วันนี้เป็นวันที่พวกเราชาววิสัญญีได้กลับบ้านมาทำบุญร่วมกัน
ผู้เขียนหมายถึงว่าช่วงนี้เป็นช่วงประชุมวิชาการของคณะแพทย์ ม.ข.ขอนแก่น เหล่าศิษย์เก่า ม.ข.และบุคลากรผู้สนใจจะมาร่วมประชุมวิชาการ ดังนั้นงานบริการภายในห้องผ่าตัดจะลดลง เป็นช่วงที่พวกเราได้ทำ 5ส.กันทุกปี และมาสองปีหลังนี้ที่เราจัดให้มีการทำบุญเลี้ยงพระด้วย ใครที่ออกไปฟังวิชาการหรือปฏิบัติภารกิจนอกภาคฯ หากพอจะเจียดเวลามาได้ก็จะกลับมาที่ภาคฯเพื่อทำบุญร่วมกัน
พระอาจารย์วิโรจน์ จกกวโร จากศูนย์ปฏิบัติธรรมสวนเวฬุวัน จ.ขอนแก่น ได้แสดงธรรมเทศนาให้พวกเราฟัง
พระอาจารย์กล่าวว่าวันนี้จะเทศน์น้อยเพราะต้องการให้พวกเราฟังมากๆ พระอาจารย์เริ่มจากง่ายๆ...คล้ายแนวคิดคุณภาพเลยทีเดียว...
ท่านถามว่า พวกเราเคยถามตนเองมั้ยว่า... “เราทำงานเพื่ออะไร” ถามแบบนี้ในใจผู้เขียนตอบไปแล้วเพราะเรานึกถึง แนวคิดคุณภาพอยู่เสมอ
พระอาจารย์เริ่มอธิบาย ขยายความ...เอาละ...แต่ละประโยคที่ผู้เขียนได้ยินเด็ดๆทั้งสิ้น ผู้เขียนจึงรีบลุกขึ้นไปนำกระดาษและปากกามารีบจด...ด้วยเพราะความจำตนเองไม่ดี และจะได้เก็บเป็นข้อเตือนตนไปด้วย...
ขอนำมาถ่ายทอดเท่าที่จะสามารถ เพราะพระอาจารย์กล่าวทุกคำพูด ล้วนมีคุณค่าทั้งสิ้น จึงยากที่ผู้เขียนจะจดจำได้หมด ไม่ได้เรียนชวเลขมาซะด้วย
พระอาจารย์เริ่มจากการถามคำถามว่า
"...
พวกเราเคยถามตนเองมั้ยว่า... “เราทำงานเพื่ออะไร” มีคำตอบอยู่ 4 ประเภทคือ
1. การทำงานเพื่องาน คือทำงานแบบไม่ต้องมีอะไรมาก มีงานมา หมดงานก็จบกัน
2. การทำงานเพื่อหน้าที่ คืองานที่ได้รับมอบหมายมาแล้วต้องทำ เช่นได้รับมอบหมายให้ทำในตำแหน่งหัวหน้าเพราะมาตามลำดับ มาตามกาล ปฏิเสธไม่ได้ หรือได้รับมอบหมายให้เป็นผู้จัดการ ทำหน้าที่วางแผน ซึ่งหน้าที่นี้เราไม่ได้ขวนขวายหามา ดังนั้นเมื่อออกจากตำแหน่งนี้ก็จะไม่เสียใจ
3. การทำงานเพื่ออยู่ ซึ่งมี 2ประเภทคือ
3.1 การทำงานเพื่อให้ดำรงชีวิตอยู่ได้ หมายถึงเราจะดำรงชีวิตอยู่ประมาณไหน เช่นทำแค่พอกิน พอใช้ ดำรงชีวิตอยู่แบบพอเพียง หรือต้องทำงานเพื่อให้ได้มาซึ่งการดำรงอยู่อย่างมีลาภ ยศ สรรเสริญ มีสุขมากๆกับสิ่งที่หามาได้ เป็นลาภสักการะ อยู่อย่างมียศถาบรรดาศักดิ์ ถือเป็นสุขแบบ “สุกๆดิบๆ” คือไม่ใช่สุขอย่างแท้จริง ทำให้ชีวิตอยู่อย่างเกินจำเป็น
3.2 การทำงานเพื่อให้ดำรงชีวิตอยู่ในที่ที่นั้นได้ หมายถึงเพราะฉันอยู่ตรงนั้น ฉันถึงต้องทำแบบนี้ ไม่งั้นฉันจะอยู่ไม่ได้ ฉันจะเป็นแกะดำจึงต้องทำงาน
4. ทำงานเพื่อฝึกตัว ฝึกตน คือเสียสละ เสียหมายถึงยอม สละหมายถึง ให้ เราต้องเริ่มจาก...ต้องพอก่อน... จะฝึกอย่างไร เช่น เราเป็นผู้จัดการนั่งดื่มกาแฟกับลูกน้อง ลูกน้องดื่มกาแฟแล้วก็ลุกไป ทิ้งแก้วกาแฟไว้บนโต๊ะ เราจะลุกขึ้นล้างเฉพาะแก้วกาแฟของเราแล้วเรียกแม่บ้านมาล้างหรือเราจะล้างให้ลูกน้อง หากเราลุกขึ้นล้างแก้วกาแฟทั้งของเราและของลูกน้อง ก็เท่ากับว่าเป็นการฝึกฝนตัวเอง หากใครทักก็ให้บอกกับตนเองว่า
“ฉันล้างแก้วเพื่อตัวเอง และฉันก็ล้างแก้วกาแฟของเขาให้ฉัน” นั่นคือความเป็นตัวตนลดลง ลดทิฐิลง
การยึดถือมันน่ารำคาญและหนัก เช่นลองถือจานรองแก้วทั้งวันแม้ไม่หนักก็น่ารำคาญ หรือลองถือแก้วใส่น้ำแล้วเดินทั้งวันก็จะรู้สึกหนัก
“ทำไมฉันต้องทำ? ในเมื่อคนอื่นไม่ทำ”
“ฉันเป็นใคร ฉันก็เท่ากะเธอ”
ให้คิดซะว่าทำเพื่อฝึกตัว ทำให้เราลดทิฐิ ..."
ที่นำมาเล่าเป็นธรรมะที่ถอดจากพระอาจารย์ทั้งสิ้น หาใช่ความคิดของผู้เขียนไม่
สาธุพระคุณเจ้าค่ะ
พี่ เข้าใกล้พระได้เหรอครับ
ร้อนไหม...
ฮิ ฮิ...
หวัดดีครับ หนานเกียรติ