โรงเรียนสตรีเศรษฐบุตรบำเพ็ญ : ระบบดูแลนักเรียนที่น่าสนใจ


การดูแล ป้องกันปัญหาที่อาจเกิดขึ้นกับนักเรียน เป็นเรื่องสำคัญยิ่งสำหรับโรงเรียนทุกโรง ทั้งนี้ เพราะโรงเรียนได้รับความไว้วางใจให้ทำหน้าที่ดูแลสิ่งที่มีค่ามากที่สุดในชีวิตคน คือ "ลูก"

              เมื่อวันที่ 18 สิงหาคม 2552 ผมได้มีโอกาสไปร่วมประชุมคณะกรรมการเขตพื้นที่การศึกษา กทม.เขต 2 ณ โรงเรียนสตรีเศรษฐบุตรบำเพ็ญ เขตมีนบุรี กทม.  ซึ่งในปัจจุบัน มี  ผอ.อัปษร  ภาธรธุวานนท์  เป็นผู้อำนวยการโรงเรียน ก่อนเริ่มประชุมได้เปิดโอกาสให้ ผอ.โรงเรียนกล่าวต้อนรับและแนะนำโรงเรียนโรงเรียนสตรีเศรษฐบุตรบำเพ็ญ 

            จากการรับฟังรายงาน ผมขอชื่นชม และขอยกตัวอย่างสิ่งดี ๆ ในโรงเรียนแห่งนี้ ที่คิดว่าจะเป็นแนวทางแบบอย่างสำหรับโรงเรียนอื่น ๆ ได้ ในอนาคต คือ

          1.  เรื่องการดูแล ช่วยเหลือหรือป้องกันปัญหาพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมในหมู่นักเรียน  แนวปฏิบัติที่น่าสนใจ คือ ท่านผู้อำนวยการ และรองผู้อำนวยการ ได้ให้เบอร์โทรศัพท์ส่วนตัวกับผู้ปกครองเครือข่าย เพื่อให้ผู้ปกครองช่วยเป็นหู เป็นตาห้กับโรงเรียน ทำให้ผู้ปกครองสามารถสื่อสารถึงผู้บริหารและคณะได้อย่างรวดเร็ว  เป็นประโยชน์อย่างยิ่งต่อการป้องปราม ในเรื่องพฤติกรรมอันไม่พึงประสงค์ของนักเรียนที่อาจเกิดขึ้นในขณะอยู่ภายนอกโรงเรียน

          2.   เรื่องการดูแล ส่งเสริมสุขภาพนักเรียน โรงเรียนได้ให้ความสำคัญในเรื่องนี้เป็นอย่างดียิ่ง มีการให้ความรู้แก่เด็ก สร้างความตระหนัก และส่งเสริมพฤติกรรมสุขภาพ   มีระบบคัดกรองเด็กป่วยแบบทันทีทันใดในขณะเข้าแถวในตอนเช้า เพื่อป้องกันปัญหา หรือแก้ปัญหาได้อย่างทันท่วงที   การจริงจังเช่นนี้ มีผลทำให้สามารถป้องกันโรคได้อย่างมีประสิทธิผล(โดยเฉพาะช่วงการระบาดของโรคหวัด 2009 ที่ผ่านมา)

            3.  การป้องกันปัญหาการติด 0  ร . มส.  จนมีผลทำให้นักเรียน ม.3 และ ม.6 จบพร้อมรุ่น 100 % เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่น่าชื่นชมยิ่ง  โรงเรียนได้ให้ความสำคัญและมีปฏิทินการป้องกันปัญหาในเรื่องนี้ อย่างน่าสนใจ รวมทั้งมีเทคนิควิธีในการป้องกันปัญหา จนในที่สุด ประสบความสำเร็จ  ทำให้เด็ก ม.3 และ ม.6 จบพร้อมรุ่นแบบ 100 % มาเป็นเวลา 2 ปีแล้ว ถ้าทุกโงเรียนคอยเฝ้าระวังเช่นโรงเรียนแห่งนี้ จะช่วยลดโอกาสการสูญเปล่าทางการศึกษาได้เป็นอย่างดียิ่ง(ในปัจจุบัน ในโรงเรียนทั่วไป จะมีเด็ก ป.6  ม.3  หรือ ม.6 จบไม่พร้อมรุ่น จำนวนหนึ่ง อันเนื่องมาจาก ติด “0”  “ร”    หรือ “มส” แบบตกค้างมา 1-2 ปี)

          โรงเรียนแห่งนี้ ยังมีอะไรดี ๆ หลายอย่าง ที่ผมไม่สามารถเก็บมาบอกเล่าได้หมด(หากท่านใดมีโอกาส ก็เชิญแวะไปชื่นชมก็แล้วกัน) เฉพาะ 3 เรื่อง ดังกล่าวข้างต้น  หลายโรงเรียนอาจมองว่าเป็นเรื่องเล็ก ทั้ง ๆ ที่โดยเนื้อแท้แล้ว  ภายใต้แนวคิดการจัดการศึกษาแบบเน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ  ทั้ง 3 รายการนี้ ถือว่าเป็นสิ่งจำเป็นและสำคัญยิ่ง ที่โรงเรียนควรให้ความสนใจเป็นพิเศษ

หมายเลขบันทึก: 304506เขียนเมื่อ 9 ตุลาคม 2009 14:44 น. ()แก้ไขเมื่อ 16 มิถุนายน 2012 02:47 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (5)

 

สวัสดีค่ะอาจารย์

  • สนใจเรื่องการป้องกันปัญหาการติด 0  ร หรือ มส. เพราะที่โรงเรียนมีปัญหามากมายแก้แล้วก็ไม่แล้วติดตามผู้ปกครองมาให้มารับงานพร้อมนักเรียนพร้อมให้คำแนะนำก็แล้ว..นักเรียน ม3.และ ม.6 จบไม่พร้อมรุ่นค่อนข้างมาก..คงจะต้องปรับเปลี่ยนวิธีการใหม่...ขอบคุณอาจารย์มากๆที่นำแนวคิดและวิธีการดีๆมาบอกเล่ากันบังเอิญโรงเรียนอยู่ไม่ไกลกันนักคงจะได้เข้าไปขอคำแนะนำมาปรับใช้ในโรงเรียนบ้าง
  • ขอบคุณอาจารย์มากๆค่ะ...เปิดอ่านช้าไปหน่อยแต่ก็ยังดีที่ได้อ่าน

ผมเป็นผู้ปกครองของนักเรียนคนหนึ่งของระดับชั้น ม.5/7 ของ ร.ร. ส.ศ. และพบว่านักเรียนส่วนหนึ่งในห้องนี้มีอุปนิสัยกร้าวร้าว พูดจาไม่มีหางเสียงต่อผู้ใหญ่ที่บ้าน และคุณครูที่โรงเรียนเป็นอย่างมาก ผมไปประชุมผู้ปกครองทุกครั้งที่ทางโรงเรียนจัดขึ้นจึงมีโอกาสเห็นพฤติกรรมของตัวนักเรียนที่ปฏิบัติต่อคุณครู ในส่วนของที่บ้านก็พบประจำทุกวัน ว่ากล่าวตักเตือนไม่ได้จะแสดงอาการไม่พอใจ (ทั้งๆที่เรียนอยู่ที่โรงเรียนสตรีล้วน) และนักเรียนห้องนี้เป็นกลุ่มที่มีความฉลาดน้อยมากอยู่แล้ว โดยดูจากผลสอบล่าสุดผู้ที่สอบได้อันดับที่ 1 ของห้องยังได้คะแนนหลายวิชาที่เกือบจะไม่ผ่าน ดังนั้นนักเรียนในห้องที่เหลือ ก็ต้องมีคะแนนที่แย่กว่าอย่างเห็นได้ชัด เมื่อเปรียเทียบกับผู้ที่สอบได้อันดับที่ 1 ของห้อง ทุกครั้งที่นักเรียนสอบได้คะแนนต่ำกว่าเกณฑ์ของแต่ละวิชาก็จะอ้างว่าคนที่ได้อันดับ 1 ยังได้แค่นั้นแค่นี้ แสดงว่าตัวนักเรียนคิดแค่ว่าจะแข่งกับเพื่อนในห้องไม่มีมุมมองที่คิดจะแข่งกับเพื่อนในระดับชั้นเรียนแล้วอย่างนี้จะไปสอบแข่งในระดับมหาวิทยาลัยได้อย่างไร แัละตัวนักเรียนกลับฝักใฝ่ ในการค้นหาและฝึกซ้อมท่าเต้นแด๊นซ์ พอผมว่าตักเตือน ก็อ้างว่าจะเอาไปเป็นใบผ่านทางในการสอบเข้ามหาวิทยาลัย ในส่วนตัวผมว่าเป็นความคิดที่ผิด เพราะนักเรียนยังอยู่ชั้น ม.5 แทนที่นักเรียนจะเอาเวลาอ่านทบทวนตำราเรียน แต่กลับเป็นว่าท่องอินเตอร์เน็ตหาท่าเต้นของนักร้องเกาหลี ผมขอยกตัวอย่างการทำรายงานของนักเรียนในปีนี้ให้ดูครับ ทางคุณครูสั่งให้นักเรียนทำรายงาน "ประวัติบุคคลสำคัญ" แต่ตัวนักเรียนกลับไปทำประวัติของดีเจวิทยุคลื่นฮิตคลื่นหนึ่งของวัยรุ่น ผมไปเห็นเข้าผมก็เลยถามว่า ดีเจวิทยุ เป็นบุคคลสำคัญตรงไหน ผมได้คำตอบกลับมาว่า "ใช้ได้ไม่เป็นไรเพื่อนๆหลายคนก็เอาประวัติดีเจเหมือนกันครูไม่ว่า" ตัวผมงงมากว่าเดี๋ยวนี้คนที่มีอาชีพเป็นดีเจกลายเป็นบุคคลสำคัญไปแล้ว แต่หลังจากนั้นไม่นานหลังจากส่งรายงานแล้วนักเรียนที่บ้านผมก็ต้องแก้รายงานใหม่เพราะคุณครูบอกว่าดีเจไม่ใช่บุคคลสำคัญ ผมดีใจที่คุณครูสั่งให้นักเรียนไปแก้รายงานครับ จะเห็นได้ว่าความคิดและมุมมองของนักเรียน สั้นและแคบมากๆ อยากให้ทาง โรงเรียนชี้นำให้นักเรียนกลุ่มนี้หลุดพ้นจากความเข้าใจผิดๆ ยังไงก็ขอให้สอบผ่าน ชั้น ม.5 โดยไม่ติด ร.,0 ก่อนดีกว่าครับ ผมยังมีความภูมิใจที่ลูกสาวผมไม่ติด ร. (แต่ไม่ดีใจครับเพราะมี ศูนย์ หลายวิชา) เฉลี่ยคิดเป็นเปอร์เซ็นต์ที่สอบได้จากใบประกาศผลสอบอยู่ที่ 60 ~ 63% ส่วนลูกสาวคนเล็กผม 89% (ไม่ได้เรียนอยู่โรงเรียนนี้ครับ)

สมัยผมเรียน เวลาทำรายงานไม่จำเป็นต้อง ใช้โทรศัพท์ถามเพื่อนหรืออินเตอร์เน็ตหาข้อมูลเพราะสมัยผมอินเตอร์เน็ตยังไม่มี แต่สมัยนี้ที่ผมเห็น ลำพังใช้อินเตอร์เน็ตหาข้อมูลทำรายงานก็ โอเคครับ รับได้อยู่ และใช้โทรศัพท์ถามเพื่อนเรื่องงานก็ยังพอรับได้ในระดับนึง แต่โทร.ถามชื่ออาจารย์ประจำวิชาเพื่อที่จะพิมพ์หน้าปกรายงานนี่สิครับ (ผมเห็นโทร.ถามบ่อยครับ)และบางครั้งเพื่อนที่ถูกโทร.ถามก็ไม่รู้ชื่ออาจารย์เหมือนกัน........นี่กลับกลายเป็นว่านักเรียนยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเรียนกับอาจารย์คนไหนหรือว่าชื่ออะำไรทั้งที่เรียนมาเกือบปีแล้ว แต่ชื่อนักร้อง-ดาราต่างประเทศทั้งที่ไม่มีโอกาสได้เจอตัวจริงเลยกลับจำได้แม่นยำ แต่ชื่ออาจารย์ที่เจอกัน 5 วัน/1 สัปดาห์ ยังไม่รู้แล้วจะเรียนรู้เรื่องกันได้ยังไงครับ เป็นความผิดของตัวนักเรียนรายบุคคล ลำพังผู้ปกครองคงจะทำอะไรไม่ได้มาก อยากให้ทางโรงเรียนและคุณครูหาแนวทางแ้ก้วไขปัญหาที่ต้นเหตุด้วยครับ และถ้าให้คุณครูปักชื่อที่หน้าอกเสื้อคงเป็นการแก้ไขปัญหาที่ปลายเหตุมากกว่าครับ

ผมอยากส่งให้ทาง ร.ร. ส.ศ. โดยตรงแต่ไม่ทราบ e-mail / www. ของทางโรงเรียนครับ

                                      ด้วยความเคารพ / ผู้ปกครองนักเรียน

ขอให้ รร.สศ จัดทำ web ใหม่

มีขอมูล ของนักเรียน ผลสอบ บันทึกการมาเรียน 9ล9

เป็นการสะท้อนคุณภาพนักเรียนเป็นอย่างดีในยุครู้แต่รูปภาพไม่รู้ใจ(ทางอินเตอร์น็ต) ควรเสนอความเห็นนี้ให้กับทางโรงเรียนทราบโดยตรงทางไปรษณีย์ลงทะเบียน

คุณครูควรน้อมรับคำท้วงติงของคุณพงษ์ศักดิ์ไปพิจารณา

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท