พ่อสอนลูก (พระราชพรหมญาณ)


พ่อสอนลูก




พระราชพรหมยาน (หลวงพ่อฤาษีลิงดำ วัดท่าซุง)



พ่อสอนลูก

ฉันขอตั้งสัตยาธิษฐาน อ้างคุณพระศรีรัตนตรัย มีองค์สมเด็จพระจอมไตรบรม-ศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นประมุข พร้อมด้วยพระอริยสงฆ์ทั้งหมด และพระพรหม และเทพเจ้าทั้งหมด ขอทุกท่านจงกำหนดจิตจดจำลูกหลานของฉันไว้ว่า บุคคลผู้ใดก็ตาม เมื่อเวลาจะตายขอให้มีสติสัมปชัญญะสมบูรณ์ มีจิตน้อมไปในกุศลกรรมและขอให้ได้รับผลที่ฉันได้ทำไปแล้วทุกประการ แก่ลูกหลานของฉันทุกคน เวลานี้ฉันมองดูแล้วนะตรวจดูแล้ว สิ่งที่ฉันต้องการมันสมใจนึกแล้ว ฉันมีความอิ่มใจบอกไม่ถูก เวลานี้ทำได้แล้วลูกหลานของฉันทุกคนมีศรัทธาเป็นอจลศรัทธาแล้ว มีความมั่นคง ในพระพุทธศาสนาแล้วมีความดีพอสมควรแล้ว


ธรรมใดที่องค์สมเด็จพระจอมไตรบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้าให้พ่อไว้ พ่อถ่ายทอดให้แก่ลูก ทรัพย์สมบัติทั้งหมดนี้ขอลูกจงถือว่า นั่นคือตัวแทนของพ่อ เพราะว่าชีวิตของพ่อนี่ พ่อไม่แน่ใจนักว่า จะมีอายุยืนยาวอีกสักกี่ปี ขอลูกทั้งหลายจงอย่าถือขันธ์ ๕ ของพ่อนี้เป็นสำคัญ ปฏิปทาใดที่เป็นที่ชอบใจไม่เกินวิสัยลูกขอลูกจงทำและจงรักษาอภิญญาสมาบัติไว้ ขณะใดที่ใจของลูกยังรักษาอภิญญาสมาบัติไว้ รักษาปฏิปทาสาธารณประโยชน์ ขณะนั้นลูกจงภูมิใจว่าพ่ออยู่กับลูกตลอดเวลา ถึงแม้ว่าร่างกายกายาของพ่อจะสลายไป แต่ใจของพ่อยังอยู่กับใจของลูกลูกจะไปไหนก็ชื่อว่าพ่อไปด้วย ช่วยลูกทุกประการ


ความสุขรื่นเริงใจจริง ๆ ของพ่อก็คือ
๑. ถ้าเห็นลูกรักทั้งหมดของพ่อ
มีจิต เมตตาปรานี ปรารถนาสงเคราะห์คน
และสัตว์ให้มี ความสุข
๒. เห็นลูกบริบูรณ์ไปด้วย สีลาจารวัตร
๓. ลูกของพ่อรู้จักตัด นิวรณ์ ๕ ประการ
๔. ลูกมีกำลังจิตเข้าประหัตประหารกิเลส สร้าง สังขารุเปกขาญาณ ให้เกิด


อย่าเมากายจนเกินไป อย่าเมาชีวิต จงอย่าคิดว่าร่างกายของใครดี ดูร่างกายของเรานี้มัน สกปรกโสมม และมีความเสื่อมโทรมไปเป็นธรรมดาในไม่ช้ามันก็พัง อยู่คนเดียวมีความสุขสุขอย่างมีคนคนเดียว แต่ก็ทุกข์อย่างมีขันธ์ ๕ ฉะนั้น ขอลูกทุกคนจงตั้งหน้าตั้งตาปลงจิตคิดว่า อนิจจา วตสังขารา สังขารทั้งหลายไม่เที่ยงหนอ อุปปาทวยธัมมิโน เมื่อเกิดขึ้นแล้วก็แก่ไปทีละน้อยคือทรุดโทรมไป อุปัตชิตวา นิรุตฌันติ เมื่อเกิดขึ้นแล้วในที่สุดก็ตายให้เอาใจนึกถึงภาพคนตายว่าเวลานี้คนที่เขาตายมานอนอยู่ข้างหน้าเรา สภาพมันเป็นอย่างไร เตสัง วูปสโม สุโข ร่างกายที่เปื่อยเน่าอย่างนี้ ถ้าเรางดไม่มีเสียได้แล้ว องค์สมเด็จพระประทีปแก้วตรัสว่าจะมีกายแก้วคือพระนิพพาน


พ่อขอแนะนำว่า ตัด สักกายทิฎฐิ ตัวเดียว ลูกรัก คือ อย่าสนใจในรูป รูปเราก็ดี รูปเขาก็ดีรูปวัตถุธาตุก็ดี ตัดกันเสียที เรื่องการเกิดเป็นมนุษย์ เป็นเทวดา เป็นพรหมเลิกกัน เราไม่ต้องการมันต่อไป เพราะว่ามันเป็นของไม่ดี เราไปนิพพานกันดีกว่า


ทุกสิ่งทุกอย่างที่เป็น โลกธรรม ให้ถือว่าเป็นธรรมดาของโลก ให้วางมันเสีย กรรมของเราที่มีความโง่ เกิดมาในโลกนี้ โลกที่เต็มไปด้วยความเร่าร้อน ความร้อนมันก็ถูกเรา แต่ว่าให้มันถูกแต่กาย อย่าให้มันเข้าไปถึงใจ ความสุขความทุกข์ในโลกอย่าสนใจ สนใจอย่างเดียวธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงสอนให้เรามีความสุข ร่างกายของเราจะอยู่ในโลกนี้อีกไม่กี่วัน มันก็พังฉะนั้นในเมื่อพระพุทธเจ้าท่านปรินิพพานไปแล้วท่านบอกว่าท่านมีความสุขพระอรหันต์ทั้งหลาย ร่างกายของท่านพัง ท่านบอกว่าท่านมีความสุขเราก็พยายามทำให้สุขเหมือนท่านบ้าง ข้อสำคัญจงจำไว้ว่า จงอย่าคิดว่าเราดีไว้เสมอ มองดูความบกพร่องของจิตว่าจิตเราบกพร่องตรงไหนบ้าง พยายามแก้ไขให้สู่ระดับความดี อย่างนี้เป็นความดีที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงต้องการ บรรดาลูกรักของพ่อทุกคน ปฏิปทาใดที่องค์สมเด็จพระทศพลบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้ามีความชนะในมารฉันใดขอบรรดาลูกรักทั้งหลายจงชนะในมารฉันนั้นด้วยกำลังใจที่ทรงความดี










ตายแล้วไม่สูญ


พระพุทธเจ้าได้เคยตรัสไว้ว่า เมื่อตายจากโลกนี้ไปแล้ว
ทางที่ไปมี 5 สาย คือ


(1) อบายภูมิ ได้แก่ เกิดเป็นสัตว์นรก เป็นเปรต
เป็นอสูรกาย เป็นสัตว์เดรัจฉาน คือเป็นบุคคลที่ละเมิดศีล 5
เมื่อตายจากคนแล้วไปสู่อบายภูมิ


(2) เกิดเป็นมนุษย์ ผู้ที่จะมาเกิดเป็นมนุษย์ได้อีกนั้น
จะต้องเป็นผู้ที่มีกรรมบท 10 เป็นคนมีศีล 5 ประจำ


(3) เกิดเป็นเทวดาหรือนางฟ้าอยู่บนสวรรค์
จะต้องเป็นผู้ที่มีความละอายต่อความชั่ว
เกรงผลของความชั่วทั้งต่อหน้าและลับหลัง


(4) เกิดเป็นพรหม จะต้องเป็นนักกรรมฐาน
มีอารมณ์จิตเป็นฌาน คือเข้าฌานตาย


(5) ไปนิพพาน แดนเกิดสายที่ 5 แดนนิพพานนี้
คนที่จะถึงพระนิพพานได้นั้น
จะต้องมีความบริสุทธิ์ 10 อย่างคือ


1 ไม่เมาในตนเองหรือวัตถุ
รู้เสมอว่าจะต้องตาย
และพลัดพรากจากของรัก


2 ไม่สงสัยในคำสอนของพระพุทธเจ้า
ที่สอนว่าไม่มีอะไรทรงสภาพเป็นปกติได้
ทุกสิ่งทุกอย่างเสื่อมไปตามกาลเวลา
และทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว


3 รักษาศีลมั่นคง ดำรงจิตอยู่ในศีลเป็นปกติ


4 ทำลายความใคร่ในกามารมณ์ให้สิ้นไปจากใจ
รู้อยู่เสมอว่าความรักเป็นเหตุให้เกิดทุกข์


