พกนกหวีดช่วยเดินทางปลอดภัย


บางกอกทูเดย์ หนังสือพิมพ์คุณภาพ 9 พฤศจิกายน 2552 ตีพิมพ์เรื่อง "เมื่อแท็กซี่ริเป็นอาญชากร?? จะรับมืออย่างไร กับภัยรถสาธารณะ" ผู้เขียนขอนำมาเล่าสู่กันฟัง

ถ้าท่านได้รับประโยชน์จากเรื่องนี้ ขอความกรุณาแวะไปเยี่ยมเยียนเว็บไซต์ "บางกอกทูเดย์" กันครับ

...

[ ขอขอบพระคุณ "บางกอกทูเดย์" หนังสือพิมพ์คุณภาพ ]

กรณีคดีอาชญากรรมที่เกิดจากคนขับแท็กซี่ที่พบได้บ่อยคือกรณีการข่มขืน ทั้งวิธีการมอมยาสลบ ไปจนถึงการใช้กำลังบังคับข่มขืน โดยเฉพาะผู้หญิงที่มักตกเป็นเหยื่อ

รายล่าสุดที่ถูกแท็กซี่ใจทมิฬฆ่าแล้วหมกพงหญ้าอย่างทารุณ คือหญิงสาวพนักงานกรมทางหลวงชนบท

... 

สาเหตุที่ทำการลงมือฆ่าเพียงเพราะเธอหน้าตาดีและพูดจาดี คิดว่าเธอมีใจให้ เลยหวังจะข่มขืน จึงพาออกนอกเส้นทาง ท้ายที่สุดแล้วเธอไม่ยอมจึงบีบคอจนสิ้นใจ และนี่ก็ไม่ใช่แค่เพียงกรณีเดียวที่เกิดขึ้นในเดือนนี้

เพราะก่อนหน้านี้เพียงไม่กี่วัน ก็เกิดกรณีแท็กซี่ข่มขืนนักศึกษาในคืนวันลอยกระทง และเหตุที่แี่ท็กซี่ผู้นี้กระทำการเพราะเมา ประกอบกับเห็นนักศึกษาแต่งตัวยั่วยวน จึงพาออกนอกเส้นทางหวังจะพาไปข่มขืน

... 

จึงมีคำถามตามมาว่า ผู้โดยสารอย่างเราๆ ท่านๆ นั้น จะรับมือกับเรื่องนี้อย่างไรดี เพราะข้ออ้างที่ว่าพูดจาดีด้วยจึงอยากข่มขืนหรือแต่งตัวไม่มิดชิดแล้วอยากข่มขืนนั้น เหตุผลฟังขึ้นแค่ไหน??

จริงอยู่ที่ว่าแท็กซี่ก็คือ มนุษย์เดินดิน ไม่ใช่พระอิฐพระปูนที่จะกดกลั้นอารมณ์ตัวเองได้ แต่เวลาที่เกิดเหตุกรณีนี้ทีไร ก็มักจะโบ้ยให้เป็นความผิดของผู้โดยสาร โดยเฉพาะผู้โดยสารที่เป็นผู้หญิง ทั้งๆ ที่เป็นสิทธิส่วนบุคคล

... 

แต่เมื่อความคิดของแท็กซี่หมู่น้อยยังคงเป็นแบบนี้ ก็ถึงเวลาที่คุณผู้หญิงทั้งหลายจะต้องระวังตัวเองเพื่อเอาตัวรอดจากคดีที่เกิดขึ้น เราจึงมีข้อแนะนำเล็กๆ น้อยๆ จากในคู่มือเอาตัวรอดจากภัยในรูปแบบต่างมาแนะนำให้ทราบกันว่า

เมื่อคุณขึ้นรถแท็กซี่ สิ่งแรกที่ควรทำคือ ควรจดชื่อและทะเบียนรถใส่กระดาษไว้ ดูเอกสารการขับรถของโชเฟอร์ที่จะมีติดอยู่บนรถทุกคันให้ดี ถ้ามองไม่เห็นให้ถามคนขับเลยว่า “พี่ชื่ออะไรคะมองไม่เห็นเลย ป้ายมันเก่ามากๆ เลยค่ะ”

... 

แล้วส่งเอสเอ็มเอสไปหาคนรู้จัก หรือโทรฯ บอกคนที่บ้านว่า คุณขึ้นคันนี้ เวลานี้ไปที่นี่ถ้าเป็นแท็กซี่ พูดให้คนขับได้ยินไปเลย อย่าล็อกรถ และถ้าจะให้ดีที่สุดให้ขึ้นนั่งทางด้านขวาติดกับหลังของคนขับจะเป็นการดีกลเม็ดเคล็ดลับอย่างหนึ่งคือ

อย่าทำเป็นเอ๋อๆ เหรอๆ ไม่รู้จักทางให้ทำเป็นมั่นใจ รู้จักทางดี มีพิรุธขับออกนอกเลนนิดเดียวให้ร้องทักแม้จะดูจิตตกมากไปนิด แต่ก็เป็นการเซฟตัวคุณเองไว้ก่อน

... 

แต่ถ้าโดยสารคนเดียวควรเลือกนั่งเบาะหลังที่นั่งคนขับ โดยนั่งให้ชิดประตูเพราะจะทำให้การพยายามทำอันตราย ต่อผู้โดยสารโดยตรงเป็นไปได้ยากขึ้น

แต่เวลาจะลงรถควรลงทางประตูด้านซ้ายเพราะจะได้เป็นการกันไม่ให้คนขับลงจากรถ แล้วมาทำอันตรายในระยะประชิดได้

...

และหากคนขับแท็กซี่ชวนคุย ควรคุยเฉพาะเรื่องเส้นทางเท่านั้น ไม่ควรคุยเรื่องส่วนตัว เพราะจะเป็นการนำไปสู่การคุยเรื่องทะลึ่งลามกได้

เหมือนอย่างกรณีของสาวกรมทางหลวงฯที่พูดจากับแท็กซี่ดี พาลทำให้แท็กซี่คิดไกลไปว่า เธอมีใจให้และอย่าเผลอหลับบนรถแท็กซี่เด็ดขาด

... 

ไม่ว่าจะเหนื่อย ไม่สบาย หรือเมาแค่ไหนก็ตาม ถ้าถูกพาไปที่เปลี่ยว อย่าเปิดโอกาสให้คนขับประชิดตัวควรพยายามชิงหนีออกมาก่อน ถ้าไม่มีอาวุธป้องกันตัวให้เอารถเป็นที่กำบัง หรือ วิ่งรอบรถพร้อมกับ ร้องตะโกนให้คนช่วยเพื่อถ่วงเวลา

ถ้านานแล้วยังไม่มีใครมาช่วย ให้ตะโกนดังๆ ว่า“ตำรวจมาแล้ว ตำรวจช่วยด้วย” ให้คนร้ายหันไปมอง แล้ววิ่งสุดชีวิต

... 

ถ้าฉวยจังหวะนั้นได้ ก็มีความเป็นไปได้สูงว่า อาจจะวิ่งห่างจากคนร้ายได้ ประมาณ 100 เมตรแต่สิ่งสำคัญเมื่อยามเกิดเรื่องหน้าสิ่วหน้าขวาน “สติ” คือ อาวุธที่ดีสุด ตั้งสติก่อนออกสตาร์ทเป็นสโลแกนที่ควรท่องไว้ให้ขึ้นใจ

ไม่ว่าจะทำอะไร ไปที่ไหน อย่าเอ๋อเหรอ เบ๋อไบ๋ เหม่อลอยให้คนร้ายสบช่องโอกาส และเมื่อเกิดเหตุร้ายให้ใช้สิ่งของใกล้ตัวไม่ว่าจะเป็น โทรศัพท์มือถือ, บัตรเอทีเอ็ม, ร่ม, กุญแจ,กำไล, รองเท้าส้นสูง, ถุงนํ้าเต้าหู้ร้อนๆ ที่เพิ่งซื้อมา ฯลฯ ให้เป็นประโยชน์

... 

ยอมเสียสิ่งของเล็กๆ น้อยๆ เอาชีวิตรอดไว้ก่อนส่วน “นกหวีด” ที่ทางโครงการนี้ได้จัดทำมีประโยชน์อย่างมากตรงที่ สามารถพกพาง่าย เป่าสุดเสียงทีเดียวได้ยินทั้งซอย และเรียกร้องความสนใจจากคนรอบข้าง ให้หันมาช่วยเหลือได้เป็นอย่างดีอันเล็กพกง่าย

อีกทั้งยังช่วยให้เราปลอดภัยจากอันตรายได้ดีอีกด้วย ชีวิตเป็นของเรา ฉะนั้น การระแวดระวังภัยให้ตัวเองก่อนเรียกร้องจากใครเป็นการดีที่สุด

... 

อย่าลืมพกสติเป็นอาวุธไปในทุกที่ และอย่ายอมให้ใครหน้าไหนมาทำร้ายคุณได้ง่ายๆ อย่าไว้ใจเพียงเพราะคิดว่าไม่น่าจะมีอะไร เพราะการคิดแบบนี้ก็เท่ากับคุณเอาตัวเข้าไปเสี่ยงครึ่งหนึ่งแล้ว

และถึงแม้เราจะอ่อนแอทางสรีระ ทว่าสติปัญญานั้นต้องแข็งแรงกว่าเป็นไหนๆ ต้องตั้งสติก่อนที่จะทำอะไร และอย่าลืมเอาเทคนิคการเอาตัวรอดนี้ไปใช้ง่ายๆ แต่ปลอดภัยสูง.

[ ขอขอบพระคุณ "บางกอกทูเดย์" หนังสือพิมพ์คุณภาพ ]

หมายเลขบันทึก: 312694เขียนเมื่อ 11 พฤศจิกายน 2009 14:42 น. ()แก้ไขเมื่อ 12 กุมภาพันธ์ 2012 10:41 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (1)

ขอนำไปเผยแพร่ต่อ ค่ะ

ขอบคุณค่ะ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท