เมื่อวาน ผมได้นั่งคุยกับอาจารย์ภาษาไทย พัฒนาชุมชน บรรณารักษศาสตร์ และดนตรี หลากหลายสาระ แต่ผมก็ไปสะดุดกับเรื่องหนึ่ง
อ.ภาษาไทย กล่าวว่า วิชาสายปรัชญาและศาสนากำลังหมดไปจากโลกของการศึกษาที่เป็นระบบ
ผมถามว่า ทำไมถึงเป็นอย่างนั้นเล่าอาจารย์
"ไม่รู้เหมือนกันครับ"
แน่นอนละ เรื่องดังกล่าวนี้เป็นสิ่งที่ผมทราบและเฝ้าสังเกตการเปลี่ยนแปลงมาเป็นเวลานาน อันที่จริงวิชาแรกที่เกิดมาในโลกคือ ปรัชญา และปรัชญาเริ่มแรกคือปรัชญาเกี่ยวกับความเชื่อของมนุษย์ ต่อมาเริ่มแตกแขนงไปหลากหลายศาสตร์ แต่ละศาสตร์มีความเป็นศาสตร์เฉพาะที่แตกต่างกัน ปริญญาเอกที่ผ่านมาไม่นาน ก็มักจะใช้ว่า ปรัชญาดุษฎีบัณฑิต ส่วนปัจจุบันก็แยกสายออกไปเป็น วิทยาศาสตร์ดุษฏีบัณฑิต ศิลปศาสตรดุษฎีบัณฑิต เป็นต้น การศึกษาที่เป็นวิชาพื้นฐานทั่วไปในแต่ละระดับ ก็เริ่มหดหาย หาย และหายไป โดยผู้บริหารให้ความเห็นว่า วิชาเหล่านี้เราสามารถบูรณาการเข้ากับวิชาอื่นๆ ได้ คำถามที่แย้งภายในคือ งั้นที่ผ่านมาเราไม่ได้บูรณาการกับวิชาต่างๆใช่หรือไม่ ถ้าตอบว่าไม่ใช่ ก็น่าจะเป็นนิมิตหมายที่ดี แต่ถ้าตอบว่าใช่ คำตอบที่เราจะบูรณาการในปัจจุบันและอนาคตเราจะเอาอะไรในสายปรัชญาและศาสนาไปบูรณาการ นี้เป็นเหตุผลจากวงใน ส่วนวงนอกก็อาจมีเหตุผลที่แตกต่างกัน ผมก็ให้เหตุผลไม่ได้เหมือนกันว่าทำไมต้องเรียนปรัชญา เท่าที่พบ คนที่เรียนจบปรัชญามามักจะมีความคิดแบบหลอมรวมความขัดแย้งในแต่ศาสตร์ได้ และสามารถแยกรายละเอียดความคิดแต่ละศาสตร์ได้อย่างชัดเจนที่สุดกว่าการให้เหตุผลของศาสตร์แต่ละสาขา
และเมื่อวาน ผมก็บอกไปว่า เป็นเรื่องปกติ ที่การศึกษาสายนี้มีอันต้องเปลี่ยนไปตามกาลเวลา เมื่อเกิดก็ต้องดับและต้องเกิด อยู่อย่างนี้ตลอดไป ทุกวันนี้หลักสูตรการศึกษากำลังมั่ว ต่อไปเมื่อคนหมู่มากเห็นความมั่ว ก็คงจะแยกให้เกิดความชัดเจนยิ่งขึ้นเอง เวียนไปเวียนมาอยู่อย่างนี้ ไม่ได้มีอะไรใหม่มากไปกว่าของเก่าที่เคยมีเลย เมื่อมันใช้ประโยชน์ไม่ได้ หรือเมื่อเห็นว่ามันไม่มีประโยชน์เราจะเก็บมันไว้ทำไม วันไหนที่เห็นว่ามีประโยชน์ค่อยเก็บมาเช็ดถูใหม่ก็เท่านั้น ตถตา มันเป็นเช่นนั้นเอง
ขอไว้อาลัยแด่ ปรัชญาและศาสนา ขอจงไปสู่สุคติโดยเร็วพลัน