5 มีจิตใจเมตตาปราณี
ไม่จองล้างจองผลาญคิดทำอันตรายใคร


6 ไม่มัวเมาในรูปฌาน
ไม่สนใจใยดีในความดีที่ตนยังไม่ได้


7 ไม่มัวเมาอรูปฌาน
โดยคิดว่าความดีเพียงเท่านี้ยังไม่สิ้นทุกข์


8 มีอารมณ์เป็นปกติ มีจิตใจที่เต็มไปด้วยความหวังดี


9 ไม่ถือตนว่าเป็นคนดี ทะนงตนว่าดีเลิศประเสริฐกว่าใคร


10 ตัดความรักใคร่ในโลกีย์วิสัยให้หมด
ทำอารมณ์เป็นพระพุทธในพระอุโบสถ
คือ จะดีจะชั่วก็ยิ้ม เพราะเห็นเป็นธรรมดา



รู้ตัวอยู่เสมอว่าจะต้องตาย ไม่สะดุ้งหวาดกลัว
มีอารมณ์ใจปกติ ไม่โลภ ไม่โกรธ
ไม่ผูกพันทรัพย์สิ้นหรือสัตว์หรือบุคคลอื่น
เท่านี้ก็ไปพระนิพพานได้












สิ่งที่ทำให้จิตใจเศร้าหมองขุ่นมัวรับคุณธรรมได้ยาก 16 ข้อ

[อุปกิเลส 16]


อยู่ในแต่ละบุคคลมากบ้างน้อยบ้างต่างกันตามแต่จริต
และความรู้สึกตัวทั่วพร้อมในแต่คน
เมื่อทราบสาเหตุของตนแล้วให้ละเสีย
(ทำวันนี้ยังไม่สายทำเถอะดีกว่าไม่รู้ตัวเลยหรือรู้ตัวแล้วไม่ทำ)

โดยการ

อย่าเพ่งเล็งอยากได้ไม่เลือกที่
อย่ามีความพยาบาท
อย่าผูกโกรธไว้
อย่าผูกความเจ็บใจไว้
อย่าลบหลู่บุญคุณ
อย่าข่มผู้อื่น
อย่าริษยา
อย่าตระหนี่
อย่าเจ้าเล่ห์
อย่าโอ้อวด
อย่าเป็นคนหัวดื้อถือรั้น
อย่าแข่งดี
อย่าถือตัว
อย่าดูหมิ่นผู้อื่น
อย่ามัวเมาหมกหมุ่น
อย่าประมาทเลินเล่อ
และบำเพ็ญธรรมยกระดับจิตใจเพิ่มความใสให้แก่จิต
โดยการบำเพ็ญ ทาน ศีล ภาวนา,ทำดี เว้นชั่ว ทำจิตใจให้ผ่องใส
รักษาศีล 5 เป็นพื้นฐานให้หนักแน่น(ปิดอบายภูมิ)
และรักษากรรมบถ10



กรรมบถ 10
(เทศนาหลวงพ่อฤาษีลิงดำจากศิวโมกข์เล่ม4)


กรรมบถ 10 ทางกายมี 3 คือ
1. ไม่ฆ่าสัตว์
2. ไม่ลักทรัพย์
3. ไม่ประพฤติผิดในกาม

ทางวาจา มี 4 คือ
1. ไม่พูดปด
2. ไม่พูดคำหยาบ
3. ไม่พูดส่อเสียดยุยงให้เขาแตกร้าวกัน ไม่นินทา
4. ไม่พูดเพ้อเจ้อเหลวไหล

ทางใจ มี 3 คือ
1. ไม่คิดอยากได้ทรัพย์สมบัติของบุคคลอื่น โดยไม่ชอบธรรม
2. ไม่จองล้างจองผลาญใคร คือ ไม่พยาบาท ความโกรธยังมี
3. มีความเห็นถูกคือ สัมมาทิฏฐิ มีความเห็นตรงตามที่พระพุทธเจ้าสอน
ไม่คัดค้านนี่ กรรมบถ 10 แบ่งไปตาม กาย วาจา ใจ
ก็เอาสติเข้าไปควบคุมว่า ศีล 5 ก็ดี กรรมบถ 10 ก็ดี
มีกี่สิกขาบท มีอะไรบ้าง คุมไว้ไม่ยอมลืม ใหม่ ๆ ก็ลืมบ้าง เป็นของธรรมดา







http://www.praruttanatri.com

http://www.luangpor.com



 

คำสำคัญ (Tags): #พ่อสอนลูก
หมายเลขบันทึก: 307588เขียนเมื่อ 21 ตุลาคม 2009 22:44 น. ()แก้ไขเมื่อ 20 มิถุนายน 2012 13:45 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท