่ดูแลครอบครัวและทรัพย์สินของมูญาฮิดจะได้รับผลบุญครึ่งหนึ่งของมูญาฮิด (มุสลิม)
  • สำหรับผู้ที่อยู่เบื้องหลัง หน้าที่ในการปกป้องเกียรติยศของบรรดาภรรยาของมูญาฮิดนั้น เปรียบเสมือนหน้าที่ในการปกป้องเกียรติยศของมารดาของเขา หากผู้ที่อยู่เบื้องหลังนั้นสัญญาว่าจะดูแลภรรยาของมูญาฮิด แต่หลังจากนั้นก็ทรยศเขา ในวันแห่งการตัดสิน มูญาฮิดจะบอกว่าคนผู้นี้ได้ทรยศท่าน ดังนั้นจงเอาสิ่งใดก็ตามที่ท่านต้องการจากการกระทำดีของเขา เช่นนั้นแหละเขาก็จะเอาสิ่งใดก็ตามที่เขาชอบ (มุสลิม)
  • ผู้ใดก็ตามที่ไม่ต่อสู้ ไม่สนับสนุนผู้ต่อสู้ หรือไม่ดูแลครอบครัวของผู้ต่อสู้ จะถูกทรมานจากภัยพิบัติก่อนที่เขาจะตาย (อบูดะวูด)

หากคนหนึ่งกังวลเกี่ยวกับความปลอดภัยของครอบครัวของเขา ชัยฏอนก็จะเอาความได้เปรียบนี้มาขัดขวางเขาจากการออกไปญิฮาด ถึงแม้ว่าคนนั้นจะไม่ทำตามชัยฏอนและออกไปญิฮาด ชัยฏอนอาจจะมาหาเขาและสั่นคลอนหัวใจของเขาโดยการกระซิบกระซาบเขาเกี่ยวกับ ความรักที่มีต่อผู้ที่เขาทิ้งอยู่เบื้องหลัง ดังนั้น การดูแลครอบครัวของมูญาฮิดีนจะช่วยเพิ่มกำลังใจแก่เขาได้ และนั่นคือเหตุผลที่ว่าทำไมอิสลามจึงให้การความใส่ใจอย่างยิ่งต่อการดูแล ครอบครัวและทรัพย์สินของมูญาฮีดีน

 

7.การอุปการะครอบครัวของชะฮีด 

ชะฮีด ผู้ที่ต่อสู้เพื่อศาสนาอิสลามและต่อสู้เพื่อมุสลิมนั้น เขาได้อุทิศชีวิตของเขาแก่เราและท่านทั้งหลาย ฉะนั้น ครอบครัวของชะฮีดควรได้รับการให้เกียรติและการต้อนรับ

เมื่อญะอฺฟัร บินอบีฏอลิบถูกฆ่าในสงครามมุอฺตะฮฺ ท่านรอซูลุลลอฮฺ(ศ็อลฯ) ได้บอกกับภรรยาของท่านว่า “จงเตรียมอาหารสำหรับครอบครัวของญะอฺฟัรด้วย เพราะพวกเขากำลังวิตกกับเรื่องของญะอฺฟัร” และท่านก็ได้ไปเยี่ยมบ้านของญะอฺฟัร (บันทึกโดย อบูดาวุดและอัตติรมีซี)

อิหม่ามอะหมัดได้รายงานว่า เมื่อท่านรอซูลุลลอฮฺ(ศ็อลฯ) ได้รับข่าวสารเกี่ยวกับการชะฮีดของญะอฺฟัร ท่านก็ได้ไปเยี่ยมบ้านของเขา และขอต่อภรรยาของญะอฺฟัรให้ส่งลูกๆของเขามา เมื่อพวกเขามาหาท่าน ท่านก็ได้กอดพวกเขาและหอมแก้มพวกเขาในขณะที่น้ำตาได้ไหลรินออกมา อัสมา ภรรยาของญะอฺฟัรได้กล่าวว่า “ฉันได้ถามท่านรอซูลุลลอฮฺ(ศ็อลฯ)ว่า มีอะไรบางอย่างเกิดขึ้นกับเขาใช่ไหม ท่านตอบว่า ใช่ ญะอฺฟัรถูกฆ่า”

อัสมากล่าวอีกว่า “เมื่อฉันได้ยินสิ่งนั้น ฉันก็กรีดร้องและสะอื้นไห้ออกมา” จากนั้น ท่านรอซูลุลลอฮฺก็ได้จากไป และบอกกับภรรยาของท่านว่า “อย่าลืมเตรียมอาหารแก่ครอบครัวของญะอฺฟัรด้วย เพราะเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับพวกเขา ทำให้เขาไม่อาจรับได้”

บรรดาลูกๆของชะฮีดจำต้องได้รับการดูแลแทนบิดาของเขาจากคนหนึ่งคนใดใน ประชาชาติอิสลาม ภรรยาของชะฮีดควรได้รับโอกาสในการแต่งงานใหม่หากนางประสงค์

ซึ่งสิ่งเหล่านี้จำต้องมีการเปลี่ยนแปลงทางสังคมสองประการ

ประการแรก : สังคมมุสลิมจำต้องเปลี่ยนแปลงทัศนคติเชิงลบที่มีต่อสตรีที่ถูกหย่าร้างและ สตรีหม้าย ช่างโชคร้ายเสียจริง ที่ทุกวันนี้ผู้ชายต่างหลีกเลี่ยงผู้หญิงที่ถูกหย่าและผู้หญิงที่เป็นหม้าย ดังนั้นความอัปยศที่ได้เกิดกับพี่สาวน้องสาวของเราอันนี้จำต้องได้รับการ แก้ไข

ประการที่สอง : สังคมมุสลิมในปัจจุบันยังขาดความยอมรับต่อการมีภรรยาหลายคน ซึ่งสิ่งเหล่านี้เป็นความจำเป็นสำหรับสังคมอย่างยิ่ง โดยเฉพาะในช่วงเวลาสงคราม ดังนั้นมันจึงไม่เป็นการยุติธรรมเลยหากเราจะตัดสิทธิ์สตรีมุสลิมนับล้านจาก ความหอมหวานของการแต่งงาน

ในสมัยศอฮาบะฮฺ ไม่มีสตรีคนใดที่ถูกทอดทิ้งโดยปราศจากสามีผู้ที่จะดูแลจิตใจ ร่างกายและความเป็นอยู่ เมื่อญะอฺฟัรได้เสียชีวิตลง อบูบักรก็ได้แต่งงานกับภรรยาของเขาและดูแลบรรดาลูกๆของเขา

8.การดูแลครอบครัวของผู้ที่ถูกคุมขัง 

การดูแลครอบครัวของผู้ที่ถูดคุมขังจะได้รับผลบุญเท่ากับการดูแลครอบครัว ของมูญาฮิด สิ่งเหล่านี้มีความสำคัญอย่างยิ่งที่จะต้องได้รับการปฏิบัติเป็นปกติวิสัย เพื่อที่ว่าในอนาคต เมื่อพี่น้องของเราได้ออกไปในหนทางของอัลลอฮฺ พวกเขาจะได้มีความมั่นใจว่า หากพวกเขาถูกฆ่าหรือถูกจับแล้ว ครอบครัวของเขาก็จะยังคงได้รับการดูแล

9. การจ่ายซะกาตให้แก่มูญาฮิดีน 

“แท้จริงทานทั้งหลาย นั้น สำหรับบรรดาผู้ที่ยากจน และบรรดาผู้ที่ขัดสน และบรรดาเจ้าหน้าที่ในการรวบรวมมัน และบรรดาผู้ที่หัวใจของพวกเขาสนิทสนม และในการไถ่ทาส และบรรดาผู้ที่หนี้สินล้นตัว และในหนทางของอัลลอฮ์ และผู้ที่อยู่ในระหว่างเดินทาง ทั้งนี้เป็นบัญญัติอันจำเป็นซึ่งมาจากอัลลอฮ์ และอัลลอฮ์นั้นเป็นผู้ทรงรอบรู้ ผู้ทรงปรีชาญาณ”  [9:60]

ในหนทางของอัลลอฮฺ “ฟีสะบีลิลลาฮฺ” ในที่นี้หมายถึงมูญาฮิดีน

อบูบักร บินอัลอารอบี นักนิติศาสตร์ตามแนวทางมาลิกีได้กล่าวว่า : อิหม่ามมาลิกได้กล่าวว่า “อันหนทางของอัลลอฮฺนั้นมีมากมาย แต่ไม่มีความเห็นที่แตกต่างเลยว่า ‘ในหนทางของอัลลอฮฺ’ ณ ที่นี้(ในโองการนี้) หมายถึง การต่อสู้”

อิหม่ามนาวาวีได้กล่าวไว้ใน อัลมินฮาจ เมื่อได้มีการพูดคุยเกี่ยวกับซะกาตว่า “ผู้ที่ต่อสู้ในหนทางของอัลลอฮฺ ควรได้รับความช่วยเหลือด้านค่าใช้จ่ายของเขาและครอบครัวของเขา ในช่วงเวลาที่เขาไม่อยู่จนกว่าเขาจะกลับมา ถึงแม้ว่าเขาจะหายไปนานแค่ไหนก็ตาม”

ในปัจจุบัน มีคนเพียงไม่คนที่จ่ายซะกาตของเขาให้แก่มูญาฮิดีน เช่นนั้นแหละมุสลิมผู้ใดที่ต้องการรอดพ้นจากการกระซิบกระซาบของชัยฏอนแล้ว ไซร้ เขาควรตระหนักว่า หนทางที่ดีที่สุดสำหรับการจ่ายซะกาตในปัจจุบันก็คือ การจ่ายซะกาตให้แก่มูญาฮิดีน เพราะรอซูลุลลอฮฺ(ศ็อลฯ) กล่าวว่า “การบริจาคทานให้แก่ผู้ที่มั่งมีนั้นไม่เป็นที่อนุญาต นอกจากห้าประการนี้” และท่านก็ได้บอกรายชื่อเหล่านั้นออกมา หนึ่งในนั้นก็คือ “ผู้ที่ต่อสู้ในหนทางของอัลลอฮฺ” (บันทึกโดย อบูดาวุด)

เช่นนั้นแหละ หากการจ่ายซะกาตให้แก่มูญาฮิดีนที่ร่ำรวยยังเป็นที่อนุญาตแล้ว นับประสาอะไรกับมูญาฮิดีนในทุกวันนี้ที่มีคุณสมบัติสี่อย่างจากแปดประการของ ผู้ที่มีสิทธิ์รับซะกาต อันได้แก่ พวกเขาเป็นผู้ยากจน พวกเขาเป็นผู้ที่ขัดสน พวกเขาคือผู้ที่อยู่ในระหว่างการเดินทาง และพวกเขาคือผู้ที่อยู่ในหนทางของอัลลอฮฺ ดังนั้น จงจ่ายซะกาตของท่านแด่เหล่ามูญาฮิดีนเถิดและจงเชิญชวนผู้อื่นให้กระทำอย่าง ท่านด้วย

10.การให้ความช่วยเหลือทางการแพทย์แก่มูญาฮิดีน 

มูญาฮิดีนอยู่ในสภาพที่ต้องการความช่วยเหลือทางการแพทย์เป็นอย่างยิ่ง พวกเขาต้องการหมอ พวกเขาต้องการโรงพยายบาล และต้องการคลินิกที่เปิดประตูต้อนรับพวกเขา และให้ยาแก่พวกเขา อันที่จริงแพทย์มุสลิมนั้นมีจำนวนมากมาย แต่ทว่าเรายังคงได้ยินเรื่องราวมากมายเกี่ยวกับมูญาฮิดีนที่ได้รับบาดเจ็บ จากแผลเล็กน้อย ต้องทนทรมานจากความเจ็บปวดจนกระทั่งเสียชีวิตไป เพราะปราศจากควาช่วยเหลือทางการแพทย์

โอ้ บรรดานักศึกษาแพทย์มุสลิมทั้งหลาย ผู้ที่อ้างว่าที่ตนร่ำเรียนนั้นก็เพื่อหนทางของอัลลอฮฺและเพื่อผลประโยชน์ ของมวลมุสลิม เราขอถามเถิดว่า “พวกท่านอยู่ไหน?”

ค็อฏฏอบ จอมทัพมุสลิมผู้ยิ่งใหญ่แห่งเชชเนีย ได้รับบาดเจ็บในช่วงสงคราม แต่ปรากฎว่าพี่น้องของเขาหาแพทย์ที่เป็นมุสลิมมารักษาไม่เจอเลย พวกเขาจึงพาเขาไปรักษาที่กองกาชาด ภายใต้การรักษาการอย่างเข้มงวด

มุสลิมที่ทำงานในสายการแพทย์นั้น พวกเขามีความรับผิดชอบที่ยิ่งใหญ่ต่อการให้ความช่วยเหลือในการญิฮาดอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

และในความเป็นจริงแล้ว ผลบุญของพวกเขาอาจจะมากกว่าผลบุญของผู้ที่ต่อสู้ด้วยซ้ำไป

11.การให้การสนับสนุนทางจิตใจและกำลังใจแก่มูญาฮิดีน

เมื่อใดที่มูญาฮิดีนได้ยินว่าบรรดาอิหม่ามได้ดุอาอฺให้แก่พวกเขา บรรดาอุลามาอฺได้ออกฟัตวาเพื่อสนับสนุนพวกเขา และบรรดามุสลิมได้ออกมายกย่องพวกเขา สิ่งเหล่านี้แหละที่ได้ปลุกกำลังใจของพวกเขาขึ้นมาและทำให้พวกเขามีแรงที่จะ ฮึดสู้ต่อไป อย่างไรก็ตาม เราได้พบว่ามีมุสลิมหลายคนที่ทรยศพี่น้องของเขาโดยการออกมาพูดต่อต้านพวกเขา ดังจะเห็นได้ว่ามีนักวิชาการหลายคนที่ออกฟัตวาเพื่อสนับสนุนรัฐบาลมุรตัดใน การต่อสู้กับมูญาฮิดีน สิ่งหนึ่งที่ไม่ควรประเมินค่าต่ำไปก็คือ ความเสียหายที่เกิดจากการทรยศที่เกิดขึ้นกับมูญาฮิดีนนั่นเอง

12.การปกป้องมูญาฮิดีนและการยืนหยัดเคียงข้างพวกเขา 

ท่านรอซูลุลลอฮฺ(ศ็อลฯ)กล่าวว่า “ผู้ใดก็ตามที่ปกป้องชื่อเสียงของพี่น้องของเขา อัลลอฮฺจะทรงปกป้องใบหน้าของเขาให้รอดพ้นจากไปนรกในวันแห่งการตัดสิน” (บันทึกโดย ติรมีซี)

และท่านยังได้กล่าวอีกว่า “บุคคลใดก็ตามที่ทรยศมุสลิมที่ถูกละเมิดความบริสุทธิ์และถูกทำให้เสื่อมเสีย ชื่อเสียงแล้วไซร้ อัลลอฮฺก็จะทรงทรยศเขาเช่นกันเมื่อเขาขอความเชื่อเหลือจากกอัลลอฮฺ และหากบุคคลใดได้ปกป้องมุสลิมที่ถูกละเมิดความบริสุทธิ์และถูกทำให้เสื่อม เสียชื่อเสียงแล้วไซร้ อัลลอฮฺก็จะทรงช่วยเหลือเขาในยามที่เขาต้องการความช่วยเหลือ” (บันทึกโดย อบูดาวุด)

ดังนั้นมันจึงเป็นหน้าที่ของเราในการยืนหยัดเคียงข้างผู้ที่กำลังปกป้อง เราและปกป้องศาสนาของเรา โดยหลักการแล้วไม่สมควรอย่างยิ่งสำหรับเราที่จะเข้าข้างคำพูดหรือการกระทำ ที่ต่อต้านพี่น้องร่วมศาสนาอิสลาม โดยเฉพาะกับผู้ที่มอบชีวิตของเขาเพื่ออิสลาม และไม่เป็นที่สมควรอย่างยิ่งที่เราจะไปเข้าข้างคำพูดและการกระทำของผู้ที่ ปฏิเสธศรัทธา ผู้ที่เป็นศัตรูกับอัลลอฮฺ(ซุบฮานะฮุวาตะอาลา)อันเป็นที่รักยิ่งของเรา และถ้าหากผู้หนึ่งผู้ใดไม่อาจพูดความจริงได้อย่างน้อยที่สุดเขาก็ควรนิ่ง เสีย

13.การต่อสู้กับความหลอกลวงของสื่อตะวันตก

มีมุสลิมจำนวนมากมายที่ได้รับข่าวสารจากการกุขึ้นมาของสื่อตะวันตะวันตก อัลลอฮฺได้ตรัสว่า “โอ้ศรัทธาชนทั้งหลาย ! หากคนชั่วนำข่าวใดๆ มาแจ้งแก่พวกเจ้า พวกเจ้าก็จงสอบสวนให้แน่ชัด หาไม่แล้วพวกเจ้าก็จะก่อเคราะห์กรรมแก่พวกหนึ่งโดยไม่รู้ตัว แล้วพวกเจ้าจะกลายเป็นผู้เสียใจในสิ่งที่พวกเจ้าได้กระทำไป” [49:6]

ดังนั้น นับประสาอะไรกับข่าวที่มาจากพวกปฏิเสธศรัทธาที่เลวร้ายยิ่งกว่าคนฟาซิกเสียอีก !?

ความจริงแล้วสื่อตะวันตกนั้นวางอยู่บนการปกปิดสัจธรรมและความจริง มันไม่มีอะไรมากไปกว่า การเป็นโฆษกของชัยฏอนนั่นเอง ท่านไม่เห็นหรอกหรือว่าสื่อตะวันตกนั้นพยายามมากมายแค่ไหนที่จะปกปิดความ รุนแรงที่เกิดขึ้นจากน้ำมือของมันเอง ในขณะเดียวกันมันกลับเน้นนักเน้นหนาเกี่ยวกับความรุนแรงที่เกิดขึ้นจากฝ่าย มุสลิม (ซึ่งเกิดขึ้นนานๆครั้ง) ท่านไม่เห็นหรอกหรือว่ามันประสบความสำเร็จแค่ไหนในการตราหน้าวะลียัลลอฮฺ (สหายของอัลลอฮฺ) และผู้ที่ต่อสู้ในหนทางของอัลลอฮฺว่า “อักษะปีศาจ” ในขณะเดียวกันมันก็ได้นำเสนอฟิรเอาน์และกองทัพของมันในปัจจุบันว่า “กองทัพแห่งธรรม”

สื่อตะวันตกได้ดิบได้ดีในการตบตาและหลอกลวงมุสลิมมามากแล้ว

ความจริงอีกเช่นเดียวกันที่สื่อเหล่านี้ได้ใส่ร้ายป้ายสีมูญาฮิดีน แพร่สะพัดความเท็จเกี่ยวกับพวกเขา ขยายความผิดพลาดที่เกิดขึ้นจากพวกเขา พยามยามหว่านเมล็ดพันธุ์แห่งความแตกแยกท่ามกลางพวกเขา พยายามทำลายชื่อเสียงของพวกเขา ปฏิเสธและใส่ร้ายอุลามาอฺแห่งสัจธรรม ในทางตรงกันข้าม พวกมันได้ยกย่องและส่งเสริมอุลามาอฺแห่งความเท็จ

ดังนั้น พี่น้องอันเป็นที่รักยิ่งของฉัน หน้าที่ส่วนหนึ่งของท่านก็คือ การหาเสียงรณรงค์ท่ามกลางมุสลิมด้วยกันเองเพื่อเพิ่มความเข้าใจเกี่ยวกับ สิ่งเหล่านี้ ท่านควรกระตุ้นพวกเขาให้ระมัดระวังและใช้วิจารณญาณในการรับข่าวสารจากสื่อ ตะวันตก มุสลิมไม่ควรหลงเชื่อสื่อตะวันตกทันทีทันใดนอกจากจะได้รับการยืนยันจาก มุสลิม “ที่ไว้ใจได้” เท่านั้น นั่นหมายถึงให้พวกท่านห่างไกลจากการรับข่าวสารที่มาจากมุสลิมที่ฝ่าฝืน เช่นนั้นแหละ เราไม่ได้บอกให้พวกท่านอย่าเชื่อสื่อทุกประเภท แม้กระทั่งการพยากรณ์อากาศ มิใช่เช่นนั้น! สิ่งที่เรากำลังพูดถึงก็คือ ท่านไม่ควรหลงเชื่อในสิ่งที่พวกมันกล่าวเกี่ยวกับศาสนาอิสลามและมุสลิมต่าง หาก

สิ่งเหล่านั้น คือการกระทำของพวกปฏิเสธศรัทธาที่มีต่อมุสลิมมาตั้งแต่เริ่มประวัติศาสตร์ แล้ว และมีเหตุผลอื่นใดอีกเล่าที่ให้เราเชื่อว่า พวกมันจะเปลี่ยนพฤติกรรมของพวกมัน

14.การเปิดโปงพวกมุนาฟิก 

พวกมุนาฟิกีนเป็นภยันตรายอันใหญ่หลวงสำหรับสังคมมุสลิมมาตั้งแต่สมัยของ ท่านรอซูลุลลอฮฺแล้ว จนกระทั่งตอนนี้พวกมันก็ยังเป็นเช่นเดิมอยู่

ท่านรอซูลุลลอฮฺ(ศ็อลฯ)จะต่อสู้กับพวกเขาโดยการเปิดโปงถึงความกลับกลอกของพวกเขา

หากการต่อสู้กับพวกกุฟฟารฺคือการต่อสู้ด้วยคมดาบแล้วไซร้ การต่อสู้กับพวกมุนาฟิกีนก็คือการต้อสู้ด้วยคารม เนื่องจากพวกกลับกลอกเหล่านี้จะอำพรางตัวภายใต้นามแห่งศาสนา เพื่อเผยแพร่แนวคิดอันตรายของพวกมัน หนทางที่จะต่อสู้กับพวกเขาก็คือการทำให้ประจักษ์ถึงสัจธรรมและเปิดเผยถึงการ หลอกลวงของพวกมัน ดังนั้นอาวุธที่ท่านจะใช้ต่อสู้กับพวกมันก็คือ อัลกุรอานและซุนนะฮฺนั่นเอง

บางคนในหมู่ผู้กลับกลอกอาจจะเป็นผู้มีบารมีและมีความน่าเชื่อถืออยู่ด้วย พวกเขาจะแสดงตนให้เป็นที่น่าประทับใจ แต่หารู้ไม่ พวกเขานั้นกำลังหลอกลวงอยู่ ดังที่อัลลอฮฺ(ซุบฮานะฮุวาตะอาลา) ตรัสว่า “และเมื่อเจ้าได้เห็นพวกเขาแล้ว ร่างกายของพวกเขาจะเป็นที่พึงพอใจแก่เจ้า และหากพวกเขาพูด เจ้าก็จะฟังคำพูดของพวกเขา ประหนึ่งว่าพวกเขาเป็นท่อนไม้ที่ถูกยันไว้ พวกเขาคิดว่า ทุก ๆ เสียงร้องนั้นเป็นปฏิปักษ์ต่อพวกเขา พวกเขาคือศัตรู ดังนั้นจงระวังพวกเขา ขออัลลอฮ์ทรงให้ความอัปยศแก่พวกเขา ทำไมเล่าพวกเขาจึงหันเหออกไปทางอื่น” [63:4]

บรรดาอุลามาอฺจอมปลอมที่เผยแพร่อุดมการณ์อุบาทว์เหล่านั้น จำต้องได้รับการเปิดโปงในสิ่งที่พวกมันทำ

15.การส่งเสริมให้ผู้อื่นออกไปต่อสู้ในหนทางแห่งการญิฮาด 

การเชิญชวนให้ผู้อื่นกระทำความดีเป็นอิบาดะฮฺอย่างหนึ่งที่ควรได้รับการ ส่งเสริม เนื่องจากมันอยู่ภายใต้กรอบแห่งการสั่งใช้ในความดีและห้ามปรามในความชั่ว ดังนั้น การส่งเสริมผู้อื่นเข้าร่วมในการญิฮาดคือศาสนกิจอย่างหนึ่งที่เราอยากให้ทำ เป็นอย่างยิ่ง

อัลลอฮฺ(ซุบฮานะฮุวาตะอาลา) ตรัสว่า “โอ้ นบี! จงปลุกใจผู้ศรัทธาทั้งหลายในการสู้รบเถิด” [8:65] และ “เจ้าจงสู้รบในทางของอัลลอฮ์เถิด โดยที่เจ้ามิได้ถูกบังคับ (ให้เกณฑ์ผู้ใด) นอกจากตัวของเจ้าเอง และจงปลุกใจบรรดาผู้ศรัทธาด้วย เป็นไปได้ว่าอัลลอฮ์จะทรงยับยั้งกำลังรบของบรรดาผู้ปฏิเสธศรัทธาเหล่านั้น และอัลลอฮ์เป็นผู้ทรงมีกำลังรบที่เข้มแข็งกว่า และเป็นผู้ทรงมีการลงโทษที่รุนแรงกว่า” [4:84]

16.การปกป้องมูญาฮิดีนและรักษาความลับของพวกเขา 

เราจำต้องระวังลิ้นของเราไว้ บางครั้งท่านอาจจะลงเอยด้วยการทำร้ายพี่น้องของท่านด้วยคำพูดของท่านอย่าง ไม่ตั้งใจก็เป็นได้ มุสลิมควรปรับปรุงมารยาทในการรักษาความลับ เรามีตัวอย่างแล้วจากซีเราะฮฺของซอฮาบะฮฺท่านหนึ่งที่ปฏิเสธที่จะบอกภรรยา ของเขาเกี่ยวกับความลับที่ท่านรอซูลุลลอฮฺ(ศ็อลฯ)ได้บอกกับพวกเขา บางครั้งท่านจำต้องรกษาความลับจากคนที่ใกล้ชิดกับท่าน เช่น ภรรยาของท่าน บิดามารดาของท่าน ลูกๆและพี่น้องของท่าน เพราะพวกเขาอาจจะเปราะบางเกินไปที่จะรักษามันได้ มุสลิมควรเรียนรู้ที่จะไม่พูดสิ่งที่เกินจำเป็น และเรียนรู้ที่จะทำงานบน “พื้นฐานที่จำเป็นต้องรู้”

โดยธรรมชาติแล้วงานญิฮาดส่วนใหญ่นั้นมักจะเป็นความลับ ดังนั้นพี่น้องทั้งหลายควรระมัดระวังจากคำพูดของพวกท่าน ความเสียหายส่วนใหญ่ที่เกิดขึ้นกับการญิฮาด ก็อันเนื่องมาจากมีพี่น้องผู้หวังดีและบริสุทธิ์ใจบางท่านได้ปากพล่อยนั่น เอง

บรรดาศัตรูของอัลลอฮฺจะพยายามที่จะเกณท์มุสลิมให้ไปแทรกซึมเข้าไปในการ งานอิสลาม พวกเขาจะบอกกับเขาเหล่านั้นว่า เรากำลังทำสิ่งเหล่านี้เพื่อปกป้องมวลมุสลิม พวกเขาอาจทำงานร่วมกับอุลามาอฺที่เห็นด้วยกับพวกเขา

หน้าที่ของพวกท่านในการปกป้องมูญาฮิดีนก็คือการเตือนสังคมมุสลิมว่าการ สอดแนมมุสลิมให้แก่ผู้ที่ไม่ใช่มุสลิมนั้นไม่แตกต่างอะไรกับกุฟรฺเลย

อัลลอฮฺ(ซุบฮานะฮุวาตะอาลา) ตรัสว่า “…และผู้ใดในหมู่พวกเจ้าเอาพวกเขามาเป็นมิตรแล้วไซร้ แน่นอนผู้นั้นก็เป็นคนหนึ่งในพวกเขา…”[5:51]

17.การขอดุอาอฺใก้แก่มูญาฮิดีน

จงอย่ามองข้ามการขอดุอาอฺที่บริสุทธิ์ใจ ท่านรอซูลุลลอฮฺ(ศ็อลฯ) กล่าวว่า “ประชาชาตินี้จะถูกประทานซึ่งชัยชนะผ่านความอ่อนแอที่เกิดขึ้นท่ามกลางพวก เขา โดยการขอดุอาอฺของพวกเขา การละหมาดและความบริสุทธิ์ใจ

จงขอดุอาอฺให้พวกเขาในการสุญูดของพวกท่าน  เพราะนั่นคือเวลาที่ท่านใกล้ชิดกับอัลลอฮฺมากที่สุด

รูปแบบที่สำคัญของการขอดุอาอฺที่ควรได้รับการปฏิบัติก็คือ การขอดุอาอฺกุนูตในละหมาด ดังนั้นจงเชิญชวนอิหม่ามให้ปฏิบัติมันเมื่อมีเหตุการณ์บางอย่างเกิดขึ้นกับ มูญาฮิดีน นี่คือซุนนะฮฺของท่านรอซูลุลลอฮฺ(ศ็อลฯ) ก่อนหน้าสงครามหนึ่ง แม่ทัพมุสลิมได้ขอให้เหล่าทหารของเขาให้ดูในสิ่งที่มูฮัมหมัด บินวาซิอฺ(หนึ่งในนักอิบาดะฮฺที่ยิ่งใหญ่ท่านหนึ่งในสมัยบรรพชนยุคแรก)ได้ กระทำ พวกเขาได้กลับมาและบอกว่า เราได้เห็นเขาชูนิ้วของเขาและขอดุอาอฺ แม่ทัพมุสลิมผู้นั้นได้กล่าวว่า “นิ้วที่ได้ขอดุอาอฺต่ออัลลอฮฺนั้นเป็นที่รักยิ่งแก่ฉันมากกว่าเหล่าบุรุษ ถึงหนึ่งพันคน!”

18.การติดตามข่าวสารของการญิฮาดและการเผยพร่มัน 

การติดตามข่าวสารของการญิฮาดและมูญาฮิดีนนั้นมีความสำคัญอย่างยิ่ง เนื่องจาก

  • มันจะรักษาความผูกพันของท่านที่มีต่อการญิฮาดให้มีชิวิตชีวาขึ้น
  • มันจะช่วยเพิ่มซึ่งความเข้มแข็งของท่านที่พึงมีต่ออุมมะฮฺอิสลาม
  • มันจะช่วยกระตุ้นให้ท่านเข้าร่วมสมรภูมิญิฮาด เมื่อท่านเห็นความกล้าหาญของเหล่ามูญาฮิดีน และมันจะช่วยปลุกความปรารถนาชะฮีดของท่าน เมื่อท่านเห็นความกล้าหาญของเหล่าชะฮีด
  • บรรดาผู้ติดตามข่าวสารของมูญาฮิดีนนั้นจะมองเห็นได้ว่า อัลลอฮฺนั้นกำลังปกป้องบ่าวของพระองค์อยู่ และกำลังนำทางพวกเขาสู่ชัยชนะ พวกเขาจะมองเห็นถึงหนทางที่ประชาตินี้กำลังมุ่งสู่ยุคสมัยแห่งอิสลาม ภายใต้การนำของ “อัฏฏออิฟะฮฺ อัลมันศูเราะฮฺ” ดังที่ได้กล่าวไว้ในฮะดีษของท่านรอซูลุลลอฮฺ(ศ็อลฯ)
  • การอ่านแต่หนังสือฟิกฮฺหรือหนังสือประวัติศาสตร์การญิฮาดจ
คำสำคัญ (Tags): #วิธี
หมายเลขบันทึก: 318233เขียนเมื่อ 5 ธันวาคม 2009 07:16 น. ()แก้ไขเมื่อ 19 มิถุนายน 2012 13:57 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท