หลังจากการเกิดภาวะถดถอยทางเศรษฐกิจครั้งใหญ่ในประเทศสหรัฐอเมริกาในช่วงเดือน กันยายน ที่เรียกว่า Hamburger crisis นั้น ผลกระทบของมันได้ส่งผลกระทบต่อภาวะเศรษฐกิจของโลกทั้งใบอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ทั้งนี้เนื่องจากประเทศสหรัฐอเมริกาเป็นประเทศที่เป็นนักบริโภคขนาดใหญ่ ที่สุดของโลก เป็นลูกค้าชั้นดีของประเทศผู้ผลิตทั้งหลายไม่ว่าจะเป็นยุโรป จีน ญี่ปุ่นหรือแม้กระทั่งกับประเทศไทย ของเรา
ซึ่งในปี ๒๕๕๑ ที่ผ่านมา อุตสาหกรรมการบินทั่วโลกต้องเผชิญวิกฤตอย่างหนักจากปัญหาราคา น้ำมันที่เพิ่มสูงขึ้นเป็นประวัติการณ์ ซึ่งได้ส่งผลให้สายการบินต้องปรับขึ้นค่าธรรมเนียมน้ำมัน (Fuel Surcharge) อย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน โดยผลที่ตามมาทำให้ราคาตั๋วโดยสารปรับสูงขึ้นตามไปด้วย จำนวนผู้โดยสารจึงมีทิศทางปรับลดลงมาโดยตลอด สถานการณ์ได้รุนแรงถึงขั้นมีหลายสายการบินต้องปิดตัวลงไปหรือเกิดการควบหรือรวมกิจการเข้าด้วยกัน
สำหรับอุตสาหกรรมการบินของไทยนอกจากต้องเผชิญปัญหาดังกล่าวแล้ว ยังมีปัจจัยกดดันจากสถานการณ์ความวุ่นวายทางการเมืองภายในประเทศ โดยเฉพาะในช่วงปลายปีที่ปัญหาลุกลามไปจนถึงขั้นมีการปิดท่าอากาศยาน สุวรรณภูมิและดอนเมือง ซึ่งถือเป็นประตูสำคัญใน
การต้อนรับนักท่องเที่ยวและยังเป็นศูนย์กลางทาง เศรษฐกิจและการคมนาคม อีกทั้งยังต้องเผชิญกับโรคไข้หวัดนก ไข้หวัดใหญ่ ๒๐๐๙ ยิ่งซ้ำเติมปัญหาแก่อุตสาหกรรมการบินให้รุนแรงมากยิ่งขึ้น ดังจะเห็นได้จากผลประกอบการของหลายสายการบินที่ไม่ค่อยสดใสและมีโอกาสที่ อุตสาหกรรมการบินจะยังคงต้องเผชิญวิกฤตอย่างต่อเนื่อง ซึ่ง ขอวิเคราะห์ถึงแนวโน้มอุตสาหกรรมการบินในปี พ.ศ. 2552 มีสาระสำคัญดังนี้
ไม่มีความเห็น