ชื่อเรื่อง การศึกษาปัญหาการนิเทศภายในโรงเรียนเทศบาล
สังกัดเทศบาลตำบลอรัญญประเทศจังหวัดสระแก้ว
ผู้วิจัย ยมณี ตั้งอนุรัตน์
ปีที่วิจัย 2545
วัตถุประสงค์
จังหวัดสระแก้วใน 5 ด้าน คือ
1.1 การจัดการและพัฒนาบุคลากร
1.2 หลักสูตรและการนำหลักสูตรไปใช้
1.3 การจัดกิจกรรมการเรียนการสอน
1.4 สื่อการเรียนการสอน
1.5 การวัดผลและการประเมินผล
2. เพื่อเปรียบเทียบปัญหาการนิเทศภายในโรงเรียนเทศบาล สังกัดเทศบาลตำบลอรัญญประเทศ จังหวัดสระแก้ว จำแนกตามประสบการณ์ทำงาน
วิธีวิจัย
ประชากรและกลุ่มตัวอย่าง
การวิจัยครั้งนี้ได้ศึกษากับประชากรและกลุ่มตัวอย่างดังนี้
1. ประชากร ประชากรที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้ ได้แก่ พนักงานครูเทศบาล ทั้งผู้บริหาร ครูผู้ปฏิบัติการสอน และครูอัตราจ้าง สังกัดเทศบาลตำบลอรัญญประเทศ จังหวัดสระแก้ว จำนวน 60 คน
2. กลุ่มตัวอย่าง กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยได้จากการสุมแบบแบ่งชั้น (stratified random sampling ) โดยมีโรงเรียนเป็นชั้น จากประชากรที่เป็นผู้บริหารและครูโรงเรียนเทศบาล สังกัดเทศบาลตำบลอรัญญประเทศ ได้กลุ่มตัวอย่างที่เป็นผู้บริหารและครูโรงเรียนเทศบาล สังกัดเทศบาลตำบลอรัญญประเทศ จำนวน 52 คน โดยใช้เกณฑ์กำหนดจำนวนกลุ่มตัวอย่างจากตารางประมาณกลุ่มตัวอย่างของ เครจซี่ และมอร์แกน
( Krajcie & Morgan, 1970,pp.608-609)
เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย
เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูลสำหรับการวิจัย แบ่งเป็นแบบสอบถามที่รวบรวมข้อมูลจากเอกสารการนิเทศภายในโรงเรียน แบ่งออกเป็น 2 ตอน ดังนี้
ตอนที่ 1 เป็นแบบสอบถามเกี่ยวกับสถานภาพของผู้ตอบแบบสอบถาม ในเรื่องประสบการณ์การทำงาน เป็นแบบสำรวจรายการ (checklist ) จำนวน 1 ข้อ
ตอนที่ 2 เป็นแบบสอบถามความคิดเห็นเกี่ยวกับปัญหาการนิเทศการศึกษาภายในโรงเรียน สังกัดเทศบาลตำบลอรัญญประเทศ จังหวัดสระแก้ว ในด้านต่อไปนี้
1.1 การจัดการและพัฒนาบุคลากร
1.2 หลักสูตรและการนำหลักสูตรไปใช้
1.3 การจัดกิจกรรมการเรียนการสอน
1.4 สื่อการเรียนการสอน
1.5 การวัดผลและการประเมินผล
วิธีเก็บรวมรวมข้อมูล
การเก็บรวบรวมข้อมูลสำหรับการวิจัยครั้งนี้ ดำเนินการเก็บรวบรวมข้อมูลตามวิธีการและขั้นตอนดังต่อไปนี้
1. ขอหนังสือรับรองจากภาควิชาบริหารการศึกษา มหาวิทยาลัยบูรพา ถึงนายกเทศมนตรีเทศบาลตำบลอรัญญประเทศ เพื่อขอความร่วมมือในการเก็บรวบรวมข้อมูล
2. จัดส่งแบบสอบถามจำนวน 52 ฉบับ ไปยังพนักงานครูเทศบาลทั้ง 2 โรงเรียนและขอรับแบบสอบถามคืนด้วยตนเอง
3. ผู้วิจัยได้รับแบบสอบถามกลับคืน ผู้วิจัยตรวจสอบและคัดเลือกฉบับที่สมบรูณ์ทุกฉบับ
4. นำแบบสอบถามที่สมบรูณ์มาลงรหัสให้คะแนนน้ำหนักคะแนนแต่ละข้อและบันทึกข้อมูลลงในคอมพิวเตอร์ โดยวิเคราะห์ข้อมูลด้วยโปรแกรม SPSS / PC+
5. นำผลคำนวณมาทำการวิเคราะห์ข้อมูลตามความมุ่งหมายของการวิจัยต่อไป
การวิเคราะห์ข้อมูล
ผู้วิจัยนำข้อมูลที่ได้จากแบบสอบถามมาแยกวิเคราะห์ดังนี้
ตอนที่ 1 แบบสอบถามเกี่ยวกับสถานภาพของผู้ตอบแบบสอบถาม โดยคิดเป็นร้อยละ
ตอนที่ 2 แบบสอบถามเกี่ยวกับปัญหาการนิเทศการศึกษาของโรงเรียนเทศบาลสังกัดเทศบาลตำบลอรัญญประเทศ จังหวัดสระแก้ว ลักษณะแบบสอบถามเป็นแบบมาตราส่วนประมาณค่า 5 ระดับ (rating scale ) โดยเรียงจากมากที่สุด มาก ปานกลาง น้อยละน้อยที่สุดของ ลิเคิร์ท ( Best & Kahn,p.247) กำหนดน้ำหนักคะแนนดังนี้
มากที่สุด หมายถึง ปัญหาการนิเทศภายในโรงเรียนอยู่ในระดับมากที่สุด
มาก หมายถึง ปัญหาการนิเทศภายในโรงเรียนอยู่ในระดับมาก
ปานกลาง หมายถึง ปัญหาการนิเทศภายในโรงเรียนอยู่ในระดับปานกลาง
น้อย หมายถึง ปัญหาการนิเทศภายในโรงเรียนอยู่ในระดับน้อย
น้อยที่สุด หมายถึง ปัญหาการนิเทศภายในโรงเรียนอยู่ในระดับน้อยที่สุด
การแปลความหมายของคะแนน ผู้วิจัยกำหนดเกณฑ์สำหรับระดับของปัญหาการนิเทศภายในโรงเรียนโดยเอาคะแนนเฉลี่ย (mean) ของคะแนนเป็นตัวชี้วัด โดยกำหนดเกณฑ์ดังนี้ ( บุญชม ศรีสะอาด และบุญส่ง นิลแก้ว,2535,หน้า23-24)
คะแนนเฉลี่ย 4.51- 5.00 หมายถึง มีปัญหาอยู่ในระดับมากที่สุด
คะแนนเฉลี่ย 3.51- 4.50 หมายถึง มีปัญหาอยู่ในระดับมาก
คะแนนเฉลี่ย 2.51- 3.50 หมายถึง มีปัญหาอยู่ในระดับปานกลาง
คะแนนเฉลี่ย 1.51- 2.50 หมายถึง มีปัญหาอยู่ในระดับน้อย
คะแนนเฉลี่ย 1.00- 1.50 หมายถึง มีปัญหาอยู่ในระดับน้อยที่สุด
สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล
ผู้วิจัยดำเนินการวิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้โปรแกรมสำเร็จรูป SPSS / PC+ ( statistical package for the social / personal computer plus ) โดยเลือกเฉพาะวิเคราะห์ข้อมูลที่สอดคล้องกับความมุ่งหมายของการวิจัยดังนี้
ผลการวิจัยพบว่า
เสร็จเร็วจริง ๆ ..รอเพื่อน ๆ ด้วยจ้า
คือฟ้าวแท้.........รอด้วย
งานวิจัยเล่มสองเสร็จแล้วนะ ยินดีด้วยครับ
อยากได้วิจัยการนิเทศภายในกลุ่มเครือข่าย
พอที่จะมีเป็นตัวอย่างไหมครับ
ไม่มีค่ะ ลองเข้าหาข้อมูลในห้องสมุดมหาวิทยาลัยบูรพานะคะ