หนูคือ....ผู้รับเคราะห์


เมื่อเด็กต้องมารับกรรมที่ตัวเองไม่ได้ก่อ....แล้วใครบ้างที่ยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือพวกเขา

สถานการณ์เอดส์ในปัจจุบันเหมือนภัยเงียบที่หลายๆคนลืมที่จะใส่ใจ แต่ก็ยังแพร่ระบาดอย่างต่อเนื่อง แม้ว่าความก้าวหน้าทางด้านการแพทย์ในปัจจุบันได้มีการพัฒนาไปอย่างรวดเร็วก็ตาม แต่ก็ยังไม่สามารถหาวิธีรักษาโรคนี้ให้หายขาดได้ ผู้ป่วยและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องต่างก็รอความหวังในการค้นพบวิธีการในการบำบัดรักษาโรคนี้ให้หายขาด ถึงแม้จะมีการทดลองวัคซีนป้องกันโรคเอดส์ขึ้นซึ่งก็เป็นอีกหนึ่งความหวังในการหยุดยั้งโรคร้ายนี้ลง แม้ว่าผลของการทดลองจะยังไม่สามารถบรรลุเป้าหมายที่ทุกคนต่างคาดหวังได้ แต่ก็นับเป็นก้าวที่สำคัญมากในการพัฒนาวัคซีนต่อไป ตัวผมเองได้เข้ามาสัมผัสและปฏิบัติงานในคลินิค ARV ซึ่งให้บริการแก่ผู้ป่วยติดเชื้อ HIV ได้ไม่กี่เดือน ก็ได้เห็นอะไรหลายๆอย่างและปัญหาต่างๆที่เกิดขึ้นกับคนไข้ ซึ่งปัญหาเหล่านี้ล้วนบั่นทอนคุณภาพชีวิตของคนไข้ และปัญหาหนึ่งที่ผมจะมาเล่าให้ฟังเป็นปัญหาของเด็กคนหนึ่งซึ่งได้รับผลกระทบจากปัญหานี้ เมื่อพ่อซึ่งเป็นเสาหลักของครอบครัวของเด็กเสียชีวิตลงจากโรคเอดส์และแม่ของเด็กก็ป่วยจากโรคเอดส์ และไปมีสามีใหม่ ทิ้งให้เด็กต้องอยู่กับตาซึ่งเด็กคนนี้มีน้องเล็กๆอีก 3 คนและ 1 ในนั้นก็ติดเชื้อ HIV ด้วย เด็กคนนี้มีพี่สาวแต่แต่งงานและมีครอบครัวไปแล้ว เด็กคนนี้เป็นเด็กที่เรียนเก่งสอบได้อยู่ห้อง King แต่เ้ค้าขอมาอยู่ห้องอื่นเพราะต้องใช้เวลามาดูแลน้องที่ป่วย ทุกครั้งที่มีนัดพบแพทย์น้องเค้าจะเป็นคนพาน้องมาพบแพทย์ทุกครั้งไม่ว่าจะเป็นนัดที่โรงบาลชุมชนหรือโรงพยาบาลศูนย์ บางครั้งต้องขาดเรียนเพื่อดูแลน้อง เด็กคนนี้เป็นเด็กที่เก่งสามารถดูแลน้องๆแทนพ่อและแม่ได้ ทั้งๆที่อายุแค่ 13 ปี เรียนอยู่ชั้น ม.1 และเป็นผู้หญิง แต่ต้องรับภาระหนักขนาดนี้มิหนำซ้ำฐานะทางบ้านก็ยากจน ซึ่งหน่วยงานต่างๆในพื้นที่ก็พยายามช่วยเหลือตามอัตถภาพที่จะช่วยได้ แต่สิ่งที่พวกเราเป็นห่วงก็คือ เมื่อเด็กโตขึ้นเรียนสูงขึ้น ค่าใช้จ่ายย่อมสูงขึ้นเป็นเงาตามตัว หากมองดูถึงศักยภาพของเด็กคนนี้น่าจะมีอนาคตที่ดี แต่ทว่าพวกเขาต้องมารับกรรมที่ไม่ได้ก่อ อนาคตพวกเขาต่อไปจะเป็นอย่างไร เมื่อตาเสียชีวิตลงเขาจะอยู่กันอย่างไร นี่คือคำถามที่พวกเราคิดอยู่เสมอว่าจะมีวิธีช่วยเหลือพวกเขาอย่างไร รบกวนกัลยาณมิตรทุกท่านช่วยชี้แนะแนวทางในการช่วยเหลือน้องเค้าด้วยนะครับ

นี่เป็นแค่ส่วนหนึ่งของอีกหลายปัญหาที่เกิดขึ้นกับผู้ติดเชื้อและครอบครัวผู้ติดเชื้อ ที่รอให้เราและสังคมเข้ามาร่วมกันป้องกันแก้ไขเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้ป่วยและครอบครัวผู้ติดเชื้อต่อไป

หมายเลขบันทึก: 305868เขียนเมื่อ 14 ตุลาคม 2009 15:07 น. ()แก้ไขเมื่อ 12 กุมภาพันธ์ 2012 10:06 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (7)

ทำงานด้านนี้เหมือนกัน  พบเห็นแบบนี้เยอะ  เราก็ช่วยเท่าที่ทำได้ เช่น

1.หาทุนจากกระทรวง  พม.

2.ขอเงินสงเคราะห์เบี้ยยังชีพหรือทุนเด็กยากจนจากอบต.

3.สร้างความเข้าใจและลดการรังเกียจหรือเลือกปฏิบัติกับผู้ที่ติดเชื้อในชุมชน/สังคม  เพราะเอดส์ไม่ได้ติดกันง่ายๆจากการอยู่ในสังคมหรืออยู่ร่วมกัน  ใช้ชีวิตร่ว่มกันยกเว้นการมีเพศสัมพันธ์ที่ไม่ป้องกันชุมชนสังคมให้ความช่วยเหลือและเข้าใจในคนที่ติดเชื้อ

     ข้อ1และ2 ทำได้ง่ายไม่ลำบากแต่อาจจะยุ่งยากเล็กน้อย  แต่ข้อ3. นี่ทำยากจริงๆ  เพราะคนยังรังเกียจผ็ติดเชื้อ  ทำให้มีการปกปิดไม่เปิดเผยตัว  จึงยากแก่การป้องกันผ็ติดเชื้อรายใหม่ไม่ให้เกิดขึ้นได้

   เอาใจช่วยคนทำงานให้หาทางช่วยเหลือเด็กให้ได้หลายวิธีนะจ๊ะ

 

 

ขอบคุณนะครับสำหรับกำลังใจ เราจะตั้งใจทำงานต่อไปเพื่อคุณภาพชีวิตของคนไข้ที่เราดูแลครับ

สถานการณ์ดีขึ้นมากเมื่อเปรียบเทียบกับ เมื่อ 10 ปีที่แล้ว

เมื่อ Case แบบนี้มา เรา Supportive อย่างเดียว โดยเฉพาะ โรงพยาบาลขนาดเล็กไกลปืนเที่ยง

ดิฉันนั่งเป็นเพื่อนแม่เขา จนกระทั่ง คนไข้หยุดหายใจ ต่อหน้า ต่อตา ด้วย Respiratory failure

เราคงทำได้เพียงร่วมทุกข์ เมตตาเขาเหล่านั้น ...

ขอเป็นกำลังใจ ..ให้เพื่อร่วมวิชาชีพ สู้ๆๆ

ขอบคุณนะครับสำหรับกำลังใจ การที่เราได้มาทำงานด้านนี้นับว่าเป็นบุญของพวกเรายิ่งนัก ที่ได้ทำบุญด้วยและทำงานไปด้วย การที่เราได้เห็นคนที่เราช่วยเหลือมีความสุขขึ้น เราก็พลอยสุขใจไปด้วย

มาขอบคุณแทนเด็กๆที่บ้านไร่ และ อ่าวมะขามป้อม

มาให้กำลังใจในการทำงานกับผู้ติดเชื้อ

เห็นด้วยกับ คห1 คห3

ทำได้เท่าที่เป็นจริง

สิ่งที่สำคัญอีกประการคือการติดตามเฝ้าดูอย่างสมำเสมอ

ประคับประคองอย่าให้เลี้ยวไปไหน โดยเฉพาะตอนจบม.3

ขอบคุณอีกครั้งจ๊ะ

  • เสริมพลัง..ชมและยืนยันว่าสิ่งที่น้องเขาทำเป็นสิ่งที่ดีที่สุด
  • ไม่ยัดเยียด..สอบถามว่าน้องต้องการความช่วยเหลืออย่างไรบ้าง

จากประสบการณ์ครูติ๋วบ้านโฮมฮัก เล่าให้ฟังว่า ไม่ต้องการให้มาสงสาร อย่าทำให้เขาดูด้อยค่าลงไปอีกที่ต้องขอ

  • สุดท้าย ถ้าเป็นผม ผมจะคุกเข่าลงไปถามน้องเขาว่า ..หมอขอกอดน้องหน่อยได้มั้ย

ขอบพระคุณครับอาจารย์ สำหรับคำแนะนำดีๆครับ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท