คุณครูในโรงเรียนสอนเด็กอนุบาลแห่งหนึ่ง ตัดสินใจที่จะให้เด็กนักเรียนในชั้นของเธอเล่นเกมได้ ดังนั้นเธอจึงบอกให้เด็กนักเรียนแต่ละคนในชั้นนำมันฝรั่งใส่ถุงพลาสติกมาจำนวนหนึ่ง บนมันฝรั่งแต่ละหัวให้เขียนชื่อคนที่รังเกียจไว้
จำนวนหัวมันฝรั่งที่เด็กนักเรียนใส่ไว้ในถุงของเขาจะขึ้นกับจำนวนคนที่เขารังเกียจหรือไม่ชอบนั่นเอง และเมื่อถึงวันที่กำหนด เด็กๆ ทุกคนก็นำมันฝรั่งที่มีชื่อคนที่เขารังเกียจติดตัวมา บางคนมีมัน 2 หัว บางคนมีมัน 3 หัว ขณะที่บางคนมีมันถึง 5 หัว จากนั้นคุณครูก็สั่งให้เด็กนักเรียนนำมันฝรั่งของตนเองใส่ถุงถือติดตัวไปทุกหนทุกแห่ง (แม้กระทั่งเข้าห้องน้ำ) เป็นเวลา 1 อาทิตย์
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า
: โยนทิ้งความเกลียดชังผู้อื่นออกไปจากใจคุณ เพื่อที่ว่าคุณจะไม่ต้องแบกรับบาปนี้ไปชั่วชีวิต ให้อภัยผู้อื่นถือเป็นทัศนคติที่ดีที่สุด รักชื่นชมผู้อื่นแม้ว่าคุณจะไม่ชอบพวกเขา "ความรักที่แท้จริงนั้นไม่ใช่การรักชอบบุคคลที่สมบูรณ์แบบยิ่งกว่าสมบูรณ์แบบ แต่เป็นการรักชื่นชมบุคคลที่ไม่สมบูรณ์แบบให้สมบูรณ์มากๆ"
หลังจากที่หลายวันผ่านไป พวกเด็กนักเรียนก็เริ่มบ่นถึงกลิ่นที่ไม่ค่อยดีออกมาจากมันฝรั่งที่เริ่มจะเน่า นอกจากนั้นเด็กคนที่ถือมันฝรั่ง 5 หัว ก็ยิ่งบ่นที่ต้องถือถุงหนักกว่าใคร เมื่อเวลา 1 อาทิตย์สิ้นสุดลง พวกเด็กนักเรียนจึงได้รู้สึกโล่งใจเพราะเกมได้จบลงแล้ว
คุณครูถามว่า "พวกเธอรู้สึกอย่างไรกับการที่ต้องถือมันฝรั่งติดตัวมา 1 อาทิตย์" พวกเด็กนักเรียนก็ได้แต่ระบายความหงุดหงิด ไม่พอใจออกมา และบ่นถึงความลำบากที่พวกเขาต้องเจอจากที่ต้องถือถุงมันฝรั่งที่ทั้งหนักและเหม็นเน่า หลังจากนั้นครูก็ได้อธิบายให้เด็กได้ทราบถึงความหมายแท้จริงที่ซ่อนอยู่ในเกม คุณครูกล่าวว่า "นี่เป็นเหมือนสถานการณ์จริงๆ เมื่อเราต้องแบก เก็บความเกลียดชังผู้อื่นไว้ในใจ มลพิษของความเกลียดชังจะกัดกร่อนใจของเรา และติดไปกับตัวเราในทุกๆ ที่ที่เราไป ถ้าขนาดที่เรายังทนไม่ได้กับกลิ่นเน่าเหม็นของมันฝรั่งในช่วง 1 อาทิตย์ ลองคิดดูว่ามันจะเป็นเช่นไร ถ้าเราแบกเก็บความเกลียดชังไว้ในใจตลอดชั่วชีวิต?"
คติเตือนใจเรื่องนี้เป็นสิ่งที่ดี แต่ก็ยากสำหรับการทำใจให้อภัยในบางเรื่องเหมือนกัน ต้องใช้เวลาค่ะ
ยกตัวอย่างดีจังครับ
ขออนุญาตนำไปเผยแพร่ต่อครับ