หลายครั้งหลายคราที่ไปไหนมาไหนกับครู ทั้ง ๆ ที่หนูเองก็ไม่ได้รู้สึกว่าอยากจะไป วันที่ไปปั่นจักรยานก็เหมือนกัน อาจารย์ ครูและหนู ออกมาปั่นจักรยานกันที่บึงสีฐาน จริง แล้ว อาจารย์และคุณครูท่านออกมาก่อน แล้วท่านค่อยโทรหาหนูอีกที ตอนรับโทรศัพย์ หนูก็รู้สึกว่า
"จะโทรหาฉันทำไมหล่ะ ไปกันสองคนก็ดีอยู่แล้ว"
แหนะเห็นจิตชั่ว ๆ ของหนูไหมค่ะ มันหวงอาจารย์ แถมยังเพ่งโทษคุณครูอีก
แต่ว่าสุดท้ายหนูก็ไป ไปเจอท่านทั้งสอง ด้วยความรู้สึกจ๋อย ๆ
แต่ครูก็ยังดูสดใสเบิกบาน แลกจักรยานกันปั่นกับอาจารย์ เหมือนเด็กเล่นกันสนุกสนาน
หนูดู ๆ ก็ อืมสนุกดีเหมือนกันค่ะ แต่ตอนนั้นที่คิดว่า สนุกเพราะหนูใช้สมองคิดเอา แต่ใจจ๋อย ๆ ไม่มันส์เลย เพราะมีแต่ความคิดชั่ว ๆ สาดใส่ทั้งครูและอาจารย์
เอ.......หลังปั่นจักรยานวันนั้นเราไปไหนกันนะ ดูเหมือนหลายอย่างจะ อยู่นานแผนพอดู อืมหนูลืมบอกไปอย่าง
อาจารย์ของหนูท่านเป็นผู้ที่ทำอะไรมักจะวางแผนล่วงหน้า แต่คุณครูจะเป็นอะไรที่ไร้รูปแบบ เเต่เวลา 2 ท่านนี้มาเจอกัน หนูเห็นแล้วก็รู้สึกว่า "ลงตัว" จนบางทีรู้สึกว่า "ตนเองเป็น ส่วนเกิน"
แต่พออาจารย์ท่านมารู้จักครู ท่านดูสบาย ๆ มากขึ้น อ่อนโยนมากขึ้น เพราะ
เมื่อก่อนบางทีหนูก็กลัวอาจารย์จนผวา แต่ภายใต้ความกลัวของหนู ก็รู้สึกลึก ๆ ว่า ท่านอ่อนโยน
มีเพื่อนหลาย ๆ คน พยายามถามหนูว่า
ทำไมยังทำงานกับท่าน เพราะทุกคนคิดว่า ท่านดุมาก แต่เเปลก ภายใต้ความดุของท่าน หนูรู้สึกว่า "ท่านอ่อนโยน"
อืม เอาหล่ะนอกเรื่องมาเยอะละ วันนั้น เราทั้งสามคนไปหาอะไรทานต่อ เหมือนครูท่านต้องการให้กำลังใจ หนูและอาจารย์ที่ตั้งใจมาออกกำลังกาย ที่จากเดิมทั้งหนูและอาจารย์ บ้างาน จนไม่ดูแลสุขภาพตนเอง
เห็นไหมค่ะ ตลอดการไปไหนมาไหนกับครู หนูเองมักจะ สาดความไม่พอใจ ความโกรธ ความอิจฉา ใส่ท่านมาตลอด แต่ด้วยความเชื่อมั่นในหนทางของการช่วยเหลือ และเชื่อมั่นในความดีงามของมนุษย์ เชื่อว่า ถ้าธรรมลงใจ ความชั่วทั้งหลายแหล่จะค่อย ๆ จางลงและหายไป
มาทบทวนตอนนี้ ครูท่านสอนอะไรหนูนะ อืม นึกถึงคำท่านได้ ท่านเคยบอกว่า
จากเรื่องราวนี้ที่ครูทำให้หนูเห็นทำให้ระลึกถึงคำสอนนี้ของครูค่ะ
ขอบพระคุณนะคะคุณครู
ไม่มีความเห็น