นักจิตวิทยาในเมืองไทยทำอะไร


การเตือนตน ด้วยตนเอง นั่นแหละดีที่สุด

ถ้ามองในต่างประเทศแล้วจะพบว่า
สายงานทางด้านจิตวิทยานั้นเป็นวิชาชีพที่เฟื่องฟูเป็นอย่างมาก
มีการศึกษาทางด้านจิตวิทยากว่าร้อยสาขาในสหรัฐอเมริกา แต่ในเมืองไทยแล้ว
กลับเป็นเรื่องตรงกันข้าม

บ่อยครั้งที่นักจิตวิทยาในเมืองไทยถูกรับรู้ผิดๆ

ถ้าใครสักคนบอกว่าตนเองเรียนจิตวิทยา คำถามต่อมาก็จะมีคำถามแนวว่า

โห น่ากลัว มันต้องรู้ใจเราแน่ๆ

อ๋อ อยู่กับคนโรคจิต

มีปัญหาเองหรือเปล่าถึงได้มาเรียน

สงสัยจบไปคงได้ทำงานโรงพยาบาลหรือคลินิก

อืม.. เจ๋ง น่าเรียน (แต่ให้เรียนเองหรือเปล่า ฯลฯ )

ถ้าจะให้ตอบคำถามเหล่านี้ คงต้องใช้พื้นที่กันหลายย่อหน้าเลยทีเดียว

ขอย้อนกลับไปที่ต่างประเทศอีกครั้ง
ซึ่งต้องปฏิเสธว่าวัฒนธรรมของเขาต่างกับของเรา ที่นั่นเมื่อเขามีความทุกข์
ก็จะไปพบนักจิตวิทยา หรือคนที่ทำงานทางด้านนี้
(หน่วยงานบางหน่วยงานแปลความทุกข์เป็นความเครียด
ซึ่งระดับของสองอย่างนี้ต่างกันอย่างเหลือล้น)
ซึ่งฝรั่งไม่เข้าใจเรื่องความทุกข์เท่าไหร่หรอก
แต่จะเข้าใจว่าเป็นความเครียดมากกว่า คนไทยก็ติดปากตามกันมาด้วย ว่า
เครียดเว้ยๆ หรือ จน เครียด กินเหล้า อะไรก็ว่ากันไป

ผมก็ไม่รู้ว่าไปพบแล้วได้ผลหรือไม่ได้ผล
แต่อาชีพนักจิตวิทยาที่นั่นเป็นอาชีพที่เฟื่องฟูมาก
คิดค่าบริการกันชั่วโมงละราวๆ 70 - 100 เหรียญขึ้นไป

อัตรานี้ในไทยคงเป็นเรื่องที่เป็นไปได้ยาก
นักจิตวิทยาในไทยถูกมองข้ามวิชาชีพ
หรืออาจไม่เคยถูกมองเห็นว่าเป็นวิชาชีพที่มีความสำคัญมากเท่าไหร่นัก ทั้งๆ
ที่องค์ประกอบสำคัญของมนุษย์นั้น ส่วนหนึ่งคือร่างกาย อีกส่วนหนึ่งคือจิตใจ
หากจิตใจไม่สมบูรณ์พร้อมแล้วก็อาจเหนี่ยวนำให้ร่างกายทรุดโทรมไปด้วย
และจิตใจที่เสื่อมทรามก็ย่อมฉุดการกระทำให้ไปในทางที่เสื่อมทรามด้วยเช่นกัน

อเมริกาที่ว่าเป็นประเทศวัตถุนิยมยังนิยมนักจิตวิทยา
ซึ่งทำงานทางด้านจิตใจกันมาก และให้ความสำคัญ
เนื่องจากเขารู้จักใช้ประโยชน์ตามสมควร
ในเมืองไทยมีนักจิตวิทยาที่ตั้งตัวเองกันมาก
บางคนบอกว่าตนเองเป็นนักจิตวิทยาโดยกำเนิด
บางคนบอกว่าตนเองเป็นคนมีจิตวิทยาสูง ซึ่งก็มีบางคนที่มีลักษณะเช่นนั้นจริงๆ
หากแต่หลายๆ คน การกล่าวเช่นนั้นก็เป็นการอวดอ้างสิ่งที่ไม่มีในตนเองไปเสีย

แม้บางคนเรียนจิตวิทยามาก็จริง แต่ก็จิตวิทยาที่มี
ไม่ได้ถูกนำมาใช้เป็นเครื่องมือที่จะทำให้เกิดความเข้าใจโลกเข้าใจชีวิตที่ถูกต้องได้เลย

บทบาทของนักจิตวิทยาในเมืองไทย หากจะเป็นที่รู้จักมากกว่านี้
นอกจากรอกระแสแห่งกาลเวลาแล้ว ยังต้องมีการผลักดันบางอย่างที่ทำให้วิชาชีพนี้
ได้ถูกนำมาใช้ประโยชน์ต่อสังคมได้อย่างเป็นที่ประจักษ์จริง.

ตีพิมพ์ครั้งแรกที่ enlighten.bloggang.com
1 ม.ค. 50

 

หมายเลขบันทึก: 309670เขียนเมื่อ 30 ตุลาคม 2009 13:56 น. ()แก้ไขเมื่อ 26 พฤษภาคม 2013 13:11 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (1)

สวัสดีค่ะ

- เรามักไม่ค่อยใช้บริการนี่เท่าไหร่

- เพราะจะถูกมองว่า บ้าหรือไม่ก็เพี้ยน ต่างจากคนเมืองนอก

- ทำให้วิชาชีพนี้ไม่ค่อยเฟื่องเท่าไหร่ค่ะ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท