สวาทนั้นฤาวาย


ชีวิตของเขาและเธออาจเป็นตัวอย่างใน"การเขียนบทพรรณนา"ได้ดีทีเดียว

 

สวาทนั้นฤาวาย              

           สายมากแล้ว...ฉันยังนั่งอยู่ที่เดิม ทุกอย่างยังไม่พร้อม ถึงแม้จะเป็นเช้าวันจันทร์ก็ตาม ฉันบอกกับตัวเองว่า วันนี้ต้องไปทำงานสาย...หรือไม่ก็ต้องลากิจหนึ่งวันหรือหนึ่งสัปดาห์ไปเลยที่เดียว...ฉันเหนื่อย อ่อนล้าอย่างบอกไม่ถูก ทุกอย่างที่เกิดกับฉันเมื่อ ๒ วันก่อนมันรวดเร็ว เร็วมากจริงๆ มันเป็นข่าวที่ฉันไม่อยากได้ยิน ไม่อยากเชื่อและไม่อยากวิเคราะห์ความข่าวนั้น  เสียงเพลงชาติดังบอกเวลา ๒ โมงเช้าพอดี ฉันรีบโทรศัพท์บอกที่ทำงานว่าฉันลากิจหนึ่งสัปดาห์ แล้วล้มตัวลงนอนต่อโดยไม่สนใจสิ่งรอบข้างใดๆอีก

         และแล้ว...ภาพแห่งความหลังครั้งเก่าก็เด่นชัดขึ้นมา เมื่อสามปีที่แล้ว...ฉันและเขาเคยมีจุดหมาย มีความหวังหลายอย่างที่จะสร้างฝันให้เป็นจริง ฉันขยันขันแข็งในการทำงาน เก็บออมพร้อมที่จะสร้างอนาคต

        เวลาผ่านไปเรายังส่งข่าวคราวกันตลอด เหมือนมีพันธะสัญญาที่จะก้าวไปพร้อมกันอย่างมั่นใจ แต่ข่าวที่ฉันได้รับใน ๒ วันนี้ ฉันบอกไม่ถูกว่ามีความรู้สึกอย่างไร...เหมือนตกจากที่สูง เหมือนก้าวบันไดพลาด เหมือนหกล้ม เหมือนถูกตบ หรือเหมือนตัวเบาโหวงลอยในอากาศธาตุ บอกไม่ถูกจริงๆ...ต่อแต่นี้ไปฉันคือฉัน ต้องก้าวอย่างมั่นคงด้วยตัวของฉันเอง ตัดสินใจด้วยเหตุผลที่ตัวเองคิดว่าถูกต้องด้วยความรอบคอบไม่โลเลหรือหวั่นไหว

          ฉันรีบสลัดความคิดและภาพหลอนต่างๆทิ้งไป บอกกับตัวเองว่า พรุ่งนี้ต้องไปทำงานแต่เช้า ขอพักใจแค่เพียงหนึ่งวันก็คงเกินพอ

          ช้านี้ดูเหมือนอากาศจะเป็นใจกับฉันจริงๆ ฟ้าโปร่งใสสดชื่น ดูอะไรแจ่มใสไปหมด ฉันแต่งตัวในชุดที่คิดว่าทะมัดทะแมงที่สุด เดินสูดอากาศเข้าปอดลึกๆ พร้อมกับบอกตัวเองว่าต้องเข้มแข็งอดทนต่อทุกสิ่งและจะไม่หวั่นไหวอีกต่อไป

          ฉันพบเพื่อนในที่ทำงาน หลายต่อหลายคน พูดคุยกันสนุกสนาน ฉันลืมความโศกเศร้าไปจริงๆความขุ่นข้องหมองใจไม่มีเหลือเลย เรื่องเขาคนนั้นจะเป็นอย่างไรฉันจะไม่ทบทวนอีก

           เลิกงานแล้ว ฉันรีบเดินไปที่ตลาด เย็นนี้จะทำอาหารอร่อยที่ฉันชอบ ลงมือทำเองสักวัน จะกินคนเดียว หรือจะชวนใครมากินเป็นเพื่อนดีล่ะ ฉันถามตัวเอง ชวนเพื่อนสาวก็แล้วกัน คงมีเรื่องสนุกๆคุยคลายเครียดบ้าง ฉันคิดไปเรื่อยเปื่อย แต่แล้วใครคนหนึ่งก็เซมาปะทะกับตัวฉัน อุ้ย!ขอโทษนะคะ ขอโทษจริงๆ ฉันร้องบอกพร้อมกับมองผู้หญิงท้องโย้คนนั้น ไม่เป็นไรครับ เสียงผู้ชายที่มากับผู้หญิงคนนั้น...ฉันรีบมองดูหน้าเขาทันที เพราะเป็นเสียงที่คุ้นเคย...คุณ! ฉันอุทานเบาๆ เสียงฉันหยุดอยู่แค่นั้น หยุดอยู่แค่นั้นจริงๆ แล้วฉันก็เดินหลีกไป...แต่ในหัวใจมันรู้สึกเบาหวิว...ร้าวลึก

                   เห็นสวาด       ขาดทิ้ง        กิ่งสนัด

เป็นรอยตัด        ต้นสวาด       ไม่ขาดสาย

สวาทพี่        นี้ก็ขาด        สวาทวาย

แสนเสียดาย      สายสวาท      ที่ขาดลอย.

                                                  (นิราศวัดเจ้าฟ้า- สุนทรภู่)

... บางทีเรื่องราวชีวิตของเขาและเธออาจเป็นตัวอย่างในการเขียนบทพรรณนาได้ดีทีเดียว

สวาด     -      ชื่อไม้เถาเนื้อแข็ง

สวาท     -      ความรัก ความดีใจ ความยินดี

(เป็นคำพ้องเสียง)

ฉัน        -       นส.เหมือนฝัน    พลันสลาย

เขา        -       นายเปลี่ยนฤทัย  ให้ระทม

                                                                    ดอกปีบ

                                                                   www.cruroj.com

หมายเลขบันทึก: 314512เขียนเมื่อ 18 พฤศจิกายน 2009 23:10 น. ()แก้ไขเมื่อ 20 มิถุนายน 2012 19:03 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (4)

รูปแบบการเขียนเรื่องสั้นที่ทิ้งปม ผมจะหาคำตอบต่อไป

สวัสดีค่ะท่านผอ.ยินดีมากค่ะที่มาหาคำตอบ...ไม่ทราบว่ามาบัวขาวบ่อยๆทำไรคะ(ผู้หญิงอยากรู้ค่ะ...)

                                                ขอบคุณมากนะคะ

ทำให้นิราศวัดเจ้าฟ้าของสุนทรภู่บท(ไม่แน่ใจว่าเรียกถูก)นี้ ไพเราะเพิ่มขึ้นอีกมากๆเลยครับ

  • เห็นสวาด ขาดทิ้ง กิ่งสนัด
  • เป็นรอยตัด ต้นสวาด ไม่ขาดสาย
  • สวาทพี่ นี้ก็ขาด สวาทวาย
  • แสนเสียดาย สายสวาท ที่ขาดลอย

ขอบคุณเรื่องราวดีๆครับ

"...แล้วสอนว่าอย่าไว้ใจมนุษย์

มันแสนสุดลึกล้ำเหลือกำหนด

ถึงเถาวัลย์พรรณเกี่ยวที่เลี้ยวลด

ยังไม่คดเหมือนหนึ่งในน้ำใจคน..." (พระอภัยมณี)

     วรรณศิลป์งดงามเสมอนะคะ

                         ขอบคุณมากค่ะ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท