Reflect from practice:ภายใต้ความโกรธ


ความโกรธเป็นเพียงเสมือนหน้าเค้กเท่านั้น ภายใต้ความโกรธนั้นต่างหากคือเนื้้อแท้

   ฉันรับโทรศัพท์จากผู้ป่วยรายข้อเสื่อมรายหนึ่ง หลังจากได้รับ Glucosamine sulfate ชนิดซองละลายน้ำมาสองสัปดาห์ โดยแพทย์ที่ให้อธิบายว่า ช่วยแก้น้ำในข้อเข่าแห้ง แต่เมื่อผู้ป่วยได้ข้อมูลจากเพื่อนบ้านว่าเข่าอักเสบแล้วจะน้ำในข้อเยอะ ( joint effusion) นับแต่นั้นมา เธอก็ไม่สบายใจในการกินยาเพิ่มน้ำในข้อเข่าอีกเลย แต่ก็อยากจะปรึกษาฉัน ในฐานะที่ดูแลคุ้นเคยกันมา ฉันจึงอธิบายว่าตัวยาน่าจะช่วยป้องกันไม่ให้อักเสบจนน้ำเกินอย่างที่กลัว..
   แต่แล้ววันนี้ เสียงเธอตื่นตระหนกที่ "นิ้วบวม" ฉันถามถึงอาการปวด คัน บวมบริเวณอื่น หรือหายใจเหนื่อยก็ไม่มี จึงแนะนำให้หยุดยาและดูอาการ ผู้ป่วยพยายามให้ฉันฟันธงว่าเกิดจากยา glucosamine sulfate ซึ่งฉันก็อธิบายว่า เท่าที่ทราบเป็นยาที่ค่อนข้างปลอดภัยจึงไม่น่าจะทำให้เกิด แต่ก็ควรหยุดยาดูอาการ..วางสายไปประมาณ 2 ชั่วโมง..ผู้ป่วยคนเดิม โทรมาบอกว่าได้ถามจากเจ้าหน้าที่? บอกว่าเกิดจากยาแน่นอน..จะขอเอายาที่เหลืออยู่ทั้งหมดมาคืน..แม้ฉันจะพยายามบังคับน้ำเสียงให้ปกติ แต่รู้สึกได้ในใจว่าโกรธ..หากแต่ภายใต้ความรู้สึกนั้น คือความรู้สึกกลัว..กลัวที่จะเสีย trust จากคนไข้, ความรู้สึกเสียใจ ว่าน่าจะบอกให้คนไข้มาดูอาการว่าบวมแค่ไหน และน่าจะโทรไปถามเภสัชให้แน่ใจก่อนที่จะบอกคนไข้ไป...etc.
  แม้ฉันได้พยายามค้นคว้าจากฐานข้อมูลยา ก็พบว่า "Neither glucosamine, nor sulfate, are allergenic components..There is no evidence that those who are sensitive to sulfites or sulfa drugs are at any elevated risk of sensitivity to glucosamine sulfate"(*) ..แต่ฉันก็อดกังวลไม่ได้ กับความไม่แน่นอนของวิชาชีพแพทย์

  ทำให้นึกย้อนไปถึง ภรรยาของผู้ป่วยรายหนึ่งที่สิงคโปร์ ผู้ป่วย CA esophagus มี progressive dysphagia เธอแสดงความโกรธถึงแพทย์ที่..วินิจฉัยพบได้ช้า ที่ให้ยารักษาอาการปวดแต่ก็ดูไม่ได้ผล ที่ให้ฉายแสงแต่ยับยั้งความถดถอยทางสภาพร่างกายของสามีไม่ได้..บางทีความโกรธที่แสดงออกมา แท้จริงคือความกลัว..Helplessness..กลัวว่าจะเจออะไรต่อไป แล้วจะทำอย่างไรต่อไป..ดังนั้น ไม่มีความจำเป็นใดที่เราต้องโกรธตอบเลยหากมองเห็นว่าความโกรธนั้น แท้จริงคือการขอความช่วยเหลือ..

   วันถัดมา โทรศัพท์จากคนไข้คนเดิม "ลิมบอกไปอีกอย่างคะ ว่าไม่ค่อยมีเรี่ยวแรงเลย นอนก็ไม่ค่อยหลับ..เดี๋ยวจะไปเช็คกับคุณหมอนะคะ" ..ปัญหานี้เป็นหนึ่งใน 108 อาการของเธอ แต่น่าแปลกที่ฉันกลับรู้สึกสบายใจอย่างบอกไม่ถูก...

คำสำคัญ (Tags): #anger#reflection
หมายเลขบันทึก: 314213เขียนเมื่อ 17 พฤศจิกายน 2009 20:18 น. ()แก้ไขเมื่อ 27 มีนาคม 2012 21:03 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (4)

ผมมีประสบการณ์เรื่องโกรธมานานเลยทีเดียว ถึงกับเคยทำ Anger Scale เอาไว้ตามดูความรู้สึกของตัวเอง ตอนที่ยังชอบระบบ digital อะไรที่วัดเป็นตัวเลข  ๕๕๕

สิ่งแรกที่ช่วยผมมาก คือ การยอมรับว่าตัวเองกำลังโกรธ

เข้าทีคะ ถ้า Anger scale 0-10 แล้ว 10 ของอาจารย์พอบอกได้ไหมคะ ว่าตอนไหน

ผมมีแค่ ๕ ครับ หมายถึง ตอนเกิดอาการฟาดงวงฟาดงา (มีการแสดงออก) กับคนอื่น (มีเหยื่อ) โดยไร้เหตุผล  แล้วฉุดกลับไม่อยู่แล้ว เลยเถิดไปสุดกู่ อะไรทำนองนั้น ครับ

ถ้าถึงขั้นนี้ ก็สุดจะเยียวยา น่าจะหาทางป้องกันไม่ให้เกิดมากกว่า

 

อาจารย์...รู้สึกได้ในใจว่าโกรธ

อาจารย์ก็สุดยอดมากแล้วครับ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท