ประกาย~natachoei ที่~natadee
นาง ประกาย ประกาย~natachoei ที่~natadee พิทักษ์

เตรียมการต้อนรับ ไข้หวัดใหญ่ระบาดระลอกที่สอง


        ข่าวไข้หวัดใหญ่ระบาดระลอกที่จะสอง เริ่มจะมาให้ได้ยิน และมีหนังสือสั่งการให้เจ้าหนที่สาธารณสุขและผู้ที่เกี่ยวข้องเตรียมรับมือ

        ประเทศสหรัฐอเมริกา กก็ประกาศเป็นภาวะฉุกเฉิน ที่จะรับมือและให้เตรียมการอย่างเร่งด่วน

        สำหรับประเทศไทย ช่วงนี้จะเป็นขาลงจริงไหม แล้วเมื่อขาลงแล้วการระบาดระลอกที่สองจะมีจำนวนผู้ป่วยเพิ่มมากขึ้นอีกหลายเท่า ถ้าไม่ได้จัดการและเตรียมการไว้ล่วงหน้า

        สังเกตว่าอาจจะอ่อนประชาสัมพันธ์ ไปนิด การค้นหาผู้ป่วย  การคัดกรองผู้ป่วยกลุ่มเสี่ยง ตอนนี้ควรจะเข้มข้นมากขึ้น นักเรียน ปิดเทอม แล้วกลับมาเรียนรวมกันอีกครั้ง

เป็นข่าวที่ได้รับแจ้งจาก สสจ.ขอนแก่นให้เตรียมการ ขอนำมาเล่าต่อนะคะ

 

หวั่นหวัด 2009 ระลอกสองแพร่เชื้อ ร่อนหนังสือถึง สสจ.-รพ.รับมือ
27 ตุลาคม 2552 13:29 น.


ห่วงหวัด 2009 หวนระบาดระลอกสอง สั่งคุมเข้มส่งหนังสือเวียน สสจ. และ รพ.ทั่วประเทศ เตรียมพร้อมรับมือผู้ป่วยหวัดใหญ่ ชี้ 3-4 สัปดาห์ข้างหน้าสุดเสี่ยง เหตุจากนักเรียนเปิดเทอม-เทศกาลลอยกระทง และงานรื่นเริงต่างๆ รวมถึงการเดินทางท่องเที่ยว รอบสัปดาห์ที่ผ่านมาป่วย 243 คน ขณะที่อภ.คาดวัคซีนเชื้อเป็นทดลองในคนกลางเดือน พ.ย.และผลิตได้ล็อตแรก ม.ค.นี้       
 

       
       วันนี้ (27 ต.ค.) กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ร่วมกับคณะอนุกรรมการสนับสนุนป้องกัน ควบคุมและการแก้ปัญหาการแพร่ระบาด ของไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) แถลงข่าว “การกลับมาของไข้หวัดสายพันธุ์ใหม่ 2009” โดย นายวิทยา แก้วภราดัย รมว.สาธารณสุข กล่าวว่า จากการที่สหรัฐฯ ได้ประกาศกภาวะฉุกเฉินทางสาธารณสุขทั่วประเทศหลังพบการระบาดของไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ ชนิดเอ เอช 1 เอ็น 1หรือไข้หวัดใหญ่ 2009 กลับมาแพร่ระบาดหนักในรอบสัปดาห์ที่ผ่านโดยมีผู้ป่วยอาการเข้าข่ายไข้หวัดใหญ่เพิ่มสูงขึ้นกว่าค่าปกติเกือบ 3 เท่านั้น ตนได้มีหนังสือเวียนแจ้งไปยังสำนักงานสาธารณสุขจังหวัด และสถานพยาบาลทุกแห่งในสังกัดกระทรวงสาธารณสุขให้เตรียมพร้อมรับมือการระบาดของโรคที่อาจกลับมาระบาดในไทยเป็นระลอกที่ 2
       
       “การระบาดโรคไข้หวัดใหญ่ 2009 รอบสองในประเทศตะวันตก เนื่องจากโรงเรียนเปิดและอากาศเริ่มหนาวเย็นและแห้ง เชื้อโรคอยู่ในสิ่งแวดล้อมได้ยาวนานขึ้น ประเทศไทยเองก็มีปัจจัยเสี่ยงในลักษณะเดียวกันในเรื่องโรงเรียนเปิดเทอมและอากาศเย็น ประกอบกับเข้าใกล้เทศกาลลอยกระทงและงานรื่นเริงต่างๆ ที่จะมีประชาชนเดินทางมาร่วมกิจกรรมจำนวนมากถ้ามีใครเป็นหวัดมาร่วมงานและไม่มีมาตรการควบคุมโรคที่ดีคนอื่นๆ ที่มาสัมผัสอยู่ใกล้ก็จะป่วยตามกันได้จะเสี่ยงต่อการเกิดการระบาดของโรคได้อีกรอบ” นายวิทยา กล่าว
       
       นายวิทยากล่าวว่า ข้อมูลจากสำนักระบาดวิทยา กรมควบคุมโรคยังได้รับรายงานการพบผู้ติดเชื้อไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ใน 37 จังหวัดโดยเฉพาะทางภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคใต้ตอนล่าง ขณะนี้จึงจะประมาทไม่ได้ และต้องขอความมือไปยังภาคเอกชนหากมีการจัดงานรื่นเริง กิจกรรมชุมนุมคนจำนวนมาก อาทิ คอนเสิร์ต โรงหนัง งานชุมนุมไม่ว่าจะเป็นทางศาสนา สังคม หรือการเมือง รวมทั้งสถานบันเทิง ผับบาร์ต่างๆ ขอให้ผู้จัดงานถือเอาเรื่องการป้องกันหวัดเป็นองค์ประกอบสำคัญของงานที่จะขาดหรือละเลยไม่ได้ ต้องเตรียมอุปกรณ์ป้องกันโรค อาทิ เจลล้างมือ หน้ากากอนามัยรวมถึงขอให้ผู้ป่วยที่เป็นหวัดงดมาร่วมงานซึ่งเป็นมาตรการสำคัญที่จะช่วยป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสได้
       
       ด้าน นพ.มงคล ณ สงขลา ประธานคณะอนุกรรมการฯ กล่าวว่า การระบาดของโรคไข้หวัด 2009 กลับมาเพิ่มสูงขึ้นในแถบเอเชียซึ่งเป็นสัญญาณที่ชัดเจนว่า ไข้หวัด 2009 พร้อมที่จะระบาดใหญ่ได้อีกครั้งในทุกประเทศ ข้อมูลจากองค์การอนามัยโลกพบว่าผู้ที่มีอาการรุนแรงไม่ใช่แค่กลุ่มผู้สูงอายุ ผู้มีโรคประจำตัวหรือหญิงตั้งครรภ์ คนอ้วน เท่านั้น แต่ผู้ที่มีอายุน้อยต่ำกว่า 2 ขวบก็มีอาการป่วยรุนแรงเช่นกัน ผู้ป่วยหลายรายจะมีอาการระบบทางเดินหายใจล้มเหลวเสียชีวิตได้หากรับการรักษาช้าทั้งนี้กลุ่มดังกล่าวถือเป็นกลุ่มที่ต้องระมัดระวังตัวเป็นพิเศษไม่ควรไปในที่คนแออัดเบียดเสียด ต้องหมั่นล้างมือบ่อยๆ
       
       “ไทยมีประสบการณ์การระบาดในวงกว้างมาแล้ว ครั้งนี้ต้องไม่ยอมให้เกิดซ้ำอีก ซึ่งมีการให้ข้อมูลอย่างต่อเนื่องแต่ต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกฝ่าย โดยมีการหารือร่วมกับกระทรวงศึกษาธิการแล้ว ซึ่งได้ยืนยันว่า มีการคัดกรองอย่างเต็มที่ไม่ได้หยุดกระบวนการดังกล่าว ซึ่งในช่วงปลายฝนต้นหนาว อากาศเย็นและแห้ง ทำให้ป่วยง่ายถ้าสุขภาพแข็งแรงก็จะลดความเสี่ยงได้ วิธีการจะต้องออกกำลังกายทุก 14.00 น. ซึ่งอยากให้ทุกหน่วยงานรณรงค์ให้มีการออกกำลังกาย” นพ.มงคล กล่าว
       
        นพ.ภาสกร อัศวเสวี ผู้อำนวยการสำนักระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค กล่าวว่า สถานการณ์การระบาดขณะนี้ในภูมิภาคเอเซียมีประเทศที่ยังไม่เคยพบการระบาดเริ่มมีการระบาดเกิดขึ้น เช่น มองโกเลีย ส่วนประเทศซีกโลกเหนือ กำลังเข้าสู่ฤดูกาลของไข้หวัดใหญ่ จึงต้องเตรียมมาตรการรับมือซึ่งเป็นเรื่องปกติ โดยประเทศสหรัฐอเมริกามีผู้ป่วยเพิ่มขึ้นอย่างมากในช่วง 2 สัปดาห์ และมีผู้ป่วยเข้ารีบการตรวจในโรงพยาบาลเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว จึงมีการประกาศมาตรการ แต่เป็นการประกาศเชิงนโยบายเพื่อให้โรงพยาบาลจัดเตรียมการรักษาได้อย่างพอเพียง สำหรับประเทศเขตร้อนก็พบผู้ป่วยเพิ่มขึ้น แต่จำนวนไม่มากนัก เช่น คิวบา โคลัมเบีย ส่วนรอบๆประเทศไทย เช่น กัมพูชา ทิเบต ซิงไห่ในประเทศจีน พบว่ามีผู้ป่วยกระจายโดยทั่วไปแต่แนวโน้มลดลง
       
       นพ.ภาสกร กล่าวว่า สถานการณ์ของไทยยังคงไม่เปลี่ยนแปลงมากนัก จำนวนผู้ป่วยตั้งแต่วันที่ 18-24 ต.ค.มีจำนวนผู้ป่วยยืนยัน 243 คน ยอดผู้ป่วยยืนยันสะสมรวม 28,300 คน แต่ไม่พบการระบาดแบบกลุ่ม โดยลักษณะการระบาดเป็นไปอย่างช้าๆ จากการติดตามผู้มีอาการคล้ายไข้หวัดใหญ่ ยังคงมีแนวโน้มไม่เปลี่ยนแปลงใน 41 จังหวัด และมีความเปลี่ยนแปลงเพิ่มขึ้นเมื่อสัปดาห์ก่อนเช่น จ.ขอนแก่น จ.สุพรรณ จ.ร้อยเอ็ด จ.เชียงราย จ.พเยาว์ และจ.แพร่ ส่วนจังหวัดที่ป่วยลดลงอย่างต่อเนื่อง คือ จ.ปราจีนบุรี และยังพบบางจังหวัดที่มีความน่าเป็นห่วงเพราะยังมีตัวเลขผู้ป่วยขึ้น ลง ตลอดเวลาซึ่งต้องติดตามอย่างใกล้ชิด ทำให้การเตรียมความพร้อมยังต้องกระทำในทุกพื้นที่
       
       นพ.คำนวณ อึ้งชูศักดิ์ ผู้ทรงคุณวุฒิระดับ 10 กรมควบคุมโรค กล่าวว่า หลังจากมีการติดตามสถานการณ์มาอย่างต่อเนื่อง พบว่าขณะนี้การระบาดภายในประเทศถือว่าอยู่ในระดับต่ำที่สุด อย่างไรก็ตาม ภายในช่วง 2-3 สัปดาห์จะต้องระวังอย่างเข้มงวดและควบคุมไม่ให้เกิดการระบาด เพราะเป็นช่วงเวลาที่เชื้อจากประเทศซีกโลกเหนือจะเดินทางมาถึงประเทศไทยได้ สอดคล้องกับสถานการณ์ในประเทศไทย ที่ยังมีปัจจัยที่ทำให้เกิดการระบาดครั้งใหม่ได้อีก คือ กลุ่มเด็กนักเรียน 12 ล้านคนกำลังเปิดเทอม ประกอบกับมีงานเทศกาลต่างๆ และอากาศเริ่มเย็นลง ทำให้เชื้อไวรัสสามารถมีชีวิตอยู่ในสิ่งแวดล้อมมากขึ้น โดยมาตรการตั้งเทอร์โมสแกนที่จุดผ่านแดน เป็นที่ชัดเจนแล้วว่าใช้ไม่ได้ผลในการสกัดโรค ทำให้การดูแลอนามัยตนเองเป็นเรื่องสำคัญมากที่สุด
       
       ด้านนพ.วิทิต อรรถเวชกุล ผู้อำนวยการองค์การเภสัชกรรม (อภ.) กล่าวถึงความคืบหน้าในการศึกษาวิจัยวัคซีนป้องกันเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ชนิดเชื้อเป็นซึ่งดำเนินการโดย อภ.ว่า ขณะนี้ อภ.ได้คัดเลือกวัคซีนจากทั้งหมด 4 สูตรเหลือเพียง 2 สูตรและอยู่ระหว่างการทดสอบความคงตัวของวัคซีน คาดว่าอีก 1-2 สัปดาห์จะแล้วเสร็จ จากนั้นจะส่งให้คณะเวชศาสตร์เขตร้อน ม.มหิดล ดำเนินการทดลองในมนุษย์กับอาสาสมัครต่อไป น่าจะเริ่มทดลองขั้นตอนนี้ได้ประมาณกลางเดือนพฤศจิกายนนี้ และส่วนตัวคิดว่าวัคซีนเชื้อเป็นน่าจะผลิตล็อตแรกได้ภายในเดือนมกราคม 2553
       
       “ตามปกติเชื้อไวรัสจะอยู่ได้ดีในอุณหภูมิ -80 องศาเซลเซียส ซึ่งสถานพยาบาลไม่มีตู้เย็นที่จะสามารถควบคุมอุณหภูมิให้อยู่ในระดับนี้ได้ อภ.จึงต้องเติมสารบางอย่างลงไปเพื่อให้เชื้อไวรัสที่นำมาทำเป็นวัคซีนสามารถคงตัวอยู่ได้ในอุณหภูมิ 2-8 องศาเซลเซียส เพื่อให้สถานพยาบาลเก็บรักษาในตู้เย็นได้ ซึ่งจากสารที่เติมไป 4 สูตร อภ.ได้คัดเลือกแล้วเหลือ 2 สูตร และจะทำการวิจัยให้วัคซีนสามารถคงตัวอยู่ในอุณหภูมิ 25 และ 35 องศาเซลเซียสด้วย เผื่อเวลาขนส่งวัคซีนแล้วรถเสีย วัคซีนจะได้สามารถคงตัวอยู่ในอุณหภูมิความร้อนนี้ได้” นพ.วิทิตกล่าว


Epidemiology Section,
Khon Kaen Provincial Health Office,
A. Muang, Khon Kaen province,
THAILAND
40000

 

หมายเลขบันทึก: 309250เขียนเมื่อ 28 ตุลาคม 2009 17:36 น. ()แก้ไขเมื่อ 12 กุมภาพันธ์ 2012 10:24 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (2)
  • ขอบคุณค่ะพี่ไก่..
  • พี่สบายดีนะคะ
  • คิดถึง..ทำนายว่างานจะเข้าอีกแล้วนะคะพี่
  • สู้ๆ

1.

Pnussa-udon
เมื่อ พฤ. 29 ต.ค. 2552 
สวัสดีคะน้องนุช
ทำนายถูกต้องคะ ตอนนี้กำลังถูกถามว่าจะทำงานระบาดอย่างเดียวไหม ไม่ต้องทำงาน IC ซึ่งงานระบาด มีหลายอย่างมากให้ทำ
กำลังตัดสินใจ พี่ว่าลองดูสู้ดูนะคะ
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท